ปฏิเสธไม่ได้ว่า"ท้องฟ้า"ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนเรา ยามรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง เมื่อได้นั่งมองจ้องท้องฟ้าเพียงชั่วครู่ ความงามของแสงและสีสันท้องฟ้าที่เปลี่ยนไป จะช่วยปลอบประโลมจิตใจ ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพลงนี้เป็นเรื่องราวของท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปตามอารมณ์ความรู้สึกของ"ผม" ในเพลงและ"ผม" ได้มองเห็นท้องฟ้าแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาเปลี่ยนไปตามความรู้สึก ณ ขณะนั้น
คำที่น่าสนใจคือ 俺色に染める ore iro ni someru แปลตรงตัวคือ "ย้อม(เธอ)ด้วยสีสันของฉัน" ที่มีความหมายโดยนัยว่า "ทำให้(เธอ)ชอบหรือเห็นด้วยกับรสนิยมของฉัน" กล่าวคือ เวลาคนเราคบกันก็มักได้รับอิทธิพลเรื่องต่างๆ จากอีกฝ่าย เช่น สไตล์การแต่งตัว ทรงผม ดนตรีที่ชอบฟัง อาหารที่ชอบกิน หนังที่ชอบดู พูดแบบรวบรัดคือ ความรักส่งผลให้เรามีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย
เพลงนี้ก็ต้องการสื่อสารว่าอารมณ์ความรู้สึกของ"ผม" ในเพลง มีผลต่อสีสันของท้องฟ้าเช่นกัน และยังพูดถึงท้องฟ้าหลากหลายช่วงเวลาได้อย่างน่าสนใจ เช่น ฟ้ายามเช้าที่ตะวันทอแสงอ่อนๆ / ฟ้ายามเย็นที่แสงอาทิตย์แผดเผา / และท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดาวอยู่เต็มฟ้า (...)
เพลง: 俺色スカイ (Ore Iro Sukai)
เนื้อร้อง & ทำนอง: Noda Yojiro
こんなに晴れた空もいつか必ず
この世界の悲しさにもう耐えられず
Kon' nani hareta sora mo itsuka kana razu
kono sekai no kanashi-sa ni mō tae rarezu
ท้องฟ้าแจ่มใสขนาดนี้ สักวันหนึ่ง...
คงทนทานความเศร้าในโลกนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ๆ
mi o kogashi yūyake to kashi
sore mi-age namida nagashi
แสงแดดยามเย็นแผดเผาร่างกาย
เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็รินไหล
ore wa omoi dasu ano hito omoi dasu
ผมคิดถึงคนๆ นั้นขึ้นมา
kono sora wa kyō mo ore o mi tsume teta
วันนี้ท้องฟ้านี้ก็จ้องมองผมเช่นเคย
言葉よりデカイ何かで俺を慰めてた
kotoba yori dekai nani kade
ore wo nagu same teta
ปลอบใจผมด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้อยคำ
その日は美しい夕焼けが燃えていた
kanashī hito ga ōo kereba ōi hodo
sonohi wa utsu kushī yūyake ga moete ita
ยิ่งมีคนเศร้ามากเท่าไหร่
แสงแดดยามเย็นวันนั้นยิ่งแผดเผางดงาม
だからね 一人夕焼けにね
「お前キレイだなぁ」って 言ってみたり
dakara ne hitori yūyake ni ne
`omae kirei danā' tte itte mitari
ผมจึงพูดกับท้องฟ้ายามสนธยาดูว่า
"เธอสวยจังเลยนะ"
suruto doko kade mune ga
gyutto natte nake tari suruno
แล้วหัวใจผมก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันใด
น้ำตาไหลรินบางเวลา
PLEASE, PLEASE BE WITH ME FOREVER
ได้โปรดอยู่เคียงข้างผมตลอดไป
ore ga ashita nanka kuru nayo to
negatte mo iya gatte mo
แม้ผมจะวิงวอนขอให้พรุ่งนี้อย่ามาถึง
แม้จะเกลียดวันพรุ่งนี้
SHINE, SHINE FOR ME PLEASE WILL YOU?
