เราเชื่อว่า คงต้องมีอุปสรรคบ้าง ไม่มากก็น้อย.

E-Learning ได้กระตุ้นความตื่นตัวของผู้คนในเรื่อง ความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาขึ้นมาอีกครั้ง

และก็เป็นอีกครั้งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า โลกมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

ทุกคนไม่ได้มีความพร้อมที่จะเรียนออนไลน์

ทั้งในด้านอุปกรณ์และสภาพแวดล้อม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอบ

คำว่า 'บ้าน' ของบางคน

หมายถึง สถานที่อันแสนสงบสุข อบอุ่นใจ

แต่สำหรับบางคน

'บ้าน' อาจเป็นสถานที่ที่อึดอัดใจ

ลองจินตนาการดูสักนิด

ถ้าคุณอาศัยอยู่ในบ้านที่มีห้องส่วนตัว หรือ ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือเป็นกิจลักษณะ

สิ่งนี้จะเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนและสอบบแบบออนไลน์อย่างมาก

ในทางกลับกัน

หากคุณอาศัยอยู่ในบ้านที่ทุกคนในครอบครัวต้องแบ่งพื้นที่ร่วมกันอย่างอัตคัด

ทำให้ ปกติแล้ว คุณต้องออกไปอ่านหนังสือข้างนอก อาทิ ห้องสมุด หรือ ร้านกาแฟ เพื่อสร้างสมาธิ

แต่สถานการณ์ส่งผลให้คุณต้องอยู่แต่ในบ้าน

คงไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่ดีนักต่อการศึกษาของคุณ

ลองนึกภาพ ห้องสตูดิโอที่อาศัยอยู่กันสองคน

หากคุณกำลังสอบ แล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา! แต่น้องสาวของคุณกำลังใช้ห้องน้ำอยู่

คงเป็นเรื่องที่แย่น่าดู

ฉันเป็นหนึ่งคนที่ไวต่อเสียงและฉันอาศัยอยู่ในคอนโด

ทำให้การสอบแบบออนไลน์ครั้งนี้ สร้างความกังวลอย่างมาก

ใครอยู่คอนโดก็จะทราบดีว่า ความเป็นส่วนตัวเหมือนจะมี แต่ก็ไม่เทียบเท่าบ้าน

ถ้าระหว่างฉันสอบ ห้องรอบข้างเกิดตำน้ำพริกขึ้นมา

คงจะประสาทเสียน่าดู

เล่ามาถึงตรงนี้

สังเกตไหมคะว่า ยังไม่เกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์ทางการศึกษาเลย

แค่สถานที่ก็สร้างความเหลื่อมล้ำแล้ว

จิตใจที่พร้อมต่อการเรียนน่ะ เป็นเรื่องสำคัญนะคะ

เย็นวันนี้ฉันไปเจอทวิตหนึ่งที่กล่าวว่า 

'ถ้าบ้านจนก็ไม่ต้องสอบ' 

พร้อมแนบรูป criteria ในการสอบมา

#จขทว เขาประชดความเหลื่อมล้ำค่ะ

ในความคิดของเรา 

ประโยคที่ว่า 'คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา'

มันถูกต้องแล้วจริงๆหรือคะ?
'มันไม่มีทางที่ทุกคนจะเพียบพร้อมต่อเกณฑ์การสอบเหมือนกันได้หรอก'

ถูกค่ะ 

ดังนั้น นี่ไม่ใช่โอกาสอันดีที่เราจะมาหาทางออกที่เรียบง่ายต่อการวัดผลการศึกษา

เพื่อเสริมสร้างความเท่าเทียมในการศึกษาหรือคะ?