เรื่องราวของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากคำถามของการดำรงชีวิตอยู่และความตาย นั้นต่างกันเพียงแค่เอื้อมมือเดียว และหากแม้นคนเราดำรงชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น กับคนที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างธรรมดา สิ่งไหนย่อมสำคัญกว่ากัน หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้กับทุกคนแล้วค่ะ

“จักคงชีวิต หรือมรณา นั้นคือปุจฉา”

     แฮมเล็ต กษัตริย์เดนมาร์ก ไม่เชื่อเรื่องการตายของพ่ออันเคารพรัก และเเม่อันเป็นที่รักยังไปแต่งงานกับอาของตัวเองอีก เพื่อว่า แม่ของแฮมเล็ตเป็นพระราชินีต่อไป และวันหนึ่ง แฮมเล็ตเจอวิญญาณของพ่อตัวเองที่บอกถึงตัวเอง (พ่อ) ตายเพราะอาของแฮมเล็ตวางยาพิษ

“เมื่อพระราชบิดาสิ้นใจ

แฮมเล็ตไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ว่าบิดาของตัวเองฆ่าตัวตายสิ้น

แค่ได้ยินหาเป็นสิ่งที่จริงไหม”

     แฮมเล็ตจึงแกล้งเป็นคนคุ้มคลั่ง เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยในขณะที่แฮมเล็ตกำลังตามหาหลักฐานที่ว่าด้วยการวางยาพิษฆ่าพ่อของอาตัวเอง แฮมเล็ตปฏิเสธคนที่รักตนเองอย่างโอฟีเลีย เพราะแฮมเล็ตเกรงถึงภัยมาถึงตัว หากแฮมเล็ตยังยืนยันจะคบกับโอฟิเลียต่อไป

“แฮมเล็ตแกล้งทำเป็นคุ้มคลั่ง

และนับครั้งแอบลอบวางแผนนี้

และหลักฐานที่เขาค้นหาดี

ค้นหามีเจอหลักฐานที่แท้จริง”

     อาของแฮมเล็ตส่งคนไปสอดแนมแฮมเล็ตถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปด้วยความระแวง วันหนึ่ง แฮมเล็ตรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอาที่จะมาดูละครเวที ดังนั้น แฮมเล็ตจึงอาศัยจังหวะนี้ในการตรวจสอบหลักฐานถึงการฆาตกรรมพ่อตัวเอง โดยแฮมเล็ตขอร้องให้คณะละครเล่นถึงเรื่องราวของการวางยาพิษ และเมื่อถึงฉากนั้น อาของตัวเองทนดูไม่ไหว และอาของแฮมเล็ตรีบเดินออกไป แฮมเล็ตจึงมั่นใจทันทีถึงการฆ่าพ่อของอา

“แฮมเล็ตตั้งใจวางแผนฆ่า

อาของตัวเองยังไม่รู้วาระตาย

และอาของตัวเองวางแผนคล้าย

ให้แฮมเล็ตตายที่อังกฤษพลัน”

     ขณะที่แฮมเล็ตเดินทางไปพบกับแม่ เพื่อคุยกันตามลำพัง แฮมเล็ตเห็นอาตัวเองกำลังประมาท เพราะเขากำลังสวดอ้อนวอนพระเจ้าอยู่ แฮมเล็ตอยากฆ่าอาตัวเองในเวลานั้น แต่แฮมเล็ตก็ไม่ทำ เพราะแฮมเล็ตไม่ต้องการให้วิญญาณของอาตัวเองขึ้นสู่สวรรค์ เขาเลยอดทนที่จะไม่ฆ่าอา

“แฮมเล็ตคุยกับแม่ของเขานั้น

และทุกวันแม่ของเขาไม่เข้าใจ

แฮมเล็ตคุยด้วยใจปวดร้าวไว้

และแน่ใจว่าอะไรคือเหตุนี้”

