เพลงนี้จะพาเราย้อนกลับไปนึกถึงตัวเองในอดีต ที่ทุ่มเททำอะไรจนหมดหัวใจ ไล่ตามความฝันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง อาจทำให้เราต้องปล่อยมือจากความฝันในที่สุด คืนวันอันหนาวเหน็บที่เรายิ้มออกมาไม่ได้นั้น การได้นึกถึงผู้คนที่คอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอมา อาจช่วยให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้น และมีกำลังใจจะต่อสู้เพื่อสานต่อความฝันที่เคยล้มเลิกไปแล้วอีกครั้ง ก็เป็นได้
utakata-uta เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
キネマの神様 (kinema no kami sama) โดยภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของ"โก" ผู้ช่วยผู้กำกับที่ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับมาตลอด ชีวิตเขารายล้อมไปด้วยเทระชิน ผู้กำกับภาพ, โซโนโกะ นักแสดงสาวดาวเด่น และโยชิโกะ หญิงสาวที่ทำงานอยู่ร้านอาหาร ระหว่างที่เขากำลังต่อสู้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ด้วยการได้เป็นผู้กำกับครั้งแรกในชีวิต กับผลงานเรื่อง "kinema no kami sama" เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันถ่ายทำวันแรกนั้นเอง เขากลับประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บหนัก ทำให้แผนการถ่ายทำภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตของเขา ต้องถูกพับเก็บไปอย่างน่าเสียดาย เป็นภาพยนตร์ที่แค่อ่านเรื่องย่อ ก็ชวนให้ลุ้นไปตามๆกันว่า "โก" จะตัดสินใจทำอย่างไรต่อไป เขาจะล้มเลิกความฝันที่อยากเป็นผู้กำกับหนังหรือไม่...
เพลง: utakata-uta (เพลงที่ไม่จีรังยั่งยืน)
เนื้อร้อง & ทำนอง: Noda Yojiro
夢中になってのめり込んだ
ものがそういやあったよな
muchū ni natte nomeri konda
mono ga sō iya atta yo na
จะว่าไปแล้ว ผมก็มีเรื่องที่เคยหมกมุ่น
ลุ่มหลงมัวเมาอยู่เหมือนกันนะ
nemuru no mo
meshi o kuu no mo wasure
ทั้งลืมกิน ลืมนอน
明けても暮れても
akete mo kure temo
ไม่ว่าจะยามเช้าหรือพลบค่ำ
先なんか見えずとも
tada oi kaketa saki nanka
mi-ezu tomo
ผมแค่ไล่ตามมันไป
แม้จะมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง
むしろ見えなくて
余計に追いかけていった
mushiro mie nakute
yokei ni oi kakete itta
แต่เพราะมองไม่เห็นต่างหาก
จึงไล่ตามมากไปจนเกินเหตุ
そんな道のど真ん中で
君は僕にぶつかった
son'na michi no do man'naka de
kimi wa boku ni bu-tsukatta
ตรงกลางระหว่างเส้นทางนั้น
เธอได้โคจรมาเจอกับผม
そして僕の運のすべてで
sore ga kimi no un no tsuki
soshite boku no un no subete de
นั่นเป็นเพราะเธอทำบุญมาแค่นี้
หรือด้วยความโชคดีทั้งหมดในชีวิตผม*
一度も眼を見て言えたことないけど
ichido mo me o mite
ieta koto nai kedo
ผมไม่เคยสบตาแล้วพูดกับเธอเลยสักครั้ง
君は幸せでいたのかい
boku no nan bun no ichi demo
kimi wa shi-awase de ita no kai
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งอันน้อยนิด
ในชีวิตผมขนาดไหน
แต่ที่ผ่านมาเธอมีความสุขดีไหมนะ**
走るにはどうやら命は長すぎて
hashiru ni wa dō yara
inochi wa naga sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตยืนยาวเกินกว่าจะวิ่งไป
kuyamu ni wa dō yara
inochi wa mijika sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตสั้นเกินกว่าจะเสียใจ
ในเรื่องที่ผ่านมา
akira meru ni wa dō yara
inochi wa naga sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตยาวนานเกินกว่าจะยอมแพ้
wakaru ni wa dō yara
inochi wa mijika sugiru
ดูเหมือนว่าชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะเข้าใจ
ねぇ やりきれない夜だけ
君を思い出してもいいかい
nē yari kirenai yoru dake
kimi wo omoi dashite mo ii kai
นี่ ผมขอนึกถึงเธอ แค่ในค่ำคืน
ที่ทนทำอะไรต่อไปไม่ไหว
จะได้ไหมนะ
kimi no te aka darake no
kono kioku da kedo
แม้ความทรงจำเหล่านี้
จะเต็มไปด้วยร่องรอยของเธอ◎
ねぇ 僕のものでしょう?
nē boku no mono deshou?
