เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
numerous | October Prompts 2024wallflowerblu
XXII. Book to Read While Contemplating Reality
  •  

    ไฉนท่านเพรียกหาความเสื่อมสิ้น วานบุตรเยี่ยงข้าจึงขอผุดขึ้นน้อมเยือน

     


     

    XXII. Book to Read While Contemplating Reality

     

    ฮัมเฟรย์ เมอร์ริง มองเงาดำด้านเหลือบลักษณ์คลึงรอยนิ้วบนผนังฝั่งริมซ้ายของชั้นสองของบ้านมิสซิสซิลลิแวน หากตวัดสายตาผิวเผิน ไม่ว่าใครก็สามารถอนุมานออกได้ทันทีว่ามันคือรอยลากนิ้ว และไม่ว่าจะช้อนตาขึ้นมองมุมใด มันก็สวมรอยเป็นอวัยวะคุ้นตาตามที่ปุถุชนทั่วไปพึงมี — รูปร่างแบ่งปล้อง เรียงเส้นกลมกลึงอันทำหน้าที่หยิบฉวยของมนุษย์

    ชายผู้สวมเสื้อคลุมหมายเลขประจำเขตฟินส์เบอร์รี ประกอบรหัสสี่หลักบนปกเสื้อของสายสืบภาคสนามเพ่งนับจำนวนของรอยเปื้อนปริศนาเหล่านั้น จำแนกพลันถ้วนได้ห้าหัวแม่มือ แปะเยื้องกับบานเลื่อนหน้าต่าง ซึ่งสามารถผลักเข้ามาในตัวโถงห้องพักได้ทิศเดียว เพราะผู้รังสร้างคงต้องการประหยัดพื้นที่ แผกจากชั้นล่างที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบระบบบานเลื่อนทั่วไป เคลื่อนปิดได้โดยฐานรับส่วนบนเป็นแบบคงที่ อันมีคานกระจกหนากว่าเพื่อรองรับกระจกบานเล็กผ่านการใช้สอย เชื่อมต่อกันและกันด้วยผืนกระจกเคืองชิดขนาด 6 บานต่อ 6 บาน ดังอุดมคติที่ว่า “สมมาตร คือ ความคลาสสิกนับรุ่นต่อรุ่น” ตามคำลือร่ำขององค์กรแหล่งค้าที่คงไม่มีวันปลาสนาการโดยเร็วตามยุคสมัย

    แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบดีซี [1] อย่างเขา ค่อนข้างทราบดีอยู่แล้วว่า พวกเขาคงแค่ต้องการจะลดภาระภาษี หาใช่เรื่องสมดุลหรือสะดวกสบายตามวจีแผ่เหลือเผื่อประชาชนดั่งหวัง เป็นเรื่องปรกติในวงการทำนุบำรุงฉากหน้า โดยเฉพาะเมื่อมันถูกสรรค์แต่งให้เป็นเรือนพักของสาวใช้ อนึ่ง ภาษีนำเข้าคงเอื้อหนุนต่อการก่ออิฐทับบานหน้าต่างเสียยิ่งกว่า

    เมื่อคำนึงถึงหมุดหมายที่จะทำให้มันดำเนินไปเช่นนั้น เมอร์ริงจึงจับความสาวประเด็นอื่นต่อ เรื่องรอยด่างที่ว่านั่น ในความคลุมเครือขององศาทาบเนื้อปูนเปลือย ต่างเพียง ท่ามกลางรอยเขม่าโทนเข้มปื้นหนาของดวงนิ้ว กลับไร้ขดวงก้นหอย สำหรับแย้งเอื้อต่ออรรถบทของการพร่ำเปรียบอัตลักษณ์ในความเป็นบุคคลแฝงปรนอย่างสิ้นเชิง สบทบข้าวของวางระเบียบครันภายในตัวบ้าน ทั่วอณูกว้างไม่เหลือสิ่งเปล่าดายใดจะใช้ปรามาสพิรุธขาดพร่องจำนวนเสียหายสักกระผีก อีกทั้งยังไร้คำท้านถึงใบหน้าหรือแม้แต่เงาหัวจอมขโมยใดจากปากพยาน

    สิ่งนี้ ยิ่งทำให้เขาถอนใจรดมวลอากาศถ่ายเทผ่านบานพับเบื้องหน้า ทว่า จังหวะเต้นระส่ำไม่เป็นทำนองที่ผู้อื่นไม่มีวันเข้ามาสมรู้ร่วมคิด กลับยิ่งรวนเรแฝงลมสูดดมล้นอก

