เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลเพลง RADWIMPSKanzen Memeshe
แปลเพลง 独白 (dokuhaku) ของ RADWIMPS
  •  17 ตุลา 2024 ที่ผ่านมา ประกาศถอนตัวออกจากวงของคุวะ มือกีต้าร์วงRADWIMPS ทำเอาแฟนคลับช็อคไปตามๆ กัน ประกาศกะทันหันนี้กับครบรอบ 20 ปีที่จะเดินทางมาถึงในปีหน้า แฟนๆ ญี่ปุ่นหลายคนในทวิตเตอร์พากันพูดถึงเพลงนี้ พอเราได้ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลออกมา บทเพลงที่เล่าถึงความเป็นมาของแรดวิมส์ในช่วงก่อสร้างร่างตัว เป็นเพลงที่เล่าว่ากว่าจะมาเป็นแรดวิมส์ในวันนี้พวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง แม้จะเป็นเพลงที่ปล่อยออกมาในปี2012 แต่ฝีไม้ลายมือการแต่งเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งกินใจของโนดะ โยจิโร่ กับถ้อยคำที่เขาฝากถึงสมาชิกแต่ละคนผ่านบทเพลง ยังคงทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราแฟนคลับก็จะขอเป็นกำลังใจ และสนับสนุนศิลปินที่รักต่อไป 


    เพลง: 独白 (dokuhaku) รำพึงรำพันอยู่คนเดียว
    เนื้อร้อง & ทำนอง: Noda Yojiro




    昨日は話が出来て良かった
    kinō wa hanashi ga dekite yokatta

    ดีแล้วที่ได้คุยกันเมื่อวาน


    考えて見れば思い出話なんて
    俺たちあんまりしないから
    kanga ete mireba omoide-banashi nante
    ore tachi anmari shinai kara 

    มาคิดดูแล้ว พวกเราไม่ค่อยคุยเรื่องสมัยก่อนกันเลย


    かといって未来を語るわけでもないし
    ka to itte mirai o kataru wake demo nai shi 

    จะว่าไป ก็ไม่ได้พูดกันเรื่องอนาคต


    つまりいつでも今の話ばっかりで
    tsumari itsu demo ima no hanashi bakkari de 

    เวลาไหนก็เอาแต่พูดถึงปัจจุบัน


    今何を作りたいかばっかりで
    ima nani o tsukuri tai ka bakkari de 

    เอาแต่คุยกันว่าตอนนี้อยากสร้างสรรค์อะไร


    俺にはそれがちょうどいい
    ore ni wa sore ga chōdo ii 

    สำหรับผมแล้ว แบบนั้นล่ะ กำลังดีเลย


    でも昨日久々に昔の話をしてつくづく思ったよ
    demo kinō hisa bisa ni 
    mukashi no hanashi o shite
    tsuku zuku omotta yo 

    แต่เมื่อวานพอได้คุยกันเรื่องเก่าๆ แล้วก็คิดทบทวน


    俺たちは何をあんなに信じ切ってたんだろうね
    ore tachi wa nani o 
    an'nani shinji kittetan darou ne 

    ทำไมพวกเราถึงเชื่อจนหมดใจได้ขนาดนั้นนะ


    なにも疑わず365日音を鳴らし続けてたんだろうね
    nani mo utaga wazu 
    san byaku rokuchuu go nichi 
    oto wo narashi tsuzuke tetan darou ne

    ร้องเล่นบรรเลงเพลงต่อเนื่อง 365 วัน โดยไม่ตั้งคำถามอะไร


    なにも知らなかっただけなのかな
    nani mo shirana katta dake nano kana

    เพียงเพราะไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างรึเปล่านะ


    それだけだったのかな
    sore dake datta no kana

    เพียงแค่นั้นหรือเปล่านะ


    8年前いつも電車賃さえギリギリで
    スタジオは安いからって
    深夜の5時間パックに入った
    hachi nen mae 
    itsumo densha chin sae giri giri de
    sutajio wa yasui karatte 
    shin'ya no go-jikan pakku ni haitta 

    8 ปีก่อน แค่ค่ารถไฟฟ้าก็แทบไม่พอจ่าย
    เลยเข้าสตูดิโอถูกๆ รอบดึกแบบเหมาจ่าย 5 ชั่วโมง