แต่มันก็เป็นความทรงจำของผมใช่ไหม?
うまく笑えているかな
鏡の前たしかめるけど
umaku wara ete iru kana
kagami no mae tashi kameru kedo
ผมยังยิ้มร่าอยู่ไหมนะ
ลองตรวจตราดูหน้ากระจกแล้ว
情けない顔してんだよ
omae san nante nasa kenai
kao shiten dayo
ที่รักเอ๋ย ทำไมทำหน้าตา
น่าสมเพชแบบนั้นล่ะ
笑うどころか危うく涙しそうで
うつむくんだ
warau dokoro ka aya uku
namida shi sōde utsu mukun da
นอกจากจะไม่ยิ้มแย้มแล้ว
ยังน้ำตาคลอเหมือนจะไหลออกมา
จึงก้มหน้าลง
いつも僕には冷たくて
yume mo uta mo sai no memo
itsumo boku ni wa tsumeta kute
ทั้งความฝัน บทเพลง
และผลลัพธ์ของการเสี่ยงโชค▷
ต่างเย็นชากับผมเสมอ
まるで暖をとるかのように
から笑いを繰り返す
marude dan o toruka no yō ni
kara warai o kuri kaesu
มันหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำๆ
ราวกับจะถามผมว่า
อบอุ่นร่างกายหน่อยมั้ย▽
そんな日々だけど君のその笑顔は
僕を温めた身体の芯から優しく
son'na hibi dakedo
kimi no sono egao wa
boku wo ata tameta
karada no shin kara yasashi ku
คืนวันเหล่านั้นเอง ที่รอยยิ้มของเธอ
ช่วยปลอบประโลมผมอย่างอ่อนโยน
ให้อบอุ่นจากข้างใน
nankai ka saki no yo de
mata au kana
ภพหน้าเราจะได้เจอกันอีกไหมนะ
sono toki bukit chona
kao wa yoshite yo
ถ้าตอนนั้นมาถึง
ช่วยเอาใบหน้าเคอะเขินมาให้ผมดูใกล้ๆที◀
僕はまた一から君に恋を
どう逆らってもしてしまうだろう
boku wa mata ichi kara
kimi ni koi wo dō sakaratte mo
shite shimau darou
ผมคงจะตกหลุมรักเธอใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าใครจะคัดค้านอย่างไร
そしたら人生またぎで特大の
いつもの憎まれ口を聞かせて
soshi tara jinsei matagi de
tokudai no itsumo no
niku mare guchi o kika sete
และในตอนที่จะก้าวข้ามอุปสรรคของชีวิต
ให้ผมได้ฟังฝีปากร้ายๆ ที่เธอพูดบ่อยๆ
เป็นพิเศษด้วยเถอะ★
走るにはどうやら命は長すぎて
hashiru ni wa dō yara
inochi wa naga sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตยาวนานเกินกว่าจะวิ่งไป
kuyamu ni wa dō yara
inochi wa mijika sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตสั้นเกินกว่าจะเสียใจ
กับเรื่องในอดีต
諦めるにはどうやら命は長すぎて
akira meru ni wa dō yara
inochi wa naga sugite
ดูเหมือนว่าชีวิตยาวนานเกินกว่าจะยอมแพ้
satoru ni wa dō yara
inochi wa mijika sugiru
ดูเหมือนว่าชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะตระหนักรู้
ねぇ やりきれない夜だけ
君を思い出してもいいかい
nē yari kirenai yoru dake
kimi wo omoi dashite mo ii kai
นี่ ผมขอคิดถึงเธอ แค่ในค่ำคืน
ที่ทนทำอะไรต่อไปไม่ไหว
จะได้ไหมนะ
kimi no te aka darake no
kono kioku dakedo
แม้ความทรงจำเหล่านี้
จะเต็มไปด้วยร่องรอยของเธอ
ねぇ 僕のものでしょう?
nē boku no mono deshou?