    มันไม่ควรจะติดอยู่ตรงนั้น ตรงที่ส่วนสูงของเจ้าหล่อนคว้าไม่ถึง

    คนที่แจ้งเรื่องเดือดเนื้อร้อนตัวเข้ามาเป็นหญิงหม้ายกลางคน เธอมีประวัติเป็นผู้ถือครองเรือนพักแหล่งนี้ หน้าที่ปัจจุบันคือผู้ช่วยส่วนครัวกลางของเครือธุรกิจร้านอาหารที่เพิ่งจะทำการเปิดตัวไม่นาน ภายใต้การดูแลของรัฐบาลตามพระราชบัญญัติร้านอาหารพลเมือง ซึ่งยังต้องปันส่วนอาหารหลังมีอยู่อย่างจำกัดให้ผู้คนได้รับประทานครันถ้วน 3 มื้อ อย่างต่ำ เพราะแม้แต่กะหล่ำปลีที่โตเร็วก็ยังถูกวิบากกรรมกลบสลายตามสภาวะอากาศผันผวน จนต้องเลาะกาบเหลือปรุงสุกเพียงแกนเล็ก สืบเนื่องผิวนอกเน่าช้ำในระยะกะหล่ำปลีห่อหัวพาลให้ปลีเละ

    ระยะหลังมานี้ เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ ก็มีรายงานเรื่องคดีมือขโมยปะปนหัวเมืองรายวัน โดยเฉพาะเมื่อทางการเปิดรับผู้อพยพตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ปรับโครงสร้างใหม่ มีรายงานว่าในบรรดา 492 ราย ที่เดินทางด้วยเรือ “Empire Windrush” บางส่วนแยกออกไป 241 ราย ที่ยอมรับข้อเสนอจากสำนักงานอาณานิคมในการช่วยหางานและที่พัก ขณะที่บางกลุ่มอีก 251 ราย เลือกจะเดินทางต่อ โดยพวกเขาอ้างเรื่องต้องการแวะข้องคนรู้จัก ญาติสนิทในถิ่นไกลกันดาร บ้างก็วางใจตามมิตรสหาย แลอื่น ๆ แม้ภายหลังจะยังไม่มีรายงานคืบต่อข่าวคราวสำหรับคนกลุ่มนั้น เพียงแต่เจ้าหน้าที่สวัสดิการอาณานิคมล้วนออกแถลงการกล่าวแนบท้ายในบทบันทึกเล่าผ่านหมึกอักษรตัวพิมพ์แคระ “เชื่อกันว่าคน 251 คนได้ตั้งรกรากสำเร็จแล้ว มิฉะนั้น เจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ของสำนักงานอาณานิคมคงได้เห็นหรือได้ยินเรื่องราวของพวกเขา” ในทางตรงข้าม เมอร์ริงกลับจนใจในเจตนาลุ่มลึกเหล่านั้นเสียอีก เพราะทางแมนเชสเตอร์ก็มีให้เห็นว่าบริบทแรงงานรองรับชนกลุ่มใดอยู่ บางที พวกสื่อข่าวควรจะเสริมด้วยว่าชายกลุ่มนี้เดินทางไปลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ กระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนผิวสีจำนวนมากที่ว่างงานในอาณานิคมทางตะวันตกเฉียงเหนือ คงดูเป็นไปได้

    ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มหวั่นต้อนสัมปชัญญะอึงอล ก่อนวิสาสะเหลือบสังเกตใบหน้ากลัดกลุ้มตรงฝั่งเบื้องหน้า เหนือเก้าอี้ชุดสี่ตัวของห้องรับประทานอาหาร ผมเผ้ารุงรังเปล่งเงาสะท้อนดวงโคมค่อนทิศตะวันออก เมอร์ริงลอบพิจารณา มันดูคล้ายเฉดใบร่วงกรอบผลัดเข้าฤดูเปลี่ยนสีตามวงโคจรไม่น้อย บางส่วนหล่นเกลี่ย ปรกเคียงขมับฝั่งขวา บางส่วนตกไถ ห้อยรกคล่ำปกกำมะหยี่สีนวลนิล แม้ความยุ่งเหยิงส่วนตัวจะถูกหล่อนมัดรวบและขึงมวยไว้อย่างรวบรัด ทว่า ความวิกลนี้กลับไม่สมเท่าเป็นความตั้งใจเลยสักนิด คงเพราะเจ้าหล่อนเพิ่งจะฟื้นกายลุกห่างเรือนนอนเต็มประสบ หลังเอกเขนกจวนล่วงแดดโลม ผิวละเอียดละออของมิสซิสซิลลิแวนและอาภรณ์คลุมเนื้อตัวกลับกลายสู่ข้อเฉลย ในเรื่องรู้หลักใช้เม็ดเงินตัดปัญหา ซึ่งก็คงถูกดูแลเป็นอย่างดีจากสาวใช้ตามคาด เธอยอมเล่าบริบทท้าวความหลังตามขั้นตอนสืบประสงค์ ความว่าตนสวมนามสกุลเดิมหลังเสียผู้เป็นสามีไปเมื่อสองปีก่อน น้ำเสียงเครือสั่นเวลานี้ของหล่อนคงไม่ปรารถนาจะอยู่ในเรือนตน โดยเฉพาะโถงหับชินตา ซึ่งบัดนี้กลับรายหน้าล้อมหลังไปด้วยกองพลของตำรวจตระเวน สมทบหน้าที่หุนหันโดยตรงของตำรวจสืบสวนอย่างฮัมเฟรย์ เมอร์ริง ซึ่งถูกเรียกตัวกะทันหันให้มาออกโรงเป็นฝ่ายซักทอดตามอำนาจสายสืบ เพราะตำบลเซนต์แมรี่อิสลิงตัน (อิสลิงตัน) เป็นหนึ่งในเขตรองฝั่งเหนือที่เขารับผิดชอบร่วมกับเจ้าหน้าที่นักสืบฝึกหัด (T/DC) อย่างชาร์ลส์ติดสอยมาด้วยผู้หนึ่ง

    นัยน์อ่อนราวผลอัลมอนด์หลุบเรี่ย รำไรแววกังวล “ก่อนหน้า กลางดึก...ดิฉันได้ยินเสียงเคาะหนัก ๆ อยู่เพียงเสี้ยวนาที คิดว่าเป็นการละเล่นของเด็กมือบอนในตรอกด้วยซ้ำ...”

    “แล้วมีใครอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับคุณอีกไหมครับ นอกจากสาวใช้”

    เธอส่ายหน้า ไกวนิ้วปัดแนบตามกลีบผ้า ก่อนกำรวบชายกระโปรง ระอาน้ำเสียงผิดหวัง

    “เขาไม่น่าจากไปเลย ถ้าเขาอยู่ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด” เมอร์ริงตรองอ่าน เจ้าหล่อนคงหมายถึงมร. ลินตัน อดีตสามีที่ตนสูญเสียไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเพราะพิษโรคบาดทะยัก ในช่วงที่เขายังเข้าทำงานอยู่ที่โรงกลึงในชิปเพนแฮม มณฑลวิลเชอร์ได้นานห้าปี แม้ในอดีต แพทย์และศัลยกรรมหลวงฟรีดริช-วิลเฮล์มของสถาบันแพทย์ทหาร จะมีหน่วยแพทย์ประจำสถาบันเภสัชวิทยาตีพิมพ์เซรุ่มรักษา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถป้องกันได้ทั้งหมด เพราะวิธีรักษาที่ได้ผลที่สุดในการระบายโรคนี้เริ่มจากการสร้างภูมิคุ้มกันแบบพาสซีฟ [2] ในการติดเชื้อเป็นครั้งแรกก่อน สารพิษจากแบคทีเรียจะทำให้ซีรัม [3] ที่ได้รับวัคซีนลดระดับรุนแรงของเชื้อผ่านการต้านพิษไม่ให้กลายอันตราย เนื่องพัฒนามาจากเซรุ่มรักษาโรคคอตีบ ซึ่งซีรัมปริมาณมากที่จำเป็นต้องใช้นั้นมาจากการสร้างภูมิคุ้มกันในสัตว์จำเพาะม้ารวมถึงแกะ และเพื่อปกป้องสัตว์ที่มีคุณค่าทางการเกษตร ณ เวลานั้น กระทรวงเกษตรจึงเข้ามามีบทบาทจำเป็นสำหรับสนับสนุนความพยายามในการวิจัยเพื่อพัฒนายา และเพราะการดำเนินระหว่างลุผลลัพธ์ยังไม่มีการทดลองในทางคลินิกกันอย่างจริงจังกับมนุษย์ ฝ่ายบริหารของกองทัพจึงไม่อาจยอมรับซีรัมในปริมาณส่วนน้อยนี้ได้ กระทั่งความยับยั้งชั่งใจนี้นำไปสู่โศกนาฏกรรมของการสูญเสียกองทหาร รวมแม้แต่ประชาชนไปจำนวนไม่น้อยตามมาทีหลัง

