เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dear My Internship DiaryTonliew Suparat
Chapter 3: แบบทดสอบความอดทน
  •        ตอนนี้ฉันเริ่มจะปรับตัวได้มากขึ้น ทำให้การทำงานในสัปดาห์ที่ 3 เป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องด้วยสามารถจดจำตารางเวลาและกิจกรรมในตึกต่าง ๆ ได้แล้วนั่นเอง และเนื่องจากสัปดาห์นี้คนไม่เยอะมากเท่าไร จึงไม่ทำให้รู้สึกหมดแรงได้เท่า 2 สัปดาห์แรก
       
           สิ่งที่ยากที่สุดจากการทำงานมาได้สักระยะไม่ใช่เรื่องของเวลาหรือเนื้องานที่ต้องทำ แต่เป็นการรับมือกับเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งเด็กแต่ละคนก็จะมีเรื่องให้น่าปวดหัวแตกต่างกันไป ทั้งเด็กที่โตแล้วแต่เป็น Temper Tantrum ร้องโวยวายเอาแต่ใจ เด็กที่วิ่งเล่นปีนป่าย ไปจนถึงเด็กที่อยากทำกิจกรรมแต่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับสต๊าฟในการปฏิบัติ แต่ทั้งหมดเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหากพ่อแม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร ฉันสังเกตดูแล้วว่าเด็กที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ก็พื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ปกครอง หลายครั้งที่เด็ก ๆ พยายามชวนพ่อแม่อ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมด้วยกัน แต่พ่อเเม่ยังเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ พวกเขาจึงได้เริ่มโวยวายและวิ่งเล่นเสียงดัง และน่าแปลกที่พ่อแม่หลายคนก็มักจะไม่สนใจลูก ๆ ปล่อยให้ทำตัวเช่นนั้นจนฉันและพี่ ๆ สต๊าฟต้องเข้าไปตักเตือน เด็กบางคนน่ารักพูดครั้งเดียวเขาก็เข้าใจ แต่เด็กบางคนที่ฉายแววต่อต้านและเกเรก็มักชอบมองค้อนใส่แล้วก็ยังทำเช่นนั้นซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง 

           บางที น้องเขาคงไม่รู้ว่าถึงจะสวมหน้าหากอนามัยแต่เราก็ยังสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของกันและกันได้ผ่านแววตา

           ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำตลอดสัปดาห์ คือ พยายามอดทนและควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอไปตีหรือดุลูกใครเข้า ถึงแม้ว่าเด็กเหล่านั้นจะทำตัวไม่น่ารักเลยก็ตาม อย่างเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ฉันถูกเด็กต่อยและวิ่งชนโดยที่เด็กคนนั้นตั้งใจ (ตามจริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรเนื่องจากเด็กคนนั้นอายุแค่ 3-4  ปี แรงเขาจึงมีนิดเดียวเท่านั้น) ตอนนั้นฉันทำเพียงก้มลงสบตากับเด็กเงียบ ๆ ไม่ได้ดุหรือเผลอตีไป ซึ่งดูเหมือนเขาก็ไม่ได้สำนึกสักนิดเดียว แม้ว่าแม่ของเขาจะรีบบอกให้ขอโทษแล้วก็สั่งสอนเสียชุดใหญ่ก็ตาม ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเด็กทำตัวไม่น่ารักกับฉันหรอก แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะขอโทษและสำนึกผิด

           ไม่เป็นไร ฉันบอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวันและพยายามมองให้มันเป็นเรื่องดีที่เราได้มาทำงานและพบกับเด็กจริง ๆ และจากการเฝ้าดูพฤติกรรมทั้งพ่อแม่และเด็กก็ทำให้เราเข้าใจพวกเขามากขึ้นอย่างที่ใครหลายคนอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสแล้วทึกทักเอาเองว่าเด็กทุกคนนั้นน่ารักและใสซื่อ หรือพ่อแม่ทุกคนสามารถเลี้ยงดูลุกของพวกเขาได้อย่างดี ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย 

           สำหรับการทำงานในสัปดาห์ที่ 3 อาจจะไม่ได้มีเรื่องราวตื่นเต้นและน่าสนใจมากนัก แต่ฉันก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามอ่านกันอย่างต่อเนื่องค่ะ ขอบคุณค่ะ

         

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in