แต่มันก็เป็นความทรงจำของผมใช่ไหม?
鏡の前たしかめるけど
umaku wara ete iru kana
kagami no mae tashi kameru kedo
ผมยังยิ้มร่าอยู่ไหมนะ
ลองตรวจตราดูหน้ากระจกแล้ว
無理してでもさ 似合わないだろう
お前に涙なんかは」
`omae san kao wo age nayo
muri shite demo sa ni awanai darou
omae ni namida nanka wa'
"ที่รักเอ๋ย เงยหน้าขึ้นเถอะ แม้จะฝืนตัวเอง
น้ำตาอะไรแบบนั้น ดูไม่เข้ากับเธอเลย"
doko kara tomo naku ano
hito natsuk-koi koe ga
kiko eru darou
ได้ยินแล้วใช่ไหม
น้ำเสียงที่คุ้นเคยนั้น
ที่ดังมาจากไหนสักแห่ง
-------------------------------------
/ ขยายความเนื้อเพลง
*それが君の運の尽きそして僕の運のすべてで
sore ga kimi no un no tsuki soshite boku no un no subete de
นั่นเป็นเพราะเธอทำบุญมาแค่นี้
หรือด้วยความโชคดีทั้งหมดในชีวิตผม
- 運の尽き un no tsuki = บุญวาสนาหมดแล้ว คงทำบุญมาแค่นี้, ความโชคดีหมดแล้ว ดวงหมดแล้ว
- ท่อนนี้จะสื่อว่า การที่เธอได้บังเอิญมาพบกับผมนั้น คงเป็นเพราะโชคดีของเธอหมดแล้ว ก็เลยดวงซวยที่ต้องมาเจอคนอย่างผม ในขณะเดียวกัน ตัวผมที่ได้มาเจอคนดีๆอย่างเธอ ก็คงใช้โชคดีของทั้งชีวิตหมดแล้วแน่เลย กล่าวคือท่อนนี้ต้องการจะบอกว่า เธอโชคร้ายมากที่ได้มาเจอกับผม ส่วนผมนั้นโชคดีมากที่ได้มาเจอกับเธอ
- ไม่รู้ทำไม ท่อนนี้ทำให้เรานึกถึงท่อนแรกในเพลง memeshe ของ Radwimps ตรง 僕を光らせて君を曇らせたこの恋... boku o hikara sete kimi o kumo raseta kono koi... ความรักครั้งนี้ที่ทำให้ผมสดใส แต่กลับทำให้เธอหมองเศร้า...
-----------------------------------------
**僕の何分の一でも 君は幸せでいたのかい
boku no nan bun no ichi demo
kimi wa shi-awasede ita no kai
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งอันน้อยนิดในชีวิตผมขนาดไหน
แต่ที่ผ่านมาเธอมีความสุขดีไหมนะ
- 僕の何分の一でも boku no nan bun no ichi demo ท่อนนี้เป็นท่อนสั้นๆ ที่แปลยากมากเลยค่ะ ไม่รู้จะแปลยังไงดี ถ้าแปลตรงตัวจะได้ว่า แม้ว่าเธอจะเป็นเศษหนึ่งส่วนเท่าไหร่ของผม
- กล่าวคือ "ผม"ในเพลงนี้คงบ้างาน เอาแต่ไล่ตามความฝันจนลืมให้ความสำคัญกับคนรัก จนวันหนึ่งคนที่เขารักจากไปแล้ว เขาถึงพึ่งคิดได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอที่คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดนั้นจะเคยมีความสุขบ้างไหมนะ แม้ว่าเธอจะมีความสำคัญเป็นแค่ 1/2(=0.5) 1/3(=0.33) 1/4(=0.25)... หรือ1/100(=0.01) ของชีวิตผมก็ตาม จะเห็นว่า ยิ่งตัวเลขตรงส่วนมากขึ้นเท่าไหร่ ค่าที่ได้จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ก็เลยแปลท่อนนี้ไปว่า "แม้ว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งอันน้อยนิดในชีวิตผมขนาดไหน"
- ก็คือ ตัวผมอาจจะกำลังถามตัวเองว่า ที่ผ่านมาแม้เธอจะรู้ตัวว่า ตัวเองอาจจะไม่ได้เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตเขา อาจมีความสำคัญเพียงน้อยนิดในชีวิตเขา แต่ในสภาพแบบนั้นน่ะ เธอมีความสุขดีจริงๆใช่ไหม เธอไม่ทุกข์ทรมานบ้างเลยหรือ เธอไม่โกรธผมเลยหรือที่ผมควรจะเอาใจใส่ และให้ความสำคัญกับเธอมากกว่านี้ (...)