    เมอร์ริงเชิดปลายคางถัดไปยังสาวใช้บ้าง เธอมีนิ้วมือเล็กสั้น สัดส่วนพอ ๆ กับเครื่องหน้าละเมียดละไมข้างใต้หมวกผ้าคลุมใบโต เมื่อฝ่ามือคู่นั้นประคองซ้อนนิ่งสงบ กุมตามแนวยาวของกันเปื้อนสีทมิฬ เมอร์ริงเฉลี่ยอายุคู่เจรจาจากเครื่องหน้า ราวหล่อนยังเยาว์โขเกินกว่าจะหมุดยึดหน้าที่เกินตัวนี้ แต่สีหน้าระแวงที สลับกระวนกระวายนั้น กลับคล้ายอยากจะบอกทุกสิ่งฝันเท่าที่ริมฝีปากไหวหวั่นใคร่ปรารถนาพลันแล่น หลังถูกอนุญาตจากนายจ้างให้ท้าวความเล่าถึงสิ่งเถรตรงในเรือนอึมครึมหลังใหญ่ และยิ่งเมื่อเหตุฉุกละหุกถือสถานเกิดความเสื่อมเสียในห้องของเธอ ฉะนั้น ก็คงเป็นเรื่องปรกติที่สาวเจ้าจะหวาดกลัว ผ่านกิริยาไม่วางใจให้ตนกวาดตาเหลือบผู้คนที่ไม่อาจทราบแม้แต่จะเกริ่นคำนำหน้ามากำหนดภาวะต่างแดนเช่นตนได้อย่างถูกจริต

    เมอร์ริงพอจะตระหนักเรื่องไม่ชอบกลของฝ้าเพดาน...

    เพียงแต่สิ่งที่เธอปริเล่า ไม่อาจทำให้เขายอมรับได้

    อย่างยิ่ง

     

     

    “บานหน้าต่างทั้งหมดเป็นเพียงดวงตาอันยิ่งใหญ่ดวงเดียว

    ควรตรวจดูและชื่นชมความงามของคุณ

    และถ้าเรามองออกไป เราจะเห็น

    สวนที่ปฏิรูปด้วยเช่นกัน”

    -- CHATSWORTH

    (C.)

     

    หน้ากระดาษพิมพ์สีกร่อยหดยับตามภูมิอากาศชื้นหนาวของปลายเดือนพฤศจิกายน สารสารพันอย่างบรรจงสลักหมึกด้านทมิฬ ไล่เรียงหัวข้อชวนให้ปรายอ่าน ทว่า สัญชาตญาณสายสืบของเมอร์ริงกลับล่วงเกินถึงเจตนาเหล่านั้นในเนื้อหา โดยไม่ทันรู้ตัวเรื่อง แอชตัน กวิน วางมือทาบเหนือแผ่นกระดาษที่เปื้อนรอยปากกา ถึงแม้จะเคยเกริ่นเรื่องการแบ่งเส้นขาดในพื้นที่ 30 ตารางเมตรดิบดี แต่เจ้าตัวก็มักเข้ามาป้วนเปี้ยนงานของเมอร์ริงเสมอ เขา— หรือกวิน สหายคนสนิทของสายสืบภาคสนามอย่างฮัมเฟรย์ เมอร์ริง เด็กหนุ่มในอดีตผู้นั้นถูกฟูมฟักให้เติบโตขึ้นจากชานเมืองพร้อม ๆ กับเมอร์ริงเลยก็ว่าได้ ทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกัน ประสาธรรมเนียมแลกผลผลิตในวงเพื่อนบ้านขนบดั้งเดิม แม้จะทำตัวไม่เอาไหนบางคราว แต่กวินกลับจับผลัดจับพลูมาอยู่เป็นผู้สมคบแบ่งรายจ่ายร่วมห้องกับเมอร์ริงได้ ก็เพราะนิสัยกวนประสาทคนไม่เลือกหน้ากับสภาพรุงรังของกระบอกวาดรูปติดตัว ที่มักพกออกไปเก็บรูปธรรมชาติไม่เว้นวันนั่นก็อีกเรื่อง

    เดิมที ผู้ดูแลเรือนพักย้ำกับเมอร์ริงเรื่องความสะอาด เมื่อเห็นภาพลักษณ์คราแรกของสหายคนสนิทผู้นี้ แต่เมื่อตารางจ่ายของหมายเลขห้องในรายการบัญชีหล่อนเริ่มคงเส้นคงวา เธอก็เลิกรามือกับกวินเรื่องห้ามสูบบุหรี่ในห้องได้ร่วมเดือน