    初めてのおんぼろ車はレコーディング帰りの朝の
    15号線上で煙を吐いて死んだ
    hajimete no onboro kuruma wa 
    rekōdingu gaeri no asa no 
    chuugo gōsen jō de kemuri o haite shinda 

    เช้าวันที่กลับจากอัดเสียง 
    รถยนต์คันเก่าคันแรกพ่นควันโขมง
    น็อคดับบนเส้นทางหลวงหมายเลข15*


    初心者マークを付けて
    道路上で立ち尽くすあまりに無力な
    その車に浴びせられる
    クラクションと冷たい視線
    shoshinsha māku o tsukete
    dōro jō de tachi tsukusu amari ni muryoku na 
    sono kuruma ni abise rareru
    kura kushon to tsumetai shisen 

    รถติดป้ายมือใหม่หัดขับ ที่จอดแน่นิ่งบนท้องถนนคันนั้น
    ช่างไร้พลังเสียจนทำให้พวกเราโดนบีบแตรไล่ 
    โดนสายตาเย็นชาทิ่มแทง


    日産 パルサー
    Nissan parusā

    นิสสัน พัลซ่าร์ (NISSAN PULSAR)


    君の意志を僕たちは忘れないよ
    kimi no ishi o bokutachi wa wasurenai yo

    พวกเราจะไม่ลืมความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าเลย


    初めての給料が振り込まれるって
    hajimete no kyūryō ga furi koma rerutte 

    ตอนที่เงินเดือนก้อนแรกถูกโอนเข้าบัญชี


    作りたてのカード持って
    新横浜のコンビニに4人で行った
    tsukuri tate no kādo motte 
    Shin Yokohama no konbini ni yo nin de itta

    พวกเราพกบัตรกดเงิน
    ไปร้านสะดวกซื้อแถวชินโยโกฮาม่ากัน 4 คน


    ドキドキしながらATMをぐるっと囲んで
    dokidoki shi nagara ATM o gurutto kakonde 

    ยืนล้อมรอบตู้ATM ใจเต้นตึกตัก 


    入金を確認すると思わず
    店んなかでバンザイして叫んだんだ
    nyūkin o kakunin suruto omo wazu
    misen naka de banzai shite sakendan da 

    พอเช็คว่ามีเงินเข้าแล้ว 
    ก็เผลอแหกปากร้องไชโยลั่นร้าน


    1万5千円だったけど初めて認められた気がした
    ichi man go sen-en datta kedo
    hajimete mitome rareta ki ga shita 

    เงิน 1หมื่น 5พันเยน
     แต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าได้รับการยอมรับ


    何をやってんだって後ろ指刺されて
    生きてたような気がしてたけど
    nani o yatten datte ushiro yubi sasa rete
    iki teta yōna ki ga shiteta kedo 

    รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตมา
    โดยถูกนินทาลับหลังตลอดว่า มัวทำอะไรกันอยู่


    別にそれが嫌だったわけじゃないけど
    betu ni sore ga iya datta wake janai kedo 

    ก็ไม่ได้เกลียดอะไรแบบนั้นหรอก


    でも嬉しかったんだそんな始めてもお前らと一緒だった
    demo ureshi kattan da 
    son'na hajimete mo omae ra to issho datta 

    แต่สุขใจนะ
    ที่ได้มีประสบการณ์แบบนั้นร่วมกันกับพวกนาย 


    あの時あの時期お前らは何を思ってた?
    ano toki ano jiki 
    omae ra wa nani wo omotteta? 