-----------------------------------------
◎ 君の手垢だらけのこの記憶だけど
kimi no te aka darake no kono kioku da kedo
แม้ความทรงจำเหล่านี้จะเต็มไปด้วยร่องรอยของเธอ
- 手垢 te aka = รอยจับ, รอยนิ้วมือ
- ท่อนนี้ถ้าแปลตรงตัวจะได้ว่า "ความทรงจำเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของเธอ" แต่คิดว่าน่าจะหมายถึง ความทรงจำที่เต็มไปด้วยร่องรอยของเธอ ประมาณว่า มีเรื่องราวของเธออัดแน่นอยู่ในความทรงจำของผม
-----------------------------------------
▷ 夢も歌も賽の目もいつも僕には冷たくて
yume mo uta mo sai no memo
itsumo boku ni wa tsumeta kute
ทั้งความฝัน บทเพลง และผลลัพธ์ของการเสี่ยงโชค ต่างเย็นชากับผมเสมอ
➡ 賽の目 sai no me หมายถึง
- ด้านใดด้านหนึ่งของลูกเต๋าที่ปรากฏแต้ม 1-6 // ในบริบทของเพลงนี้ "หน้าของลูกเต๋า" น่าจะสื่อถึง ผลลัพธ์ของการเสี่ยงทาย เสี่ยงโชค กล่าวคือ เวลาที่ทายลูกเต๋า เราก็ไม่รู้ผลว่าจะออกมากี่แต้ม เปรียบได้กับ เวลาที่เราตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตว่าจะไปทางนี้หรือทางนั้นดี โดยที่เรายังไม่รู้ว่าเส้นทางที่เลือกจะพาเราไปเจอกับอะไร สรุป sai no me ในเพลงนี้ก็คือ ผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั่นเอง
- รูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์เล็กๆ คล้ายลูกเต๋า (賽の目に切る sai no me ni kiru = การหั่นอะไรสักอย่างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ, หั่นเต๋า)
- ชื่อของลวดลายผ้าชนิดหนึ่ง ดังภาพ
-----------------------------------------
▽ まるで暖をとるかのようにから笑いを繰り返す
marude dan o toruka no yō ni kara warai o kuri kaesu
มันหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำๆ ราวกับจะถามผมว่า อบอุ่นร่างกายหน่อยมั้ย
- 暖をとる dan o toru = ปกป้องร่างกายจากความหนาวเย็นด้วยการทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น, อบอุ่นร่างกาย
- ที่นี่อธิบายเพิ่มว่า dan o toru จะหมายถึง ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายโดยการใช้ไฟ เช่น ก่อไฟ ใช้เตาผิง เตาผิงไฟฟ้า ฮีตเตอร์ หรือเข้าไปซุกตัวอยู่ใต้โต๊ะโคทะสึ(โต๊ะตัวเตี้ยมีผ้าคลุมและมีเครื่องทำความร้อนอยู่ข้างใต้) และยังหมายถึงการทำให้ร่างกายอุ่นด้วยวิธีอื่น เช่น การสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆหลายชั้น การแช่โอฟุโระ(อ่างน้ำร้อน) การดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ และการเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อตอนที่อากาศข้างนอกหนาวจัด เพื่อทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น
- から笑い kara warai = カラカラと笑う kara kara to warau = หัวเราะเสียงดังลั่น
