เคยมีความรู้สึกแบบ คุยกับใครสักคนแล้วคิดว่า คนๆนี้แม่ง คุยด้วยยังไงก็ตามเขาไม่ทันไหม
คุยด้วยแล้วเขาสะท้อนให้เราเห็นความเป็นคนกากของตัวเอง
เขาพูดอะไรมา เข้าใจนะ แต่สิ่งที่ตอบกลับไปได้คือได้แต่ อ๋อ..ใช่ๆ อืมๆ น่าสนใจ... แล้วก็เงียบไป
คือสำหรับคนอื่นคิดยังไงไม่รู้นะ แต่เรานี่โคตรอึดอัดตัวเองเลย รู้สึกว่าเราจะทำให้บทสนทนาไม่สนุกรึเปล่า เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นการสนทนา ก็ต้องมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนกันระหว่างสองฝ่าย แต่พอเราเป็นอย่างนี้ มันเหมือนเขากำลังคุยกับกำแพงที่มีระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ
"อ่า.. อื้ม"
หงุดหงิดชะมัดดดดดดดดดดดดดดดด
คือมันไม่ได้ผิดที่เขาเลยนะเว้ย คือเขาก็พูดในสิ่งที่เขารู้ เราก็พูดในสิ่งที่เรารู้ แต่พอได้คุยกันแล้วมันทำให้เรารู้สึกได้ว่าอยากเก่งกว่านี้ อยากรู้เยอะกว่านี้ อยากมีเรื่องไปคุยกับเขามากกว่านี้ (ไม่ใช่เชิงชู้สาวเนอะ) อยากจะดูเป็นคน "มีอะไร" กับเขาบ้าง
มันคงอารมณ์เหมือนเราอยากจะ ต่อติด กับเขาล่ะมั้ง เพราะการที่คนคอเดียวกันคุยกันแล้วบทสนทนามันลื่นไหลเนี่ย มันสนุกกับทั้งสองฝ่ายแล้วก็คนฟังคนอื่นด้วยนะ คือเราเคยนั่งฟังอาจารย์เรากับรุ่นพี่เราคุยกันแล้วเรารู้สึกเพลินและสนุกมากๆ ทั้งๆที่เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันเป็นเรื่องที่ฟังแล้วชวนปวดหัวตึ้บ หัวคิ้วขมวดตลอดระยะเวลาที่ฟังบทสนทนา
เป็นความรู้สึกที่เรารู้สึกคนเดียวอะ คู่สนทนาเขาไม่ได้รู้ด้วยนะว่าเราเครียด ประสาทแดกขนาดไหน ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดเขาอีกแหละ เราคิดของเราเองนี้นา
แต่เราคิดว่าความคิดแบบนี้มันก็มีข้อดีของมันนะ ถ้าเราไม่จมไปกับความรู้สึกแย่ๆจนหาทางขึ้นไม่ได้ไปซะก่อน เราก็จะเห็นว่าการที่เรารู้ตัวว่ายังมีความรู้ไม่มากพอในเรื่องที่สนใจ หรือเรื่องอื่นๆก็ตาม ตรงนี้มันสามารถเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งให้เราลุกขึ้นมาหาความรู้ใส่หัวตัวเองนะ
เราชอบแรงกระตุ้นที่เป็นปัจจัยจากภายนอกแบบนี้นะ เพราะเราเองเป็นมนุษย์เฉื่อย ที่ไม่สามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ คือสิ่งที่คนอื่นทำได้ อย่างพวก ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสิ เขียน To Do List สิ แล้วบังคับตัวเองให้ทำตาม
คือ... เราทำไม่ได้
เพราะเรารู้ว่าเราเป็นคนตั้ง เราก็จะเฉยชา และ เทตัวเอง
ปัจจัยภายนอกที่เราใช้เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองทำงานหรือรู้สึก Productiveก็ประมาณนี้
-DEADLINE
-การทำ To Do List (อันนี้ได้ผลแบบ 1 ใน 20 สำหรับเรา)
-การหลอกล่อให้เพื่อนตั้งเป้า มาถามเราบ่อยๆว่าถึงไหนแล้ว จี้ทีก็ทำที สะเทือนใจ อันนี้คือใช้หลักทำร้ายจิตใจบ่อยๆ สะเทือนใจ เดี๋ยวก็กลั้นใจทำจนเสร็จไปเอง 5555 (ไม่ได้เป็นสาย M นะ)
แล้วอีกอย่างก็การออกไปสนทนากับคนที่เขามีความรู้แล้วเจอความจริงที่ว่าเราเป็นคนกากกระแทกหน้ากลับมานี้ล่ะ เพราะการเจอแบบนี้ มันช่วยให้เราสามารถเจาะจงหัวข้อที่เราจะศึกษาได้ว่า จะอ่านอะไรรอบหน้า เพื่อเตรียมตัวที่จะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง
(สรุปเจอกันรอบหน้า เขามาพร้อมเรื่องใหม่ที่เราไม่รู้เรื่องอีก ชีวิตเศร้าวนลูป)
ยังไงก็หวังว่าทุกคนที่อาจจะมีความรู้สึกคนกากแบบเดียวกันกับเรา เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความรู้สึกนี้ แล้วเปลี่ยนมันเป็นแรงกระตุ้น พัฒนาตัวเราให้ดีขึ้นเนอะ ถือว่ากลับมาอัพเกรดตัวเองใหม่ ออกไปเผชิญโลกภายนอกได้ต่อไป
มาเป็นคนกากแบบมีคุณภาพกันเถอะ
ด้วยรัก,
คนกาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in