    ในตอนนั้น ช่วงเวลานั้น พวกนายคิดว่าไงกันบ้าง


    多分同じ気持ちだったって勝手に思ってる
    tabun onaji kimochi dattatte 
    katte ni omotteru 

    ผมก็คิดเองเออเองละว่า พวกนายคงรู้สึกเหมือนกัน


    一緒に同じ時間をくぐりぬけてくれて ありがとう
    issho ni onaji jikan o kuguri nukete kurete arigatō

    ขอบคุณนะ ที่ฝ่าฟันช่วงเวลานั้นมาด้วยกัน


    先なんて何にも見えなかった
    saki nante nani ni mo miena katta 

    มองไม่เห็นอะไรสักอย่างในอนาคต


    いつまでに何をどうしてどうなって
    そんなの知らない誰も言わない
    itsu made ni nani o dōshite dō natte
    son'na no shiranai dare mo iwanai 

    จะทำอะไร ตอนไหน ที่ไหน ยังไง 
    ไม่รู้หรอกอะไรแบบนั้นน่ะ ไม่บอกใครด้วย


    それが暗黙のルールだった
    sore ga anmoku no rūru datta 

    ไม่ต้องพูดก็เป็นอันรู้กันอยู่แล้ว 


    根拠のない自信それだけで十分だった
    konkyo no nai jishin 
    sore dakede jūbun datta
     
    เชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


    俺たちにあるのはそれだけだった
    ore tachi ni aru no wa sore dake datta 

    พวกเราก็มีดีอยู่แค่นั้นแหละ


    どんだけちっぽけな光でも
    光だったら何百倍も大袈裟に受け取った
    don dake chippoke na hikari demo
    hikari dattara nan hyaku-bai mo ōgesa ni uke totta 

    ไขว่คว้าไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างริบหรี่แค่ไหน 
    ถ้ามันเป็นโอกาส ก็ขอลงมือทำไปสุดแรงเกิด


    たまに真面目な顔した現実がこっち見て笑うんだ
    tamani majime na kao shita genjitsu ga
    kotchi mite warau-n da 

    บางครั้งความเป็นจริงมันทำหน้าจริงจัง 
    หันมองมาทางนี้แล้วหัวเราะเยาะ


    そんな時は全速力で逃げた 知るかって
    son'na toki wa zen soku ryoku de nigeta
    shiru katte 

    ตอนนั้นผมหนีสุดชีวิต ไม่แคร์ ไม่สน


    どこの世界にもあるであろう常識
    あたりまえ
    doko no sekai ni mo aru de arou jōshiki atari mae 

    ความเชื่อเดิมๆ ที่มีอยู่ทุกที่ทุกสังคม
    เรื่องธรรมดาทั่วไป


    この世界もそんな物の宝庫だった
    kono sekai mo son'na mono no hōko datta 

    สังคมนี้ก็เป็นขุมทรัพย์ของความเชื่อเดิมๆ เหล่านั้น


    中にはいつまでもくすぶるための教科書
    なんじゃないかって思えるものもあった
    naka ni wa itsu made mo kusu buru tame no
    kyōkasho nan janai katte omo eru mono mo atta 

    ข้างในนั้นมีสิ่งที่ทำให้คิดว่า 
    นี่เป็นตำราเรียนที่สร้างมาเพื่อย่ำอยู่กับที่หรืออย่างไร


    目を見開いて大事なもんだけ握って
    あとは2秒で捨てた
    me o mi hiraite daiji na mon dake nigitte
    ato wa ni-byō de suteta

    เบิกตากว้าง จับคว้าไว้แค่สาระสำคัญ
    แล้วโยนทิ้งไปใน 2 วินาที


    俺たちは泣き虫だ
    ore tachi wa naki mushi da 

    เรามันพวกขี้แย 


    どこだろうが誰がいようが
    何かにつけて呆れるくらい泣いた
    doko darou ga dare ga iyou ga 
    nani ka ni tsukete aki reru kurai naita 

    ร้องไห้ไม่สนสถานที่ เวลา ผู้คน
    เป็นอย่างนั้นจนน่าระอา


    なりたい自分が向こう側にいて
    なれない自分が目の前にいた
    naritai jibun ga mukō gawa ni ite
    narenai jibun ga me no mae ni ita 

    มีตัวตนที่อยากเป็นยืนอยู่ฝั่งโน้น
    มีตัวจริงแสนโหลยโท่ยยืนอยู่ตรงหน้า


    小さな自分を守りたくて
    chiisa na jibun o mamori takute 

    อยากปกป้องตัวตนอันเล็กจ้อยของตัวเอง


    不甲斐なさに潰されそうで
    fugai nasa ni tsubusa resō de 

    เหมือนถูกความรู้สึกที่ยังทำได้ไม่ดีพอ บดขยี้ทำลาย


    世界にたった4人だけみたいな
    あの小さなスタジオの中で心が
    擦り切れるまで話をした
    sekai ni tatta yo nin dake mitai na
    ano chiisana sutajio no naka de kokoro ga
    suri kireru made hanashi o shita 

