เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lilith: Death's OrderAki_Kaze
บทที่ 15 สิทธิพิเศษ
  • บทที่ 15

    สิทธิพิเศษ

     


                เวลาเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ บางครั้งมันก็ให้ความรู้สึกยาวนาน บางครั้งมันก็รวดเร็ว ฉันไม่อยากเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะครบรอบหนึ่งปีของฉัน หนึ่งปีแล้วที่ฉันตาย หนึ่งปีแล้วที่ฉันกลายมาเป็นยมทูต หนึ่งปีที่ฉันต้องรับดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน ได้เห็นการตายแบบธรรมชาติ และการตายจากการฆาตกรรม หนึ่งปีที่ฉันยังคงรอคอยชื่อของฆาตกร ขณะที่บนโลกคนเป็นก็ไร้ซึ่งวี่แววของเขา


                ฉันไม่มีโอกาสเจอสายสืบ คาร์ฮาร์ตอีกเลย จึงไม่รู้ว่าตำรวจมีเบาะแสหรือความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ส่วนน้องชายของฉันที่จู่ ๆ ก็ตัดสินใจบ้ายมาอยู่นิวยอร์ก และเช่าห้องพักต่อจากฉัน ก็หมกมุ่นอยู่กับการสืบสวนของเขา บอร์ดที่ฉันเห็นในห้องนอนของบ้านของเรา ก็มาอยู่ในห้องพักในนิวยอร์กเรียบร้อย พร้อมเสื้อผ้าครบครัน ข้าวของเก่าของฉันยังอยู่ที่นั่น ในมุมหนึ่งของห้องที่เขาเก็บไว้อย่างดี ฉันไม่รู้ว่าเจมี่บอกที่บ้านอย่างไร พวกท่านถึงยอมให้เขาย้ายมาที่นี่ หรือไม่ น้องชายคนนี้ก็โกหกพ่อแม่


                ฉันยืนมองหน้าต่างห้องของตัวเองจากด้านล่าง ระหว่างมารอรับดวงวิญญาณของชายที่กำลังจะถูกยิง เหตุนี้กำลังจะเกิดขึ้นไม่ไกลจากที่พักของเจมี่เลย ฉันเข้าใจผิดที่คิดว่าย่านนี้เป็นย่านปลอดภัย แต่มันอาจไม่มีที่ไหนปลอดภัยอย่างแท้จริงก็เป็นได้ ไฟในห้องพักดับลง บ่งบอกว่าเจมี่เตรียมตัวเข้านอน ฉันยังไม่มีโอกาสเฝ้าติดตามเขาทั้งวัน ฉันยังไม่กล้าแวบไปไหนมาไหนเองตอนที่ไม่มีงาน


                เกือบปีผ่านไปฉันก็พบว่า ไม่ใช่ยมทูตทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด มียมทูตบางคนแอบมาที่โลกคนเป็นทั้งที่ไม่มีงาน บางคนมาเพื่อรำลึกความหลัง บางคนมาหาความสำราญที่ฉันไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด พวกเขาไม่ติดต่อกับคนเป็น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตและความตาย ในเมื่อไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ผู้คุมก็ไม่ได้มาเจ้ากี้เจ้าการ เผอิญว่าฉันมีคนดูแลเป็นออกัส และนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการมีผู้คุมกฎมาดูแลอย่างใกล้ชิด


                เสียงปืนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ฉันบลิงก์ไปตรงทางแยก เห็นท้ายรถสีดำแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว ชายผู้เป็นเป้าหมายนอนหายใจรวยรินอยู่บนทางเท้า สายตาของเขาหันมาทางฉัน ว่ากันว่าคนใกล้จะตายมองเห็นยมทูต กระนั้นมันก็ใช้ได้กับแค่บางคน เกือบปีที่ผ่านมา ฉันเคยเจอคนมองเห็นยมทูตตอนใกล้ตายได้แค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล อีกคนเป็นผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา ดังนั้นการที่ชายคนนี้มองหน้าฉันด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดทั้งที่ตัวฉันไม่ควรมีความรู้สึกอะไรแล้ว การรับดวงวิญญาณของคนตายมาหลายครั้งไม่ได้ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น


                ฉันมองสายตาของเขาเลื่อนลอยไปไกลกระทั่งได้เห็นวิญญาณของเขาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ


                “ทำไมคุณไม่ช่วยผม” เขาถาม


                “ฉันไม่ได้มีหน้าที่ช่วยเหลือใคร”


                ตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันทำตัวเหมือนออกัส


                หลังจากส่งดวงวิญญาณตนนั้นผ่านประตูไม้ ฉันก็กลับมาที่เจอริโก้ ห้องสมุดกลายเป็นสถานที่โปรด แม้ฉันจะไม่ได้เข้าไปอ่านหนังสือก็ตาม ที่นี่มีสวนดอกไม้ให้ชมได้ด้วย มันจึงเป็นความสดชื่นท่ามกลางความหมองหม่น ยมทูตที่คอยดูแลสวนดอกไม้แห่งนี้เป็นหญิงวัยกลางคนชื่อ โคล เธอไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่ยิ้มแย้มและเป็นมิตร ฉันชอบนั่งมองเธอรดน้ำต้นไม้ผ่านหน้าต่างของห้องสมุด


                “มาอยู่ที่นี่เอง” แมนดี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม “พี่รู้ไหมว่าทุกปีมันจะมีวันพิเศษสำหรับพวกเรา”


                “ฮาโลวีนเหรอ”


                แมนดี้มองบน


                “ใช่ที่ไหนล่ะพี่ วันครบรอบต่างหาก” เธอตีหน้าเคร่งขรึม “แรก ๆ มันก็สร้างความลำบากใจอยู่เหมือนกันที่ต้องรำลึกถึงวันครบรอบของตัวเอง แต่ข้อดีคือเราไปไหนก็ได้ในโลกคนเป็น”


                “ที่ไหนก็ได้เหรอ” ฉันถามย้ำ และเธอก็ถึงกับอมยิ้ม อาจเพราะน้ำเสียงของฉันฟังดูรื่นเริงกว่าปกติ


                “ใช่ แล้วเราไม่จำเป็นต้องกลับบ้านด้วยนะ อาจจะไปในที่ ๆ อยากไปแต่ไม่มีโอกาสได้ไปตอนมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้” 


                ได้ยินแบบนั้นฉันยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม


                “พี่มีเวลา 24 ชั่วโมงบนโลกคนเป็น โดยจะใช้สิทธิ์วันไหนก็ได้ภายใน 7วันก่อนหรือหลังวันครบรอบ เพราะบางคนก็ไม่อยากไปไหนในวันครบรอบ”


                “แล้วเธอไปที่ไหนเหรอ...ขอโทษนะที่ถาม”


                แมนดี้รีบส่ายหน้า


                “ไม่เป็นไรค่ะ อย่างที่บอก แรก ๆ มันก็แปลก ๆ แต่ตอนนี้ฉันอยู่มานานจนชินแล้ว ปีแรกฉันไม่ได้ไปไหนเลยต้องนั่งเสียใจภายหลัง ปีถัดมาฉันเลยไปเที่ยวลอส แองเจลิส เพราะปกติแล้วเด็กแบบฉันคนไม่มีโอกาสไป” เธอหัวเราะ “แต่ฉันเพิ่งกลับบ้านเมื่อคราวก่อนเอง”


                ฉันจับน้ำเสียงเศร้าสร้อยของประโยคท้ายได้แม้ว่าแมนดี้จะยิ้มเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ตาม อดีตของยมทูตเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไรนัก แต่พวกเขามักส่งสายตาเข้าใจให้กันเสมอ แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจก็ตามว่ามันคือเรื่องอะไรก็ตาม


                ฉันเอาเรื่องสิทธิพิเศษในวันครบรอบไปคุยกับออกัสตอนที่เขานั่งเล่นม้าหมุนอยู่กับยมทูตวัยรุ่นคนหนึ่ง ออกัสยังคงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับบรรดายมทูตวัยรุ่นเสมอ พอเห็นฉัน เขาก็ย้ายมานั่งในรถฟักทองด้วย ซึ่งมันคับแคบสำหรับคนสองคน


                “แมนดี้บอกแล้วเหรอ ฉันกะจะบอกเธอเองแท้ ๆ” ออกัสทำหน้าเสียดาย “ว่าแต่เธออยากไปที่ไหนล่ะ บ้านเหรอ?”