    “เลิกยุ่งเรื่องงานคนอื่นจะได้ไหม” เมอร์ริงชิงตัด ตวัดกระดาษบันทึกมาอยู่ในมือ เกรงถึงเถ้าบุหรี่ใต้เรียวนิ้วอีกฝ่ายจะหยดเปื้อนคำสันนิษฐานจากความสงสัย อันถูกกบฏเลือนชั่วครู่เพราะความไม่ชอบกลบนใบหน้าบูดเบี้ยวเหนือหัว

    ส่วนสูงของกวินดูไกลเอื้อม จรดรวมหกฟุตนั้นยิ่งห่างพ้น เมื่อเมอร์ริงขดกายอยู่บนโต๊ะทำงานที่ปัจจุบันถูกเลื่อนสถานะมาเป็นฟูกนอนถาวรเสียปริยาย

    “คุณนายเมอร์ริงเลี้ยงลูกด้วยอะไร ถึงได้ปากร้ายเหลือเกิน”

    เมอร์ริงชักหน้าถอดสี ไร้เรี่ยวจะต่อบทไม่ประสา “ก็—ไอ้เรื่องนี้มันน่าแปลก... เหมือนเธอจะโยงให้เราเข้าใจผิดเป็นเรื่องพิศวงอยู่ได้ ไม่อย่างนั้น คงเป็นฤทธิ์หลอนจากยากดประสาท [4] ที่กินประจำหลังเสียสามี”

    “แต่มันมีจริงไม่ใช่รึไง” กวินลากนิ้ว ทวนเนื้อบันทึกที่เมอร์ริงลำเลงอักษรชั่วครู่ แต่เป็นการจรดชี้บนเนื้อไม้แทน เพราะเมอร์ริงควานเก็บเนื้องานเป็นความลับเสียแนบอกแน่น

    “รอยมันแปลกพิลึก ถ้าเป็นของคนจริงก็ควรไม่เท่ากันซี แต่นี่มัน...เท่ากันอย่างกับฝีมือผี

    เมอร์ริงสั่นศรีษะยอกย้อน

    “อวัยวะคน ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันไปซะทุกรายเสียหน่อย”

    กวินคว้ามือข้างกุมปลายแท่งปากแหลมของเมอร์ริงขึ้นเทียบฝ่ามือตน “ยังไง” วัสดุยี่ห้อดีที่ได้รับเป็นของขวัญเมื่อครั้งถูกรับเลือกบรรจุ หล่นกระทบผิวโต๊ะ เมอร์ริงหดข้อมือกลับคืนขณะทิ้งลมหายใจหน่ายอก “แบบนี้ถึงไล่ตามฉันไม่ทัน” เขาชี้นิ้วกล่าวโทษกระบอกม้วนใยผ้าสังเคราะห์สำหรับระบายสีตั้งเอียงหมิ่นเหม่ปลายเตียง

    ก่อนจะนึกบางอย่างออก

    “เดี๋ยวนะ” เมอร์ริงขมวดคิ้วมุ่น “รู้ได้ยังไงว่ามันคือรอยนิ้วมือ”

    ปากอ้าฉอดขณะลังเลจะเอ่ย แต่ก็ยอมแพ้ต่อสัญชาตญาณ “รู้จักบ้านของมิสซิสซิลลิแวนด้วยรึไง” อาจเพราะข่าวลือก็ได้ เมอร์ริงสันนิษฐานให้ใจสงบ

    “ก็ตอนฉันเข้ามา นายเอาแต่ด้อม ๆ มอง ๆ มือตัวเอง ถึงจะโง่เรื่องวิชาการแต่ฉันเก่งเรื่องเดาใจคนนะ” กวินเอื้อมตัว วางหมวกเบเรต์ใบเก่าลงบนเตียงชั้นแรก