    ถกเถียงกันไม่ยั้งจนใจยับเยินในสตูดิโอเล็กๆ นั่น 
    เหมือนทั้งโลกมีกันอยู่แค่ 4 คน 


    たった一つのコードたった一つのリズムに
    何十時間何日とかけて
    スタジオに入っても音も出さず帰る日もあった
    tatta hitotsu no ko-do 
    tatta hitotsu no rizumu ni
    nan jū jikan nan nichi to kakete
    sutajio ni haitte mo oto mo dasazu kaeru hi mo atta 

    ใช้เวลาหลายชั่วโมง หลายวัน
    กับแค่คอร์ดๆ เดียว จังหวะๆ เดียว
    วันที่เข้าสตูดิโอไปแล้วกลับบ้านโดยไม่ได้อะไรเลยก็มี


    八つ当たりして蹴飛ばして
    わめいて怒鳴っていなくなって探して
    yattsu atari shite ketoba shite 
    wame ite donatte 
    inaku natte sagashite 

    โมโหแล้วพาลใส่คนอื่น เตะข้าวของกระเด็น 
    โวยวาย แหกปากตวาดต่อว่า
    คนนึงหายตัวไป คนนึงออกตามหา


    はっと我に返って何なんだよ俺たちって
    笑えてきてそんでまた泣いた
    hatto waga ni kaette nan nan dayo ore tachitte
    wara ete kite sonde mata naita 

    พอกลับมาเรียกสติได้ ก็พูดว่า 
    พวกเรานี่มันยังไงกันน้า แล้วพากันหัวเราะ
    จากนั้นก็ร้องไห้อีกรอบ 


    俺一人だったら到底生きられなかった
    ore hitori dattara tōtei iki rare nakatta 

    ถ้ามีผมตัวคนเดียว คงไม่มีชีวิตรอดมาได้หรอก


    嘘に浸ってたこんなに勇気を使えなかった
    uso ni hitatte ta 
    konna ni yūki o tsukae nakatta 

    ตอนที่ผมพูดโกหกออกไป
    ก็ไม่ได้ใช้ความกล้ามากถึงขนาดนี้เลย**


    使い方も知らないままだった
    tsukai kata mo shiranai mama datta
     
    จนป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง


    一人で見るにはとてもじゃないけど大きすぎた
    4人で見たからほんとになった
    hitori de miru ni wa totemo janai kedo ōki sugita 
    yo nin de mita kara honto ni natta

    ถ้าเฝ้าฝันอยู่คนเดียวมันช่างดูใหญ่เกินตัว
    แต่เพราะเฝ้าฝันด้วยกัน 4 คน เลยกลายเป็นจริงขึ้นมา


    あの時話してたこと覚えてる?
    俺は気持ち悪いくらい覚えてる
    ano toki hana shiteta koto oboe teru?
    ore wa kimochi warui kurai oboe teru 

    ยังจำเรื่องราวที่คุยกันตอนนั้นได้ไหม
    ผมจำได้ขึ้นใจจนขนลุกคลื่นไส้


    リズム コード メロディ
    その音楽を作り出すたった3つの言葉が
    どこまでも無限に感じた
    rizumu ko-do merodi 
    sono ongaku o tsukuri dasu 
    tatta mittsu no kotoba ga
    doko made mo mugen ni kanjita 

    จังหวะ คอร์ด เมโลดี้ 
    คำ 3 คำที่สรรสร้างดนตรีเหล่านั้นขึ้นมา
    ทำให้รู้สึกถึงความเป็นนิรันดร์ ไม่มีที่สิ้นสุด


    そしてレコーディング
    録音して残すというその意味を語った
    soshite rekō-dingu
    roku on shite nokosu to iu sono imi o katatta 

    แล้วก็คำว่า เรคคอร์ดดิ้ง
    ที่หมายถึงบันทึกเสียงทิ้งไว้


    俺たちから生まれた曲は自分たちの命よりも
    ずっとずっと長く生きるんだ
    ore tachi kara umareta kyoku wa 
    jibun tachi no inochi yori mo
    zutto zutto nagaku ikirun da 