     ขณะที่แฮมเล็ตคุยกับแม่อยู่นั้น แฮมเล็ตเห็นม่านเคลื่อนไหว แฮมเล็ตเข้าใจคือหนู แฮมเล็ตจึงตัดสินใจแทงเข้าไป แต่กลับกลายคือคนที่ทางอาของแฮมเล็ตให้มาสอดแนมถึงการคุยกันระหว่าแม่ลูก อาของแฮมเล็ตส่งให้แฮมเล็ตไปตายที่อังกฤษ แต่แฮมเล็ตซ่อนแผนส่งคนที่สนิทของอาของตัวเองไปถูกฆ่าตายแทนที่อังกฤษ

“แฮมเล็ตเรียนรู้และวางแผนไว้

และให้คนมาตายแทนตัวเขาพลัน

โดยอาของเขาหารู้ไม่นั้น

ว่าทุกวันอาเขากำลังเดินไปตาย”

     หลังจากที่พ่อของโอฟิเลียเสียชีวิตจากการถูกแฮมเล็ตฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงทำให้โอฟิเลียเป็นบ้า เสียสติ และเหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้โอฟิเลียจมน้ำตาย 

(หากเพื่อนๆอ่านแล้วเพื่อนๆจะคิดเหมือนเราว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตาย เชคสเปียร์ไม่ได้กล่าวไว้แน่ชัด)

     อาของแฮมเล็ตกับพี่ชายของโอฟิเลียวางแผนจะฆ่าแฮมเล็ตต่อ แต่แฮมเล็ตรู้ทัน แฮมเล็ตจึงวางแผนซ่อนแผนจนแฮมเล็ตรอดชีวิต แม่ของแฮมเล็ตดื่มยาพิษแทนลูกตัวเอง แฮมเล็ตแทงพี่ชายของโอฟิเลีย แฮมเล็ตฆ่าอาของตัวเอง และแฮมเล็ตตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง 

“โศกหนึ่งที่เพิ่งเดินผ่านไป

โศกสองได้ปรากฎขึ้นฉับพลัน

โศกทั้งหลายที่เกิดขึ้นอยู่นั้น

โศกแลโศกตายพลันในทุกวัน”

     หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สมควรได้รับเลือกให้เป็นหนังสือที่อ่านสักครั้งหนึ่งก่อนตาย เพราะหนังสือเล่มนี้มีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาถึงการคอรัปชั่นที่ความจริงแล้วทุกคน ไม่เว้นแม้แต่แฮมเล็ตเองก็คอรัปชั่นด้วยกันทั้งนั้น และตอนที่แฮมเล็ตยกกระโหลกขึ้นมาพินิจพิจารณาถึงกระโหลกผู้นี้ก็เช่นกัน ทำให้เราเห็นถึงความตายที่ไม่มีที่สิ้นสุดของการเกิดแห่งนี้

“สรรพสิ่งยุคสมัยผิดที่ผิดทางไปหมด”

     เชคสเปียร์มีพรสวรรค์อย่างหนึ่ง คือ เวลาอ่านหนังสือของเชคสเปียร์แล้ว เราจะคล้ายกับหลุดเข้าไปดูเรื่องราวเหล่านั้นด้วยตัวเอง เพราะฉากเหล่านั้นล้วนบรรยายเสมือนจริง และเมื่อเราตามดูไปเรื่อยๆ เราพบว่า “ไม่มีอะไรจีรังในความเป็นมนุษย์ เพราะการดำรงชีวิตมนุษย์นั้นน่ากลัวกว่าการดำรงชีวิตของสัตว์กว่าหลายเท่า สัตว์ทำประโยชน์ได้ฉันใด แต่มนุษย์นั้นเลือกที่จะเข่นฆ่ากันอยู่ฝ่ายเดียว”ฉันนั้น 

“โศกาหนึ่งย่ำผ่านไป อีกโศกาไล่หลังมา”

     เราหวังว่า สิ่งที่เรารีวิวเล่มนี้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันนั้น จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่ไม่มีเวลาอ่านหรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราหวังว่า การรีวิวครั้งนี้จะกระตุ้นให้ทุกคนอยากลองเปิดใจอ่านดูค่ะ เพราะทุกคนอ่าน แล้วทุกคนจะพบว่า “เรื่องราวในเล่มนี้ไม่ต่างจากการเมืองในปัจจุบัน”

LOOK A BREATHE