ช่วยส่องแสงสว่างให้ผมทีได้ไหม
Ai mo kawa razu ni Asahi wo
tera shite yo ashita wo yonde yo
แสงตะวันยามเช้ายังคงทอแสงเช่นเคย★
ได้โปรดเรียกหาวันพรุ่งนี้เถิด
夜空を見ると なぜなんだろう
寂しくも嬉しくも思えたりするの
yozora o miruto naze nandarou
sabi shiku mo ure shiku mo omoe tari suru no
เมื่อผมจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
เหตุไฉนจึงรู้สึกทั้งสุขใจและเดียวดาย
きっとあれかなぁ 人ってやつはさ
無限の空の中 自分の心を見るのかなぁ
kitto are kanā hitotte yatsu wasa
mugen no sora no naka
jibun no kokoro wo miru no kanā
คงเพราะมนุษย์มองเห็นเรื่องราวในใจตน
เมื่อมองฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลหรือเปล่านะ
hito wa itsuka kieru isshun no hikari
มนุษย์เปล่งประกายเพียงชั่วพริบตา
สักวันหนึ่งคงหายไป
だから闇を怖れ 光を生み
dakara yami wo osore hikari o umi
เพราะฉะนั้นจงให้กำเนิดแสงสว่าง
เพื่อทำให้ความมืดมิดหวาดกลัว
hoshi o keshita no dakedo sa
แม้จะทำให้ดวงดาวเลือนหาย
夜になればその足跡探してみたりした
naze daka hoshi yo doko ni itta? tte
yoru ni nareba sono ashi ato
saga shite mitari shita
เมื่อค่ำคืนมาเยือน ผมลองสืบหาร่องรอยนั้น
ไม่รู้ทำไมผมถึงพูดว่า "ดวงดาวเอ๋ย เจ้าไปอยู่ที่ไหน"
だからね 俺はいつもね
消えた星たちの居場所 天国が
あの空の上にあると信じてるの
dakara ne ore wa itsumo ne
kieta hoshi-tachi no ibasho tengoku ga
ano sora no ue ni aru to shinji teru no
เพราะผมเชื่อตลอดมาว่า ที่อยู่ของเหล่าดาวที่ดับสูญ
คือสวรรค์บนท้องฟ้านั่น
PLEASE, PLEASE BE WITH ME FOREVER
ได้โปรดอยู่เคียงข้างผมตลอดไป
ore ga sabishī toki bakari sa
amae chatte gomen na
ขอโทษที่ผมเอาแต่อ้อนเธอทุกทีที่เหงา
SHINE, SHINE FOR ME PLEASE WILL YOU?
ช่วยส่องแสงสว่างให้ผมที ได้โปรด
Ore ga ureshī toki mo
omae mite kure teru no shitteru yo
ยามที่ผมมีความสุข ผมรู้ว่าเธอมองดูผมอยู่เช่นกัน
Dachi to nonde kaeru
son'na asa wa roman chisuto nanda
เมื่อไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนแล้วกลับตอนเช้า
รุ่งอรุณแบบนั้นช่างโรแมนติก
sora wa orera no tame no asa yake o
pure zento shite kureru
ท้องฟ้าให้ของขวัญแก่พวกเรา
เป็นรุ่งอรุณที่ตะวันทอแสงเฉิดฉาย
「ずっと友達でいようね」なんて
照れくさい言葉でさえ言えちゃうの
`zutto tomodachi de iyou ne' nante
tere kusai kotoba de sae ie chau no
ผมพูดออกไป แม้กระทั่งประโยคน่าอายที่ว่า
"เป็นเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไปเลยนะ"
すると もっと空は笑うの
suruto motto sora wa warau no
เมื่อทำเช่นนั้น ท้องฟ้าก็หัวเราะกันใหญ่
PLEASE PLEASE BE WITH ME
ได้โปรด อยู่เคียงข้างผม
笑ってたいね
warat tetai ne
อยากยิ้มร่าอย่างนี้ตลอดไปเลยเนอะ
いつか 時が流れ星が いなくなった時は
itsuka toki ga nagare boshi ga
inaku natta toki wa
สักวันหนึ่ง เมื่อเวลาผันผ่านไป ไร้ซึ่งดาวตก
人は”when you wish upon a star”
そんな言葉もみんな忘れてしまうの?そうなの?
hito wa ” WHEN YOU WISH UPON A STAR”
son'na kotoba mo min'na
wasu rete shimau no? Sō nano?