    บทเพลงที่พวกเรารังสรรค์ จะมีชีวิตคงอยู่ต่อไป
    ยืนยาวยิ่งกว่าชีวิตเรา


    うちらが消えてなくなった後も
    俺たちの意思はこの世界に残るんだ
    uchira ga kiete naku natta no ato mo
    oretachi no ishi wa kono sekai ni nokorun da 

    แม้ในวันที่เราไม่อยู่แล้ว 
    เจตนารมย์ของพวกเรา จะยังคงหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้


    俺たちの言葉を話し続けるんだ何百年後も
    ore tachi no kotoba o hanashi tsuzu kerun da 
    nan byaku nen go mo 

    กี่ร้อยปีให้หลัง 
    ถ้อยคำของพวกเราจะยังคงขับขานสืบต่อไป


    そんな大それたことを大真面目に話した
    sonna dai soreta koto wo 
    oo majime ni hana shita 

    จะขอพูดเรื่องที่แสนเหลือเชื่อ 
    พูดออกไปอย่างจริงจังเลยนะ 


    そんな1音をたったひとつの音を
    鳴らそうって決めたんだ
    sonna ichi on w
    tatta hitotsu no oto wo 
    narasoutte kimetan da

    ตัดสินใจแล้วว่าจะเปล่งเสียง
    แค่เพียงหนึ่งเสียงนี้ออกไป


    あなたは僕らの瞳です
    S anata wa bokura no hitomi desu

    S นายคือดวงตาของพวกเรา


    俺らはしょっちゅうグニャグニャ迷うけど
    orera wa shotchū gu-nya gu-nya mayou kedo

    พวกเรามักจะลังเลไม่มั่นคงเสมอ


    そんな時あなたはまっすぐな目を頼ります
    sonna toki anata wa massugu na me o tayori masu 

    ถึงตอนนั้นจะขอพึ่งพาดวงตาที่มองตรงไปข้างหน้าของนาย


    どこを見てるんだろう
    あなたが見てるその先を目指します
    doko o mite run darou 
    anata ga miteru sono saki o meza shimasu 

    นายกำลังมองไปทางไหนกันนะ
    พวกเราจะมุ่งไปในทิศทางเดียวกันนั่นละ


    あなたは変わった
    とても優しく強くなった
    anata wa kawatta
    totemo yasashi ku tsuyo ku natta 

    นายเปลี่ยนไปแล้ว
    อ่อนโยนและแข็งแกร่งขึ้น


    そんな変化もこんな近くで見れて嬉しいです
    sonna henka mo konna chikaku de 
    mirete ureshii desu 

    ผมดีใจที่ได้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างใกล้ชิด


    この前くれた大切な言葉
    あれは僕の誇りです
    死ぬまでずっと大事にします
    kono mae kureta taisetsu na kotoba
    are wa boku no hokori desu
    shinu made zutto daiji ni shimasu

    ถ้อยคำสำคัญที่ผมได้รับก่อนหน้านี้
    นั่นถือเป็นความภาคภูมิใจของผม
    จะรักษาเอาไว้อย่างดีจนถึงวันตายเลย


    あなたが僕らの体です
    T anata ga bokura no karada desu 

    T นายคือร่างกายของพวกเรา


    怠け者のうちらの中で
    一人続けることをあなたは止めない
    namake mono no uchira no naka de
    hitori tsuzu keru koto o anata wa yamenai 

    ในบรรดาพวกเราที่ขี้เกียจตัวเป็นขน
    นายก็ยังเฝ้าทำอะไรตัวคนเดียวต่อไป
    อย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดยั้ง


    不器用で 一途で 優しい
    bukiyō de ichizu de yasashii 

    เซ่อซ่าไม่พึ่งพาใคร มุ่งมั่น อีกทั้งยังใจดี


    この4人の根っこはあなたで動きます
    kono yo nin no nekko wa anata de ugoki masu 

    รากฐานมั่นคงของพวกเรา 4 คนนี้ 
    นายจะเป็นคนขับเคลื่อนไป


    見えない所で何を思い 何と戦ってるんだろう
    mienai tokoro de nani o omoi
    nani to tata katte run darou 

