ผมรอคำตอบจากตะปูด้วยใจจดใจจ่อแต่สิ่งที่ได้รับในชั่ววินาทีนั้นคือความเงียบ เงียบมากขนาดเข็มตกยังได้ยินเสียง ไม่มีสัญญาณตอบกลับใด ๆ จากตะปู ขณะที่ใจผมเริ่มเต้นระรัวเหมือนกลองจังหวะสามช่า ลุ้นอยู่ในใจทุกวินาทีขอให้เธอตอบรับเป็นแฟน
“ตะปูขอแปะไว้ก่อนได้ไหม แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนทุกครั้ง “ถ้าถึงเวลาตะปูจะบอกนะค่ะ”
“ได้สิจ๊ะ” ผมแอบผิดหวังในใจเล็กน้อยแต่พยายามทำใจยอมรับกับคำตอบที่ได้รับแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดหวังไว้ตั้งแต่แรกก็ตาม นี่ผมกำลังอกหักใช่ไหมเนี่ย ผมพยายามสลัดความคิดเหล่านี้ออกจากหัวโดยเร็ว รวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดพูดคุยกับตะปูต่อจนเธอขอตัวนอนเหมือนเช่นทุกวัน
ผมนั่งเหมอมองออกไปนอกหน้าต่างคืนนี้ฟ้ามืดสนิทไร้ดาวสักดวงให้ผมอธิษฐานมีแต่เพียงแสงไฟจากเสา บ้านเรือนและอาคารที่ส่องแสงสลัวๆ ผมต้องไม่ยอมแพ้ อย่าให้เรื่องแค่นี้มาทำลายความรู้สึกดี ๆและความตั้งใจจริง บางทีนี่อาจเป็นโอกาสและก้าวสำคัญที่จะไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ก็ได้ ผมมาไกล... มาไกลเกินกว่าจะหันหลับกลับไป ผมตกผนึกทางความคิดว่าจะต้องรุกจีบตะปูให้หนักกว่าเดิมเพื่อครอบครองหัวใจเธอให้จงได้
ผมกับตะปูสนิทสนมกันมากขึ้นการพูดคุยของเราเริ่มเหมือนคนเป็นแฟนกัน เพียงแต่เธอไม่ยอมรับผมในฐานะแฟนเท่านั้น สังเกตได้จากการที่ตะปูเริ่มแสดงความห่วงใยโดยกล้าที่จะบอกกับผมว่าคิดถึงและฝันดีทุกครั้งที่วางสาย หรือบางทีเธออาจปากแข็งไม่ยอมพูดความจริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมขอเธอเป็นแฟน แต่ช่างเหอะมันไม่สำคัญหรอกสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกดี ๆ ที่เราสองคนมีให้กันมากกว่ามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆและเป็นความรู้สึกดีมากจนยากที่จะอรรถธิบายให้ใครเข้าใจได้
“ตะปูยังมีความสุขอยู่ใช่ไหมที่คุยกับพี่”
“ก็ไม่รู้สิคะ”เธอหยุดนิดนึง
“แต่ยิ้มทุกครั้งที่คุยอะ”
“พี่รู้สึกดี ๆ กับตะปูนะค่ะ”
“แหะ ๆ”
“ฝากหัวใจพี่ไว้ในหัวใจตะปูหน่อยได้ไหมคะ อาจทำให้อบอุ่นขึ้น”
“ตอนนี้เป็นหน้าหนาวที่อบอุ่นมากที่สุดเลย ใจอุ่นมาก ขอบคุณนะคะพี่”
“จริงหราคะ”
“ล้อเล่นค่ะ”
“อืม”
“คบกันไหมคะ”
“จริงเปล่า”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in