    ฉันคิดว่าตัวเองรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ที่ไหนได้ ฉันกลับเลือกไม่ถูก อาจเป็นอย่างที่แมนดี้ว่าก็ได้ บ้านอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี ฉันเคยกลับบ้านไปสองครั้ง และมันทำให้รู้สึกแย่ทุกครั้งที่เห็นพวกเขาต้องทุกข์ทรมาน ทว่าส่วนหนึ่งในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ฉันยังเป็นห่วงเจมี่ที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบุ่มบ่ามหรือเปล่า เขามาทำอะไรที่นิวยอร์กบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่เขามาเพื่อตามหาตัวคนร้ายเท่านั้น เขาต้องทำงานเพื่อจ่ายค่าเช่า หรือไม่ก็ต้องเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ฉันอยากให้เขาเรียนต่อ เขาควรได้เรียนต่อในเมื่อฉันได้ทำงานแล้ว และตัวเลือกสุดท้ายคือการตามหาฆาตกร มันเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้รู้ว่าเขาเป็นใคร


    “ดูเหมือนเธอจะยังคิดไม่ตก” ออกัสทักเมื่อเห็นฉันเงียบนานเกินไป


    “แล้วคุณล่ะ ไปที่ไหน” ไม่นึกว่าฉันจะตื่นเต้นกับคำถามของตัวเองถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเขาไม่เคยตอบอะไรตรง ๆ เกี่ยวกับอดีตของตัวเอง


    “ปีแรกเหรอ... ฉันไม่ได้ไปที่ไหนทั้งนั้นแหละ”


    ขณะที่ฉันมีสถานที่ที่อยากไปมากมายจนเลือกไม่ถูก พวกเขากลับไม่ไปไหนทั้งนั้น


    “คุณไม่คิดถึงบ้านเหรอ” มีเสียงหัวเราะแค่นยิ้มตอบกลับมาแทน ฉันเลยถามต่อ “ไม่มีคนที่อยากเจอเหรอ”


    “เห็นแล้วได้อะไรขึ้นมา” ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล “อีกอย่างเราก็ไปที่โลกคนเป็นบ่อยอยู่แล้ว วันครบรอบก็ไม่ใช่วันสลักสำคัญอะไร”


    ถ้าฉันอยู่ที่นี่ไปนาน ๆ ฉันจะเป็นเหมือนเขาหรือเปล่านะ กลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร จนแทบเหมือนคนเย็นชา


                “คนรู้จักของคุณยังมีชีวิตอยู่กันหรือเปล่า”


                “มีสิ ถามอะไรแปลก ๆ” ออกัสทำเสียงดุ


                “ก็คุณไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองเลยนี่นา ฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณเกิดยุคไหน”


                “เพราะชื่อฉันสินะ” เขาหัวเราะเบา ๆ พลางเอนหลังพิงรถฟักทอง “เพราะฉันเกิดวันที่ เดือนแม่เลยตั้งชื่อว่าออกัส”


                “แบบนี้ก็เลยวันเกิดคุณมาแล้วสิ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ”


                “ยมทูตที่ไหนเขาฉลองวันเกิดกัน”


                ฉันยิ้มแห้ง แต่อย่างน้อยฉันก็ได้รู้จักเขามากขึ้น ให้ตายเถอะ หนึ่งปีผ่านไปฉันเพิ่งรู้วันเกิดของเขา พวกเราช่างสนิทกันเสียจริง


                หลังจากที่ออกัสลงจากรถฟักทองไปแล้ว ฉันยังคงนั่งอยู่ในนั้นต่อ เครื่องเล่นเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ในจังหวะช้า ๆ เหมาะที่จะให้ฉันได้ใช้ความคิด ว่าจะใช้สิทธิ์ 24 ชั่วโมงไปกับอะไรดี ระหว่างเฝ้าดูเจมี่กับตามหาฆาตกร แต่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฆาตกรเลยนอกจากหน้าตาและทะเบียนรถที่ป่านนี้เขาอาจเปลี่ยนรถไปแล้วก็ได้ ฉันจะหาคนชั่วนั่นเจอได้อย่างไร ฉันควรเริ่มจากที่ไหน


                ฉันมองออกไปด้านนอกผ่านหน้าต่างของรถฟักทอง เสียงร้องของยมทูตที่เล่นรถไฟเหาะดังแว่วมาเป็นระยะ ด้านหลังของม้าหมุนเป็นแผ่นป้ายยาว ๆ ปิดกั้นทาง บนนั้นมีภาพวาดโดยฝีมือของยมทูตที่อาศัยอยู่ที่นี่ หรือเคยอาศัยอยู่ที่นี่ มีทั้งภาพวิวและภาพสัตว์ ทั้งบนบก ในน้ำ บนอากาศสลับกันไป บางป้ายก็ยังเว้นว่างรอคอยให้ยมทูตคนอื่นมาเติมเต็ม

    ฉันชอบที่พวกเขาสามารถหาความบันเทิงหลังความตายได้ พวกเขาแลมีความสุขกว่าตอนมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ ต่อให้ไม่ได้รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนผ่านสีหน้าและท่าทาง นี่สินะที่ทำให้ฉันต่างจากพวกเขา ฉันยังโหยหาชีวิตในโลกคนเป็น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in