    อัตราส่วนฟูกนอนทุกระเบียบชั้นค่อนข้างจะคับพอดีสรีระ ทว่ากลับตรงกันข้ามกับเมอร์ริงที่สละใจเลือกนอนชั้นบน (ในอดีต) คราวนั้น ทุกตารางนิ้วรวมหัวจรดท้ายทั้งเคืองเบียดทั้งแออัดสำหรับกวิน เมอร์ริงจึงอาสาจะย้ายลงมานอนชั้นล่าง เพราะรำคาญเงาขาปรกบังแสงจ้าเหนือเปลวเทียน เวลาเจ้าตัวพักข้อเท้าห้อยหล่นลงมาครั้นถึงกลางดึกลำพังที่เขายังต้องไล่อ่านบันทึก กวินกลายร่างเป็นเงาตะครุ่มเหมือนบลันเดอร์บอร์ [5] ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ลุดแวนในปรัมปราไม่มีผิด เมื่อเทียบความเป็นอยู่ของเขาเข้ากับห้องไม่กี่ตารางเมตรที่ไม่ควรจะมีมนุษย์เพศชายแออัดอยู่ได้ หนำซ้ำยังก่ายกองอีกคน ทั้งที่ชื่อในสัญญาเช่าระบุไว้เพียงหนึ่งและเมอร์ริงเองก็ไม่รู้ว่าลินดาจะมีโอกาสแก้มันหรือยัง หรือฝ่ายดูแลมรดกเช่นเธอคงปล่อยเลยตามธรรมเนียมเพราะไม่อยากจ่ายส่วนต่างที่ต้องปรับปรุงตามภาษีอสังหา แค่เพราะผู้เช่าอาศัยอย่างเขาใช้กลยุทธ์เพิ่มธนบัตรเหนือข้อผ่อนปรนแต่แรก

    เนื่องเพราะปันส่วนอเนกประสงค์ด้านอำนวยความสะดวกไม่สบพอร่างกายแท้ ๆ

    “เราซื้อเตียงใหม่ดีไหม ไอ้นี่มันทำฉันประสาทเสียตอนหน้าฝนชะมัด” เขาท้วง ปากก็ไม่วายงุ่นง่านกับบุหรี่เกือบค่อนมวน “ไม่นายก็ฉันจะต้องมารับกรรมถ้าคนดูแลที่นี่ไม่ลงมือ”

    เมอร์ริงนึกอะไรบางอย่างออก บางอย่างที่คิดว่าฐานะเจ้าหน้าที่ฝึกหัดอย่างชาร์ลส์เอง ก็คงไม่ช่วยเฉลยปมให้แก่เขาได้ง่ายเท่าเจ้าของร้านขนมปังคอร์ทเช่นกวิน

