เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องสั้นจากความมโนDeux
Decomposer
  •    มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่เชื่อว่า การทานอาหารที่เพาะปลูกด้วยเกษตรอินทรีย์เท่านั้นที่จะเป็นทางเดียวของการอยู่รอด ในโลกที่เต็มไปด้วยมลภาวะ สารเคมี สารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมรอบตัว อย่างน้อยก็ช่วยให้ชีวิตไม่ลดทอนลงไปมากนัก
     
      รายงานข่าวเช้านี้  มีผู้แจ้งหลังพบหลุมศพจำนวนหนึ่งถูกขุดค้น พบทรัพย์สินหายไปหลายรายการ และศพทั้งหมดก็ถูกนำไปด้วยเช่นกัน คาดว่าคงเป็นมิจฉาชีพที่ต้องการของมีค่า แต่การนำศพไปด้วยเป็นข้อสงสัยที่ตำรวจกำลังตามสืบสวนอยู่ และ...
      
    "บ้าไปแล้ว!" 

    วิทยุเครื่องเก่าคร่ำคร่าถูกปิดลงทันที การรายงานข่าวยังไม่จบด้วยซ้ำ

      "ฮัว" หญิงสาวโสดร่างกายกำยำผิดจากหญิงสาววัยเดียวกัน รีบผุดลุกจากโต๊ะอาหาร เธอกำลังทานอาหารเช้าเป็นอาหารสดเพื่อสุขภาพ ทั้งสลัดผัก มะเขือเทศลูกเขื่องผิวมันวาวสีแดงที่ถูกฝานวางลงในถ้วยสลัดอย่างสวยงาม น้ำมันมะกอกสีเขียวใสวางอยู่ด้านข้าง ทั้งหมดยังไม่ทันถูกบริโภคจนหมด ฮัวก็ลุกขึ้นปิดวิทยุแล้วคว้าถ้วยสลัดทั้งถ้วยโยนลงถุงดำใบใหญ่ที่อยู่ในครัว


    "หมดกัน มื้อเช้าของฉัน ฟังข่าวแล้วจะอ๊วก จะรายงานเรื่องบ้าๆทำไมเนี่ย ช่วงเวลานี้ใครๆก็กินข้าวกัน แย่จริง!"


       ฮัว คว้ากุญแจรถกระบะเก่าใกล้พังที่จอดอยู่ที่โรงรถด้านหลังบ้าน เธอเตรียมของใส่ท้ายรถไว้หมดแล้ว กำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองที่ห่างออกไปราวยี่สิบกิโลเมตร เพื่อนำผักสด ผลไม้ และพืชผลต่างๆที่เพาะปลูกเองในสวนขนาดสิบกว่าไร่ของเธอไปขายให้พ่อค้าที่ตลาดสดในตัวเมือง แม้ว่าเธอจะทำสวนที่กว้างใหญ่นี้เพียงคนเดียว แต่เธอก็ดูแลสวนผักเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี คงเพราะเธอมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งฮัวเชื่อว่าเกิดจากการทานอาหารปลอดสารเคมีทั้งหมดที่เธอปลูกเองกับมือ


    โครโมโซม XXY อาจเป็นคำตอบ 


      ฮัว ขับรถมาจอดข้างร้านขายผักของลุงหยาง ลูกค้าผักเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ลุงหยางเป็นลูกค้าประจำของครอบครัวฮัวมานานหลายสิบปีแล้ว ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอด เพราะความซื่อสัตย์และน้ำใจของคนชนบทนั่นเอง ทำให้เมืองเล็กๆแห่งนี้ยังอยู่กันได้โดยไม่ต้องอาศัยเม็ดเงินจากคนนอกมากนัก คนที่นี่จึงรู้จักกันเป็นอย่างดี และไม่เคยมีเหตุอาชญากรรมใดๆ


    "อาฮัว...ลื้ออยู่ที่บ้านคนเดียวก็ระวังตัวหน่อยนา อั๊วฟังข่าวตอนเช้าแล้วใจคอไม่ดี ลื๊อยิ่งชอบไปแวะไหว้ป๊าลื๊อที่สุสานบ่อยๆ ระวังหน่อยนา รู้ข่าวใช่มั้ยเนี่ย  


       บทสนทนาเกิดขึ้นขณะที่ทั้งสองกำลังกำลังช่วยกันขนผักลงจากท้ายรถ ผักหลายเข่งกำลังจะถูกส่งมอบและกระจายสู่ชุมชน แต่เห็ดดอกขนาดยักษ์ดูน่ารับประทานสะดุดตาลุงหยางเป็นพิเศษ

    "เห็ดอะไรเนี่ยอาฮัว น่ากินจิงๆ กินได้แน่เหรอ อั๊วไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" 
     "กินได้สิลุง หนูทานทุกวันหล่ะ รสชาติดีนะ เพิ่งเอามาเพาะได้ซักพักแล้ว พอได้จำนวนเลยเอามาขาย" 

