ก่อนจะรีวิวหนังสือเล่มนี้ ขอออกตัวก่อนเลยว่า The Night Circus อาจจะไม่เหมาะสำหรับคุณ ถ้าคุณคาดหวังสิ่งเหล่านี้
- พล็อตหวานกุ๊กกิ๊ก รักกันในคณะละครสัตว์ แข่งกันบ้าง กัดกันบ้าง จนรักกัน
- การเดินเรื่องที่กระชับฉับไว
- เส้นเรื่องตรงๆที่ถูกบรรยายจากตัวละครเพียงคนเดียวในเรื่อง
เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่เชิงเป็นนิยายรัก แต่เป็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่มีความรักเจืออยู่และมันเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เนื้อเรื่องไปในทางใดทางหนึ่ง ด้วยการดำเนินเรื่องที่เกิดขึ้นบนเส้นเวลาเดียวกัน แต่เลือกเล่าจากหลายๆจุดของช่วงเวลา กลับไป กลับมา กลับมา กลับไป ผ่านมุมมองของตัวละครหลายๆคนที่ประสบกับเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ
มันเป็นหนังสือที่ฉลาดและมีไหวพริบในการเล่า แต่ The Night Circus เป็นหนังสือประเภทที่ว่า ถ้าไม่รักมันไปเลย ก็คงเบื่อมันสุดๆ..... ส่วนนี่คือรีวิวของคนที่รักมัน (และพอจะเดาได้ว่าทำไมคนถึงจะไม่รักมัน..)
เนื้อเรื่องเปิดมาที่ Celia นางเอกของเราในปี 1873 ตอนอายุราวๆ 6 ขวบ ที่ถูก 'นำมาส่ง' ให้กับคุณพ่อนักมายากลชื่อดัง 'Prospero the Enchanter' หรือ Hector Bowen ที่น่าสนใจคือ เรื่องราวทั้งหมดหลังจากนั้นไม่ได้โฟกัสที่ตัวนางเอกของเราคนเดียว แต่พูดถึงหลายๆคนในชีวิตเธอ หลายๆความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น การเติบโตของ Celia และ Marco คู่แข่ง จากเด็ก กลายมาเป็นวัยรุ่น และผู้ใหญ่ จากคนแปลกหน้าที่ถูกเลี้ยงดูให้คิดกับอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ จนกลายเป็นคนรู้จัก เพื่อน และคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน
ความสัมพันธ์ของทุกคนถูกพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ และเพราะมันช้าเนี่ยแหละ เราถึงได้รู้สึกว่ามัน worth the wait ในช่วงที่ความสัมพันธ์มาบรรจบกัน เราได้เห็นตัวละครบางคนตั้งแต่เด็ก บางคนตั้งแต่เกิด บางคนโตแล้ว บางคนแก่แล้ว บางคนอยู่กับเรานาน บางคนอยู่แล้วก็จากไป บางคนก็รู้จักเพียงผิวเผิน ในขณะที่บางคนเราเห็นเขามาครึ่งชีวิต มันทำให้เรารู้สึก attach กับทุกตัวละคร เราได้เรียนรู้จิตใจของเขา สิ่งที่เขาคิด เขาเห็นอะไรบ้าง อะไรที่เขาชอบ หรือแม้กระทั่งเขาชอบใคร ความสัมพันธ์และการพัฒนาของตัวละครมันดูจริง มันมีมิติมากๆสำหรับเรา เราเรียนรู้ทุกตัวละครผ่านสายตาตัวเขาเอง และแน่นอน ผ่านสายตาตัวละครอื่นด้วย
ในช่วงแรกของหนังสือ เราสนุกมากกับการอ่านเรื่องราวและมุมมองของแต่ละตัวละคร เราตื่นเต้นและรอเหตุการณ์วันที่ตัวละครนั้นๆ จะมา cross path กับตัวละครอื่นสักที สำหรับบางคน เราคิดว่าช่วงตรงนี้อาจจะน่าเบื่อ เหมือนเราได้เฝ้ามองเขาทำนุ้นทำนี่ไปเรื่อยๆโดยไม่มีอะไรตื่นเต้นหวือหวา แต่ด้วยสไตล์การวางเรื่อง เรากลับคิดว่ามันน่าติดตาม
ตัวละครทุกคนมีความหมาย และถูกกระจายความสำคัญได้ดีมากๆ เรารักความสัมพันธ์ของนางเอกและพระเอก มันค่อยๆมาและพัฒนาอย่างช้าๆ (ลากยาวเป็น 10-20 ปี) แต่มัน ฟินนนนน มากกกกกกก!!!