    พอลับตาไปแล้ว นายกำลังคิด กำลังต่อสู่กับอะไรอยู่นะ


    そんなことを考えます
    sonna koto o kangae masu 

    ผมคิดคำนึงไปแบบนั้น


    たまには見えるところで浴びてほしい
    tama ni wa mieru tokoro de abite hoshii 

    บางทีก็อยากให้นายแสดงออกให้เห็นในที่แจ้ง


    好きに甘えて見せてほしい
    sukī ni ama ete misete hoshii 

    อยากเห็นนายเป็นฝ่ายเอาแต่ใจบ้าง


    大丈夫だよって言わせてほしい
    daijōbu da yotte iwasete hoshii 

    ให้พวกเราได้เป็นฝ่ายพูดออกไปบ้างว่า 
    "ไม่เป็นไรหรอก" 


    ネジが外れたあなたも好きです
    neji ga hazure ta anata mo suki desu

    ผมก็รักนายตอนที่น็อตหลุดคุมสติไม่อยู่ด้วยนะ


    あなたは僕らのハートです
    K anata wa bokura no ha-to desu 

    K นายคือหัวใจของพวกเรา


    元気にしてますか?
    genki ni shite masu ka? 

    ยังสบายดีอยู่ไหม


    まっすぐ晴れた気持で今日も生きてますか?
    massugu hareta kimochi de 
    kyō mo ikite masu ka? 

    วันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยอารมณ์ที่สดใสซื่อตรงรึเปล่า


    もしそうならきっと俺らもそうだから
    moshi sō nara kitto orera mo sō dakara 

    ถ้านายเป็นแบบนี้น พวกเราก็คงไม่ต่าง


    あなたの心がそのまま俺らのハートです
    anata no kokoro ga 
    sono mama orera no ha-to desu 

    หัวจิตหัวใจของนาย คือจิตใจของพวกเรานั่นละ


    良いも悪いも堂々と生きろ
    ii mo warui mo dōdō to ikiro 

    ไม่ว่าจะดีหรือร้าย 
    ก็ขอให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสง่าผ่าเผย


    逃げるな 言い訳を探すな 下じゃない前を見ろ
    nigeru na iiwake o sagasu na 
    shita janai mae o miro 

    อย่าหนี อย่าหาข้อแก้ตัว 
    อย่าก้มหน้า จงมองไปข้างหน้า


    俺が言えるのはそれぐらい
    ore ga ieru no wa sore gurai

    สิ่งที่ผมพูดได้คงมีเพียงเท่านี้


    後はたくさん教わった
    ato wa takusan oso watta 

    แล้วก็ ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย


    初めて言うけど何度も救われたから
    hajimete iu kedo 
    nan do mo suku wareta kara 

    นี่เป็นครั้งแรกที่จะพูด
    เพราะผมได้รับการช่วยเหลือไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง


    笑った顔のあなたが好きです
    waratta kao no anata ga suki desu

    ผมรักนายตอนที่หัวเราะยิ้มแย้มนะ


    あなたたちは僕の誇りです 
    anata tachi wa boku no hokori desu

    พวกนายเป็นความภาคภูมิใจของผม


    俺にとっては奇跡です
    ore ni totte wa kiseki desu 

    สำหรับผมแล้ว พวกนายคือปาฏิหาริย์


    あなたたちだけが知る俺がいるでしょう
    anata tachi dake ga shiru ore ga iru deshō 

    คงมีตัวตนของผมที่มีแค่พวกนายเท่านั้นที่รู้


    そんなことがたまらなく嬉しいです
    嬉しいです
    sonna koto ga tamara naku ureshii desu 
    ureshii desu 

    เพราะแบบนั้น ผมเลยดีใจจนแทบทนไม่ไหว
    ดีใจมากจริงๆ 


    いつも緊張する
    世界で一番最初に曲を聞かせるあの瞬間
    itsumo kinchō suru
    sekai de ichiban saisho ni 
    kyoku o kika seru ano shunkan 