    เพราะกวินอยู่กับความร้อนและการนวดแป้งมาเกือบครึ่งปี เมอร์ริงคิดว่ามันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเกลียดชังกลิ่นชื้นและเชื้อรา ที่พวกมันจะคอยแฝงชีวิตอยู่กับวิธีฝังตัวซึมสปอร์ กระจายร่างรวมอยู่ในซอกหลืบต่าง ๆ ตามห้องพักมุมอับ ถึงแม้ฝ่ายดูแล ซึ่งเป็นหญิงสูงวัยมักกล่าวแย้งเรื่องเขาชอบสูบบุหรี่ทุกวัน หลังยัดเยียดคำท้าน เธอเอาแต่บอกว่าอุปนิสัยของกวินทำให้ห้องเช่าราคาดีติดกลิ่นขมไหม้นั้นตลอดกาล และต้องลดราคาขายหากเราย้ายสำมะโนครัว แม้เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามห้องอย่างเจมิลีจะแอบทำก่อนแล้วบ้าง เธอก็ไม่กล้าดุว่าหล่อน เพราะหล่อนเป็นคนที่นี่ ความลำเอียงมักถูกเกริ่นอ้างตามทฤษฎีสมคบฉากเป็นไปได้โดยสำคัญจริง แต่เมอร์ริงกลับรู้เพียงถ้อยแถลงของเธอมันไม่หนักแน่นพอจะให้สหายคนสนิทของเขารามือกวนประสาทเจ้าหล่อนสักวัน เพราะเขารู้ว่าอะไรที่กวินรู้ว่าควรจะยุ่งหรือไม่ยุ่ง หมอนี่เป็นคนแบบนั้น ศัตรูในเงามืดของเขา— มาตลอดความวิสาหะคราวท่องตำราเรียน ใครจะมีปัญญาจ่าย กวินเคยบอกกับเขาแบบนั้น เมื่อการจัดระดับหมายเกณฑ์เสนอให้เขาเข้าเรียนในวิทยาลัยแพทย์แบบผสมผสาน ตามหลักสูตร MBBS (Bachelor of Medicine, Bachelor of Surgery) ของหน่วยแพทย์สนาม ที่เหลือโควตาว่างสำหรับรับสมัครผู้เข้ารับการอบรมขั้นพื้นฐานประจำโรงพยาบาลสถานี [6] ซึ่งต้องออกเดินทางร่วมกับวิศวกร ช่างเทคนิค ทหารเกณฑ์ รวมทั้งเชลย ไปยังค่ายพิงค์นีย์พาร์ค เมืองเชอร์สตัน มณฑลวิลต์เชอร์ ขณะที่เหล่าประชาชนเตรียมเดินเท้าออกจากขบวนรถหลังสิ้นสุดสถานีปลายทาง ภายหลังจะมีรถบรรทุก 6 ล้อ เข้ามารับอีกที เพื่อแหวกเส้นสัญจรขรุขระเข้าไปท้ายหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แบ่งสัดส่วนเฉลียงอาคารเยื้องทิศใดทิศหนึ่งใกล้บริเวณเต็นท์พักทหารเกณฑ์ มันถูกใช้เป็นจุดกระจายสัมภาระเดินดินที่ถูกรวมเข้าหากันจากการผลัดถิ่นแม้ใบหน้าจะแหงนสู้ฟ้า — ความสะเปะสะปะราวโขลงน้ำขังเหนือผืนเทาฤดูร้อนมีสำหรับจัดระเบียบพื้นที่จนกว่างานทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ตามมาตรฐาน เฉลี่ยเวลาอบรมหลักสูตรประมาณ 8 สัปดาห์ และเพราะพวกเขายังต้องการบุคลากรหน่วยแพทย์อีก 2 ตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าหน้าที่หน่วยทันตกรรม 3 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยบริหารการแพทย์ 4 นาย (หมวดสามารถปฏิบัติงานแยกกันด้วยการดูแลผู้ป่วยและรักษาผู้ป่วยราว ๆ 100 คน) เพื่อกลับมาประจำการในศูนย์พักฟื้น ซึ่งเป็นงานที่หนักและสาหัสกว่าโรงพยาบาลอพยพหรือโรงพยาบาลศัลยกรรม เพราะการรักษาจะถูกส่งตัวมาจากศัลยแพทย์ผู้พิจารณาอาการโดยคร่าวว่าการรักษาเบื้องต้นอาจไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวสำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่รับการรักษาแบบเปิด ซึ่งได้รับผลกระทบทางระบบประสาทชนิดไม่รุนแรง แต่ร้อยทั้งร้อยมันก็ไม่ได้ถูกจัดการตามระบบมาตรฐานมากนัก ไม่มีอะไรมายึดเป็นหลักประกันว่าเหล่าชายหนุ่มจวนวัยฉกรรจ์ค่อนหนังกลางคนจะไม่ถูกเรียกตัวอีก

    เว้นเสียแต่กวินใน 3 ปี ให้หลังนั้น กำลังประกอบอาชีพคนเฝ้าประภาคารที่อยู่ในหมายอนุโลมของการแบ่งสมดุลกรรมาชีพ ซึ่งถูกสงวนไว้เพื่อป้องกันปัญหาแรงงานขาดแคลนขณะต้องหันไปพึ่งแรงผู้หญิงแทนส่วนหนึ่ง พวกเขาก็ยังงดเว้นไม่ให้พวกผู้หญิงปฏิบัติบางหน้าที่ หรือพอจะประนีประนอมให้ช่วยดูแลอะไรต่อมิอะไรตามบทบาทเห็นสมควร

    หลังทุกอย่างเริ่มลงร่องปักฐาน ค่าเงินออมส่วนตัวที่ต้องส่งให้แม่รักษามะเร็งเต้านมก็ถูกเลื่อน รวมกับเงินประกันพ่วงวงมูลค่าระดมทุนของน้องสาว เพื่อจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในการจัดประมูลสำหรับหาเงินทุนหรือทรัพย์สินด้านมนุษยธรรมอยู่เรื่อย เมื่อสบโอกาส เพราะครอบครัวของเขาไม่อยากให้คนที่มีโรคเรื้อรังติดตัวนี้ต้องท้อถอยกับความฝัน และคิดว่าตนคือภาระหน้าที่อันหนักอึ้งที่สมาชิกต้องแบกรับ— เหมือนบ้านของเขาที่จมติดกับดักนั้น

    เมอร์ริงคิดว่ากวินเข้าใจดีเพราะเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่เยาว์วัย ไอ้เรื่องนี้ละมั้ง เมอร์ริงคิด เรื่องที่เขาแพ้ภัย ในความด้านอดของเวลาเอาจริงเอาจัง หมอนี่มักซื่อตรงเสมอ ซื่อตรงแม้กระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ยังบ่มสะสมด้วยเช่นกัน