**SPOILER ALERT**
**SPOILER ALERT**
คือ Physical interaction มันมาช้า และมาน้อย แต่ๆละครั้งนี่อือ หือออ I CAN FEEL THE SPARK!! รู้สึกได้ถึง tension ความรู้สึกที่มันถูกกดและอัดแน่นอยู่ในการมองตา หรือโดนตัวกันนิดๆหน่อยๆของทั้งสองคน ฉากที่เราชอบที่สุดคือตอนที่ Marco พา Celia ทัวร์ในแมนชั่น ทั้งคุยกันในห้องสมุด เดินรอบสวน หรือไปชั้นใต้ดิน นางเอกเล่นตัวอย่างพองาม ส่วนพระเอกก็ยอมได้น่ารักมากๆ
และเพราะการที่มันช้า ในตอนสุดท้ายที่ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันเลยมีความหมาย ถึงแม้ว่าเราจะอยากเห็นมากกว่านั้นก็เถอะ เราสงสัยว่าชีวิตของทั้งสองในการติดอยู่ใน bonfire เป็นยังไง การ interact กันของทั้งคู่ + กับคนอื่น คือเรารอมาทั้งเล่มแล้ว พอจบแล้วเหมือนยังได้เห็นไม่มากพอเลย แอบเศร้านิดหน่อย
**SPOILER ENDS**
**SPOILER ENDS**
การค่อยๆคลี่คลายเหตุการณ์ในเรื่องก็ทำได้ดี ด้วยความที่เล่าจากจุดเวลาที่โดดไปโดดมา โมเม้นท์นึงเราอาจอยู่ในอนาคต แล้วเห็นสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งอาจไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ แต่แล้วอีกโมเม้นท์นึงพอเราโดนโยนกลับไปในอดีต เราได้เห็นต้นเหตุของสิ่งนั้นๆพร้อมเหตุผลของการเกิดขึ้น ที่นอกจากจะทำให้ทุกอย่าง make sense ขึ้นแล้ว มันยังดึงให้ไปเชื่อมต่อกับกับเหตุการณ์อื่นๆอีกด้วย (แล้วยังไม่นับช่วงที่แบบว่า อยู่ในอดีต แต่มีคนเห็นอนาคต แล้วเราค่อยถูกเล่าเรื่องในอนาคตอีกที เหมือนโดนโยนกลับไปกลับมาจริงๆ)
สำหรับเรา สิ่งที่ผิดหวังในเชิงของพล็อตเรื่องไม่ใช่สิ่งที่ได้อ่าน แต่เป็นสิ่งที่ไม่ได้อ่าน ในช่วงสุดท้ายที่เรื่องกำลังจะลงตัว เราคาดหวังที่จะเห็นมากกว่านี้ เหมือนตอนจบจะเร่งไปนิด ทำให้ความสัมพันธ์บางอันยังไม่ถูกคลี่คลาย หรือแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเหตุการณ์สำคัญในเรื่อง รู้สึกเหมือนตลอดทางเราได้มองหลายสิ่งหลายอย่างมากๆ แต่ตอนจบโดนกั๊กให้เห็นแค่บางมุมเท่านั้น
ส่วนการเขียนของ Erin Morgenstern เห็นภาพชัดเจนมาก การอธิบายฉาก หรือบรรยากาศต่างๆเลือกใช้คำที่ไม่ยากมาก แต่ก็มีคำศัพท์เกี่ยวกับคณะละครสัตว์หรือการแสดงที่ถ้าหากเราไม่คุ้นเคย ก็ต้องเปิดหาความหมายอยู่เหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่เราแอบนอยคือการใช้ไพ่ทาโร่ห์เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินเรื่องที่บางครั้งก็ไม่มีการอธิบายว่ามันหมายความว่ายังไง ความหมายของไพ่จะเปรียบเปรยถึงทิศทางโชคชะตาของตัวละคร หรือเนื้อเรื่องที่จะดำเนินต่อไป และถ้าใครไม่รู้ความหมายของมัน ก็จะทำให้อรรถรสในการรับรู้เนื้อเรื่องมันลดลงไปบ้าง เราถึงขั้นต้องมาเปิด google หาความหมายของไพ่ที่ถูกพูดถึงตามกันเลยแหละ
อีกอย่างที่สำคัญกับเราคือ ปกหนังสือ เราไม่ได้รักแต่ก็ไม่ได้เกลียดปกของหนังสือเล่มนี้ ลึกๆในใจแอบหวังว่ามันจะสวย และ magical กว่านี้ โดยที่ปกของ The Night Circus นี่ออกมาหลายอันอยู่นะ แต่ทุกอันไม่มีอันไหนปังเลย เพราะเอา element เดิมๆมาใส่ เปลี่ยนที่ สลับไปสลับมาเท่านั้นเอง
แต่เราชอบสันปก เวลาวางบนชั้นแล้วน่ารักดี
แต่แล้วเราก็เจอปกนี้ เป็นฉบับแปลของญี่ปุ่น ซึ่งเราชอบกว่าอีก ไม่รู้เพราะส่วนตัวชอบดีไซน์ญี่ปุ่นๆอยู่แล้วรึเปล่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in