    ผมตื่นเต้นประหม่าอยู่เสมอ
    ช่วงเวลาที่ให้พวกนายได้ฟังเพลงเป็นครั้งแรกของโลกนั้น


    でもこれからも変わらず聞いてほしい
    demo kore kara mo kawara zu kiite hoshii 

    แต่ว่าต่อจากนี้ก็อยากให้ช่วยรับฟังต่อไปเช่นเคย


    俺が作った曲を世界で
    誰よりも一番最初に聞いてほしい
    ore ga tsukutta kyoku o sekai de 
    dare yori mo ichiban saisho ni kiite hoshii 

    อยากให้พวกนายได้ฟังเพลงที่ผมสร้างขึ้นมา
    เป็นคนแรกก่อนใครในโลก


    昔話は終わり
    mukashi banashi wa owari 

    เรื่องราวเล่าขานในอดีตจบลงแล้ว


    また作ろう
    mata tsukurou 

    เอาไว้สรรสร้างกันใหม่


    また始めよう
    mata hajime you 

    ไว้เริ่มต้นกันใหม่


    みんなと
    minna to

    กับทุกคน









    --------------------------
    ทางหลวงหมายเลข 15 เป็นทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างโตเกียวกับโยโกฮาม่าในญี่ปุ่น

    ** โนดะน่าจะอยากเล่าว่า เวลาตัวเองพูดโกหกอะไรออกไปก็ถือว่าใช้ความกล้าไปเยอะแล้วนะ แต่ทำไมการพูดออกไปว่า "เพราะมีทุกคนอยู่ด้วย ผมเลยมีชีวิตรอดมาได้" ทำไมถึงต้องใช้ความกล้ามากขนาดนี้


    ตัวอักษรในเพลง
    S = มือกลอง Satoshi Yamaguchi (ซาโตชิ ยามากุจิ)
    T = มือเบส Takeda Yusuke (ทาเคดะ ยูสุเกะ)
    K = มือกีต้าร์ Kuwahara Akira (คุวะฮาระ อากิระ)


    // ช่วงก่อนหน้าที่มีประกาศว่าคุวะออกจากวง เราไปทำงานในสภาพสติหลุดลอยอยู่ช่วงนึงเลย กว่าจะกลับมาตั้งสติได้ก็ใช้เวลาเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็เตรียมใจแล้วว่า ถ้าเกิดมีประกาศอะไรก็จะพร้อมรับมือ เพลงนี้ฟังกี่ครั้งก็น้ำตาร่วง ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจคนในวงจะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่คงคุยกันหลายรอบจนได้ข้อสรุปออกมาแบบนี้ พวกเขาเล่นดนตรีด้วยกันมาหลายปี พอคนนึงออกจากวง คงมีโหวงๆ ในหัวใจกันบ้างละ พอเห็นโนดะอัพไอจีว่าไปเที่ยวคาโกชิมะ เห็นทาเคดะอัพไอจีว่าพาลูกไปช่วยซาโตชิทำสวน ก็ใจชื้นขึ้นมา ขอให้พวกเขาได้ใช้ช่วงเวลานี้ค่อยๆ ฮีลใจกันไป ยังรอให้ซาโตชิกลับมาตีกลองให้วงอยู่ 

    เรารู้สึกขอบคุณ Avalon Live อยู่เสมอ ที่ช่วยสานฝันให้เราได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตแรดวิมส์ครั้งแรกในชีวิตที่ไทย ความฝันต่อไปคืออยากไปฟังแรดวิมส์ร้องเพลง moshimo แบบสดๆ สักครั้งในชีวิต อยากไปตะโกนร้องท่อนฮุคเพลง moshimo ร่วมกับแฟนๆ ญี่ปุ่นช่วงอังกอร์ ตอนนี้เก็บตังรอไปคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี RADWIMPS ปีหน้าที่ญี่ปุ่น ไม่รู้จะจัดไหมนะ ยังไม่มีประกาศอะไรออกมา ปีนี้วงก็ไม่ได้ปล่อยเพลงใหม่เลย ได้แต่ภาวนา 

    หวังว่าคุณที่บังเอิญผ่านมาอ่านจะสบายดี ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าลืมหาเวลาพักผ่อน อย่าลืมหาของอร่อยๆ ทานนะคะ 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in