      ฮัวปิดกระบะท้ายรถดังปัง ตัวรถสั่นราวกับจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ

    "เอานี่เงินค่าผัก ส่วนนี่เอาไว้กินบ้าง อย่ากินแต่ผักหล่ะ ร่างกายจะได้แข็งแรง อ่อ แล้วล้างกระบะหลังรถบ้างซี่ กลิ่นตุตุแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาซิลื๊อเนี่ย ทำสวนคนเดียวคงเหนื่อยน่าดู

      ฮัวคว้าเงินจากมือลุงหยาง แล้วสะบัดตัวอย่างแรงพร้อมก้าวเท้ายาวๆ รีบเปิดประตูรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว คล้ายไม่พอใจอะไรบางอย่างกับคำพูดของชายชราที่ถูกทิ้งให้ยืนไว้เบื้องหลังอย่างไร้คำร่ำลา 


         ในหนึ่งสัปดาห์ ฮัวจะแวะเข้ามาในเมืองเพื่อส่งผัก ทำธุระ และซื้อของใช้อาหารแห้งเครื่องเทศต่างๆพอประมาณ เพื่อเอาไปใช้ที่บ้าน เพราะสวนของฮัวอยู่ห่างออกมาจากเพื่อนบ้านพอสมควร หลังที่ใกล้สุดไกลออกไปถึงสี่กิโล ระหว่างทางกลับบ้านถ้ามีโอกาสฮัวจะแวะสุสานเพื่อไปไหว้หลุมศพของพ่อเสมอ ส่วนแม่ของฮัวนั้น พ่อบอกว่าแม่ทิ้งทั้งสองไปตั้งแต่ฮัวยังจำความไม่ได้ เพราะทนสภาพความแร้งแค้นของชนบท และงานในสวนที่ต้องทำงานอย่างหนักไม่ไหว เธอจึงไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าแม่ของตนเองเลย รูปถ่ายซักใบก็ไม่มีให้ดูต่างหน้าด้วยซ้ำ

    ปัง!  เสียงประตูบ้านถูกปิดอย่างไม่ปราณี ฮัวรีบรุดเข้าไปในครัว หยิบมีดปังตอคมกริบสะท้อนแสงไฟวูววาบที่ยาวร่วมเชียะจากลิ้นชัก มืออีกข้างเปิดตู้แช่แข็งหยิบถุงดำดูเกรอะกรังออกมา ฮัวหิ้วมันไปที่โรงเก็บของหลังบ้านด้วยท่าทางทุลักทุเลเพราะน้ำหนักที่มากเอาการของถุงขยะสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ

       หลอดไฟสีส้มส่องแสงสว่างเรื่อๆไปบนพื้นโต๊ะในโรงเก็บของ บนโต๊ะมีเขียงไม้ขนาดใหญ่ มีดปังตอสับคาอยู่บนเขียง ฝังลึกลงในเนื้อเขียง ดูแล้วเหมือนมันคงถูกเหวี่ยงด้วยความโมโหสุดขีดทีเดียว   
     
       ฮัวเปิดถุงหยิบเอาส่วนหัวขึ้นมาก่อน มันอยู่ในสภาพเกือบแข็ง ดวงตาที่เบิกโพลงมันเป็นฝ้าขาวมองไม่เห็นตาดำด้วยซ้ำ มีดถูกสับลงกลางส่วนหัว ลูกตากระเด็นออกมาจากเบ้าตกลงไปที่พื้น ฮัวขยับตัวเหยียบเข้าเต็มแรง ของเหลวในลูกตากระเซ็นออกเป็นทางยาว 

       เธอสับปังตอครั้งแล้วครั้งเล่า ชิ้นส่วนต่างๆแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก้อนเลือดที่แข็งเริ่มละลายไหลรินลงข้างเขียง กลิ่นคาวเริ่มคลุ้งไปทั่ว เธอเอามีดเลาะเอาส่วนท้องเปิดออก ควักเอาไส้และเครื่องในออกมากองไว้ แล้วค่อยแล่เนื้อติดกระดูกออก จากนั้นสับกระดูกออกเป็นท่อนๆ เพื่อให้ง่ายในขั้นต่อไป เธอยืนสับชิ้นส่วนอวัยวะเหล่านั้นชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนเลือดไหลนองไปทั่วโต๊ะ 

       จริงๆชิ้นส่วนพวกนี้เป็นส่วนที่เหลือจากส่วนที่เป็นเนื้อซึ่งฮัวใช้ปรุงอาหารไปเมื่อหลายวันก่อน เธอเก็บส่วนที่ทานยากเอาไว้เพื่อการนี้ เธอใช้ทุกชิ้นส่วนอย่างมีคุณค่าเสมอ
       