-----------------------------------------
◀ その時ぶきっちょな顔はよしてよ
sono toki bukit chona kao wa yoshite yo
ถ้าตอนนั้นมาถึง ช่วยเอาใบหน้าเคอะเขินมาให้ผมดูใกล้ๆที
- ตรง ぶきっちょな顔 bukitcho na kao = 不器用な顔 bukiyou na kao แต่ก็ไม่รู้จะแปลตรงนี้ออกมาว่าเป็นใบหน้าแบบไหนค่ะ หน้าเจื่อน? หน้าที่จะยิ้มก็ยิ้มไม่สุด? หน้าที่ปั้นยิ้มไม่เก่ง? สุดท้ายก็เลือกแปลไปว่า ใบหน้าเคอะเขิน จากในบริบทของเพลง ถ้าเธอได้เจอกับผมอีกในภพหน้าและยังจำเขาได้ เธออาจจะเขินจนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี อะไรประมาณนี้ค่ะ ถ้าหาคำที่ตรงความหมายได้มากกว่านี้จะกลับมาแก้นะคะ
- ตรง よして yoshite = よせて yosete = รวบรวม, เขยิบเข้าใกล้, สะสม
-----------------------------------------
★ そしたら人生またぎで特大のいつもの憎まれ口を聞かせて
soshitara jinsei matagi de
tokudai no itsumo no nikumare guchi o kika sete
และในตอนที่จะก้าวข้ามอุปสรรคของชีวิต
ให้ผมได้ฟังฝีปากร้ายๆ ที่เธอพูดบ่อยๆ เป็นพิเศษด้วยเถอะ
- ตอนแรกแปล 人生またぎ (jinsei matagi) ว่า ชีวิตที่เจอทางแยก (ต้องเลือกว่าจะไปทางไหน) แต่คิดว่าน่าจะยังไม่ใช่ค่ะ
- ถ้าแปลแยกเป็นคำๆ jinsei = ชีวิต / matagi(n.) = matagu(v.) = ยืนคร่อม, พาดข้าม, ก้าวข้าม, ข้าม
- ดังนั้น jinsei matagi ในท่อนนี้น่าจะหมายถึง ช่วงเวลาที่เรากำลังรวบรวมพลังจะก้าวข้ามอุปสรรค ปัญหา และความยากลำบากในชีวิต (ก็เลยอยากได้ยินเสียงบ่นของเธอ เพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง)
- แต่เนื้อเพลงท่อนก่อนหน้าของท่อนนี้ ได้พูดถึงชีวิตในโลกหน้าว่า ภพหน้าผมจะได้เจอเธออีกไหม ภพหน้าที่ว่า อาจจะหมายถึงโลกหลังความตายก็เป็นได้ ก็เลยชวนให้คิดว่า jinsei matagi ในท่อนนี้อาจจะหมายถึง ชั่วขณะที่เรากำลังจะก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ก็เป็นได้ กล่าวคือ ตอนที่ตัวละคร"ผม"ในเพลงใกล้ตาย ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังอยากได้ยินเสียงบ่นของเธอ ที่เธอชอบทำเป็นประจำ
//อัปเดตเพิ่มเติม 13/8/2021 ถ้าอ้างอิงจากMV ตามแต่ละท่อนที่กล้องหันไปจับหน้าคนร้องจะได้ว่า ท่อนที่ตัวหนังสือสีแดง คือท่อนที่ Suda Masaki เป็นคนร้องค่ะ ถ้าเราเข้าใจผิดยังไงทักท้วงได้เลยนะคะ
เสียงของพี่โนดะและสุดะเข้ากันได้ดีมาก จนฟังครั้งแรกๆ แยกเสียงไม่ค่อยออกเลยค่ะ555 utakata-uta เป็นเพลงที่ฟังแล้วชอบมากตั้งแต่ได้ฟังช่วงสั้นๆ ในคลิปตัวอย่างหนัง พอมาฟังเต็มๆเพลงแล้วยิ่งชอบค่ะ โดยเฉพาะท่อนก่อนฮุค ชอบเป็นพิเศษ ถ้าได้ไปฟังแบบร้องสดๆ ต้องมีน้ำตาไหลแน่นอน TwT
ตัวอย่างภาพยนตร์ Kinema no Kamisama น่าดูมากๆเลยค่ะ เพลงประกอบก็เพราะมาก
หากแปลผิดพลาดประการใดต้องขออภัย
และสามารถชี้แนะได้เสมอเลยนะคะ
m(_ _)m
ขอบคุณสำหรับคำแปลนะคะ❤️❤️