    ทั้งหมดยิ่งทำให้เขาไม่อยากให้ใครมาดูถูกกวิน

    “พรุ่งนี้ฉันมีนัดกับอดีตสายสืบอาชญากรรมโดมินิก ทีมยังต้องหาหลักฐานไปเสนอที่ประชุมน่ะ จะดีอย่างยิ่งถ้านายรู้ว่าทำไมบ้านบางหลังถึงไม่คิดจะทำความสะอาดมัน ทั้งที่มันทำให้เรามีปัญหาเรื่องโรคหายใจ”

    กวินเคาะขี้บุหรี่ลงในถ้วยเขี่ยบนโต๊ะเมอร์ริง ภาพโดยรวมน่าเอนจอนาถ เมอร์ริงคิดว่ามันช่างก่ายกองเหมือนมรสุมในชีวิตแสนยุ่งเหยิงของเราไม่มีผิด “ก็เหมือน...เรามียารักษาแต่กลับปล่อยให้มันเรื้อรัง ถ้าไม่มีเวลา ก็คงอยากตายทางอ้อม”

    เมอร์ริงลอบยิ้มอารมณ์ดี หลังยินสิ่งที่ตนอยากจะได้คนมายืนยันชุดความคิดที่ไม่มีใครรุกล้ำ เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความพ้องจุดประสงค์เดียวกันถูกเสริมเติมจากปากคนสนิท

    กวินย่อตัวลงนั่ง — บนเครื่องนอนของเขา “คราวนี้นายติดหนี้ฉันอีก 10 ชิลลิง” ชายหนุ่มพร่ำอ้างวลีเดิม ๆ ที่จวนเจียนเพิ่มจำนวนครั้งละเทียวเรื่อยมา เมอร์ริงพยายามจะนึกถึงจุดเริ่มต้น ก่อนกระจ่างได้ว่ามันคงเพิ่มขึ้นตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาเป็นรังดุมโลหะเม็ดยากจะผุกร่อนชวนขยาดตาของมิสลินดา และร่วมตื่นตากับผู้ปลิดโยนอุปสรรคเชาว์ให้ช่วยนับครั้งไม่ถ้วนตามความครุ่นคิดไม่รู้จบของเจ้าของปัญหา

    “ขอติดด้วยการสละเตียงชั้นล่างแล้วกัน” เมอร์ริงกล่าว คืนนี้เขาจะนอนบนโต๊ะนี่ หมอนั่นจะได้เอาผ้าห่มที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของมาคืนกันเสียที

     

    เชิงอรรถ
    1. ^Detective Constable (DC) คือ ตำแหน่งตำรวจนักสืบระดับล่างสุดในกองกำลังตำรวจของสหราชอาณาจักร
    2. ^การให้ภูมิคุ้มกันต่อโรคโดยตรงซึ่งได้รับจากแอนติบอดีเพื่อไม่ให้เกิดโรค โดยการสร้างนั้นไม่ได้ผลิตโดยร่างกาย แต่ได้รับมา เช่น ตามธรรมชาติ ผ่านรกจากมารดาสู่ลูก หรืออยู่ในน้ำนมมารดา และแบบเทียม เกิดจากการฉีดแอนติบอดีที่สร้างสำเร็จรูปแล้วให้กับบุคคล
    3. ^ของเหลวที่ยังคงอยู่หลังจากกำจัดปัจจัยการแข็งตัวของเลือดออกจากพลาสมา
    4. ^ยาหลอนประสาทแบบคลาสสิก ได้แก่ บาร์บิทูเรต (barbiturates) ใช้รักษาโรคอารมณ์และความวิตกกังวล ซึ่งมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางโดยเพิ่มการทำงานของกรด (GABA) ทำให้ง่วงซึม สมมติฐานนี้ถูกตั้งมาจากความผิดปกติทางอารมณ์และความวิตกกังวลเป็นผลมาจากการขาดระดับเซโรโทนินในสมอง *ยากล่อมประสาทสมัยใหม่ยังไม่ถูกคิดค้นในขณะนั้น เกิดขึ้นภายหลัง 1950
    5. ^Blunderbore เป็น ยักษ์ ในนิทานพื้นบ้านและนิทานปรัมปราของอังกฤษ 
    6. ^โรงพยาบาลชั่วคราวหรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่ดูแลผู้บาดเจ็บ ณ สถานที่นั้น ก่อนที่จะสามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานพยาบาลถาวรได้อย่างปลอดภัย

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in