หนึ่งในสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์คือศาสนา
ต้องยอมรับว่าตัวฉันเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องศาสนาหรือเรื่องบาปบุญเสียเท่าไหร่ วันเกิดก็ไม่ได้ไปทำบุญ หรือแม้แต่วันสำคัญทางศาสนาเองก็ไม่ค่อยได้ไปปฏิบัติศาสนกิจอยางที่พุทธศาสนิกชนพึงจะทำ ซึ่งตัวฉันก็ดำเนินชีวิตมาอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนมานานหลายปี
ใช่แล้วล่ะ
จนกระทั่งเลิกกับแฟน
ช่างเป็นเรื่องน่าขันเพราะคนที่ไม่เชื่อในเรื่องศาสนาหรือการบนบานขอพรใดๆในวันนั้น กลับกลายมาเป็นบุคคลผู้เฝ้ารอวันหยุดอย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะได้ไปวัดดังต่างๆที่มีชื่อด้านการขอพรเรื่องความรัก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ขอพรกับผู้ใด แต่หากเขาไม่กลับมา ก็คือไม่กลับมา กระนั้นฉันก็ยังมุ่งมั่นที่จะขอพรต่อไป รู้สึกเหมือนกันว่าตัวฉันนั้นช่างงมงายแต่ในเมื่อหลายๆคนบอกว่าให้ทำอะไรก็ได้ที่สบายใจ เช่นนั้นก็จะขอทำสิ่งนี้ต่อไปแล้วกัน ก็ทำแล้วมันสบายใจนี่นะ(ฮา)
แทบทุกครั้งที่การขอพรของฉันเป็นเรื่องของเขา ขอให้ครอบครัวของเขาเป็นสุขและปลอดภัย ขอให้มีีคนคอยช่วยเหลือเขาในยามลำบาก ขอให้เขาได้กินอิ่มและนอนหลับอย่างมีความสุข ถึงจะไม่มีวันได้รู้ความเป็นไปของเขา แต่การขอพรแบบนี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยถ้าสิ่งที่พึงขอเป็นจริง เขาก็คงมีความสุข ไม่ว่าจะกี่วัดที่ไปคำขอก็วนเวียนแบบเดิม อาจมีบางคราที่ขอให้ตัวเองบ้างแต่ก็น้อยครั้งนัก
เฉกเช่นเรื่องศาสนา เรื่องดวงเองเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง(ถึงจะกล่าวแบบนี้ก็เถอะ ทุกๆครั้งที่คอลลัมน์ดวงของแอร์เอเชียออกฉันก็รู้สึกตื่นเต้นทุกที ฮา) อันไหนที่ว่าดีฉันก็เชื่อ อันไหนที่ไม่ค่อยดีฉันก็จะคิดว่า"อนาคตของเรา เราก็ต้องกำหนดเองสิ(วะ)" แต่ก็แน่นอนว่าหลังจากเลิกกัน การอ่านดวงก็กลายเป็นอีกหนึ่งกิจรรมที่ฉันทำอยู่บ่อยๆ ทั้งจากในไลน์หรือตามทวิตเตอร์ต่างๆ
บางครั้งก็รู้สึกว่าตลกดี หากว่าทุกคนที่อยู่ในราศีเดียวกันจะต้องประสบพบเจอเรื่องที่คอลลัมน์ทำนายดวงชะตาเขียนไว้เหมือนกัน คล้ายกับว่าทุกคนได้รับอาหารกระป๋องที่รสชาติเดียวกันอย่างไรอย่างงั้น
เขียนมาถึงตรงนี้จู่ๆก็นึกได้ว่าถ้าหากคำขอของฉันเป็นจริง ฉันก็ต้องแก้บนสินะ
อืม...
คงต้องทำงานพิเศษแล้วล่ะ (ฮา)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in