       ฮัว กอบเอาเศษเนื้อเศษกระดูก และอวัยวะภายในที่แล่และสับจนเกือบเละ รวมกันแล้วกรอกลงใส่โถแก้วใส ด้านล่างมีท่อต่อปิดเปิดให้ของเหลวด้านในไหลออกมาได้   เธอใส่เศษเนื้อพวกนั้นลงในโถจนเต็ม เติมน้ำสีดำกลิ่นฉุนลงไปอีกหน่อย เติมน้ำสะอาดลงจนท่วมเศษซากอดีตสิ่งมีชีวิตพวกนั้น ไส้บางพวงที่ยังไม่ขาดจากกันดี ยังลอยแกว่งไปตามแรงน้ำที่ถูกเทลงในโถ เธอปิดฝาอย่างแน่นหนาเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นเหม็นที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ช้าจะไม่ส่งกลิ่นออกมารบกวนเวลาเธอกลับมาทำงานในห้องนี้อีกคราวหน้า

       ฮัว เปิดผ้าคลุมโถแก้วที่เรียงรายอยู่ข้างๆอีกนับสิบ มีเครื่องหมายแสดงให้รู้ว่าโถไหนใช้การได้ เธอเปิดให้น้ำสีน้ำตาลเข้มเกือบดำไหลออกจากท่อ เพื่อใส่ลงในถังพลาสติกใบพอประมาณ พอเต็มเธอปิดฝาแล้วยกออกมาวางไว้ด้านนอก เพื่อรอนำไปรดแปลงผักที่เธอกำลังเตรียมดินไว้ก่อนหน้า

       น้ำหมักจากเศษซากปลา เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ผักในสวนของฮัวสดอวบอ้วน และขายได้ราคา การที่สวนอยู่ไกลชุมชน ช่วยลดปัญหาที่เพื่อนบ้านบ่นเรื่องกลิ่นได้ดีทีเดียว   

        ตีสี่กว่าท้องฟ้ายังมืดมิด ฮัวถือไฟฉายเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่ถางให้โล่ง เพื่อเดินไปยังโรงเรือนที่เพิ่งทำมาใหม่ ไกลออกไปด้านหลังสวนเกือบสุดเขตที่ดินด้านหลังติดหน้าผาสูง 
        
       ฮัวหยิบหน้ากากกรองอากาศชนิด N100 มาสวมเข้า ขยับให้กระชับ เปิดประตูโรงเรือนและเปิดหน้าต่างข้างๆเพื่อให้อากาศในโรงเรือนถ่ายเทออกไปบ้าง เพราะในโรงเห็ดมักอับชื้นและออกซิเจนต่ำมาก อันตรายต่อการเข้าไปโดยไม่ระวังตัว แถมโรงเห็ดของฮัวนั้นมีกลิ่นเหม็นที่ร้ายกาจซะด้วย

        พอเปิดไฟ แสงสว่างส่องให้เห็นกองดินหนาพูน เรียงรายเป็นกองๆเกือบสิบกอง ด้านบนปูทับด้วยเศษใบไม้แห้งเศษฟางหนา ด้านบนมีเห็ดกำลังอวบอ้วน แข่งกันชูก้านขึ้นเป็นกอกระจายอยู่ทั่วกองดิน แต่ละดอกอวบใหญ่แสดงให้เห็นถึงความอุดมของดินและแร่ธาตุด้านล่าง

        ฮัวค่อยๆเสียบหูฟังกับ ipod แล้วเหน็บเครื่องเล่นเข้ากับกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เสียงดนตรีเริ่มบรรเลง       

                เหมย.... ฮัวเหมย...... ฮัวมาน เทียนเซีย....  

       เพลงเหมยฮัวกำลังเริ่มขับกล่อม ฮัวก้มลงเด็ดดอกเห็ดใส่ตระกร้าที่คล้องแขนไว้ ดอกเห็ดดอกใหญ่ทานได้ เป็นของแปลกใหม่ของที่นี่ รสชาติดีและเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญอีกอย่างที่ฮัวทานเป็นประจำเพื่อชดเชยที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ
        
        เธอก้มหน้าก้มตาเก็บอย่างเพลิดเพลินพร้อมไปกับเสียงดนตรี พลันเหลือบไปเห็นนิ้วมือมนุษย์ที่เริ่มเละ มีหนอนแมลงวันที่กำลังกัดกินเนื้อเน่าๆที่นิ้วกลาง มันยื่นพ้นโผล่ขึ้นมาด้านข้างกองดิน เธอรีบโกบเอาดินข้างๆกลบแล้วเอาฟางถมให้มิด จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเก็บเห็ดต่อไป พร้อมฮัมเพลงอยู่ใต้หน้ากากงึมงัมเพียงลำพัง 

       "ชาวบ้านคงชอบเห็ดชุดนี้ ดอกใหญ่น่าทานมากๆ เป็นแหล่งอาหารที่สุดยอดจริงๆ

    ฮัวนึกในใจพร้อมรอยยิ้มภายใต้หน้ากากเพียงลำพัง


    เห็ด Hebeloma mesophaeum เป็นเห็ดกินได้ที่ มีชื่ออีกอย่างว่า...

                               
                              "Corpse finder"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in