ทุกคนจะลืมคำพูดที่ว่า
"เมื่อคุณวิงวอนขอพรกับดวงดาว" ไหม
จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
PLEASE, PLEASE BE WITH ME FOREVER
ได้โปรดอยู่เคียงข้างผมตลอดไป
SHINE, SHINE FOR ME PLEASE WILL YOU?
ช่วยส่องแสงสว่างให้ผมทีได้ไหม
振られて帰るそんな夜は
センチメンタリスト空は
俺に満天の星空をプレゼントしてくれる
Fura rete kaeru son'na yoru wa
senchi menta risuto sora wa
ore ni manten no hoshi zora wo
pure zento shite kureru
เมื่อผมอกหักแล้วเดินทางกลับบ้าน
ท้องฟ้าผู้มีอารมณ์อ่อนไหว ให้ของขวัญแก่ผม
เป็นฟ้ากระจ่างที่มีดวงดาวส่องสว่างพร่างพราว
まるで俺にドンマイ
marude ore ni DON'T MIND
ราวกับบอกผมว่า "ไม่เป็นไรหรอก"
星の数ほどいるんだい女なんてさって
言ってるみたいでさ
hoshi no kazu hodo irun dai
on'na nante-satte itteru mitai de sa
ราวกับพูดว่า"ผู้หญิงน่ะ มีมากพอๆกับดวงดาวแหละ"
te tsunaide mita oboro zuki mo
subete naga shite kureta ame mo
ทั้งดวงจันทร์ในม่านหมอกที่เคยจับมือมองดูด้วยกัน
และสายฝนที่ตกลงมาเพื่อผม ทั้งหมดนั่น
今思えば俺見ていてくれたんだな
ima omo eba ore mite ite kuretan dana
มาคิดดูตอนนี้ เธอคงเฝ้ามองผมอยู่ตลอดเลยสินะ
ore wo mitete kure yona
zutto mitete kure yona
ท้องฟ้าเฝ้ามองผมอยู่ใช่ไหม
ช่วยมองดูผมตลอดไปได้หรือเปล่า
itsuka ore ni omae ga mie naku natte mo
แม้สักวันหนึ่งเธอจะมองไม่เห็นผมแล้วก็ตาม*
PLEASE, PLEASE BE WITH ME FOREVER
ได้โปรดอยู่เคียงข้างผม...ตลอดไป
-----------------------------------------
*いつか 俺にお前が見えなくなっても
(itsuka ore ni omae ga mie naku natte mo)
แม้สักวันหนึ่งเธอจะมองไม่เห็นผมแล้วก็ตาม
- ท่อนนี้คงจะสื่อว่า อยากให้ท้องฟ้าเฝ้ามองดูผมตลอดไป แม้ว่าผมจะตายไปแล้วก็ตาม
- จะเห็นว่าเพลงนี้ใช้หลักบุคลาธิษฐาน เปรียบเทียบ"ท้องฟ้า"เป็นดั่ง"บุคคล"ตลอดทั้งเพลง รวมถึงท่อนที่แทนท้องฟ้าว่า "เธอ"
★ あいも変わらずに朝日を照らしてよ
(Ai mo kawa razu ni Asahi wo tera shite yo)
- ท่อนนี้โนดะเขียนคำว่า あい (ไอ) แบบอักษรฮิรางานะ ทำให้ตีความได้หลากหลาย (ถ้าคำนี้เขียนด้วยอักษรคันจิจะเข้าใจง่ายกว่า เพราะมีความหมายตามนั้นเลย) เช่น
- ถ้าหมายถึง 愛(ai) ที่แปลว่า ความรัก ประโยคนี้ก็จะได้ว่า "แสงตะวันยามเช้าทอแสงด้วยความรักที่ไม่แปรผัน"
- ถ้าหมายถึง 藍色(ai iro) ที่แปลว่า สีน้ำเงิน, สีกรมท่า ประโยคนี้ก็จะได้ว่า "แสงตะวันยามเช้าทอแสงอ่อนๆ โดยที่ท้องฟ้ายังคงสดใส(มีส่วนที่เป็นสีน้ำเงิน)"
- ถ้าคิดว่าโนดะเล่นคำ あいも変わらず (ai mo kawarazu) กับ 相変わらず (ai kawarazu) ที่แปลว่า เช่นเคย / เหมือนเดิม ประโยคนี้ก็จะได้ว่า "แสงตะวันยามเช้ายังคงทอแสงเช่นเคย"
// ในที่นี้เราเลือกแปลแบบ (3.)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in