Title: I'm Sorry
Author: icypumpkin
"แล้วทำไมถึงดื้อกับพี่เก่งจัง"
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของปาร์คจีซองมาสักพัก... เอาให้ตรงก็คือ 2วันแล้ว
"ถ้ายังตอบคำถามไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องมาคุยกันนะ"
ถ้าปาร์คจีซองรู้ว่านาแจมินจะต้องบินไปที่เวียดนามเพื่อทำงานของโครงการยูนิเซฟ วันนั้นเขาจะรีบตอบและรีบบอก หรือแม้กระทั่งเมื่อคืนที่เรานอนด้วยกัน
"ผมขอนอนเตียงเดียวกับพี่ได้ไหม" เสียงใสเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไฟทุกดวงถูกปิดหมด แต่เป็นปาร์คจีซองเองที่ก้าวลงบันไดชั้นบนมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงอีกฝ่ายแบบนี้
"ไม่อึดอัดหรอ" เพราะคราวที่แล้วตอนอีกฝ่ายเจ็บข้อเท้าจากการฝึกซ้อมรายการแดนซ์ซิ่งไฮ เขาจับมานอนด้วยกันก็โวยวายว่าอึดอัด เตียงเล็กแค่นี้นอนสองคนได้อย่างไรกัน จะขึ้นไปนอนเตียงบนคนเดียว แม้สุดท้ายจะโดนเขาจับกอดไว้ ด้วยความเหนื่อยอ่อนเลยผล็อยหลับไปก็ตาม
"ไม่หรอกฮะ พี่แจมินอ่า...." อยากบอกว่าขุดเก่งขยี้ให้รู้สึกผิดเก่ง ก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจขนาดนั้นเสียหน่อย
"มานอนสิ" นาแจมินขยับตัวให้ใครอีกคนที่ยิ้มกว้างแล้วรีบขึ้นมานอนข้างกัน สายตาเขาปรับให้ชินกับความมืดแล้ว ทั้งหน้าตามู่ทู่ไม่ได้ดั่งใจ หูลู่หางตกหรือยิ้มกว้างจนแทบกระโดดขึ้นเตียงก็เห็นทั้งนั้น แต่เขาจะไม่บอกจีซองหรอกนะ
"พี่แจมิน" เงียบ พอเขาขึ้นเตียงมา อีกฝ่ายก็หันเข้าฝาผนังก่อนจะเงียบนิ่งไปเลย
โกรธกันขนาดนั้นเลยหรอ
"ไม่กอดผมหรอฮะ" กระตุกชายเสื้อเบาๆ ก่อนคนที่ทำเป็นใจแข็งจะพ่ายแพ้ให้กับลูกอ้อนแบบนี้และหันมากอดไว้จนแทบจมอก... อยากกอดจะแย่ตั้งแต่ตอนแรกที่สัมผัสถึงแรงยวบของเตียงนั่นแหละ แต่ต้องเก๊กขรึมไว้ก่อน
เขาโกรธจริงๆ กับความดื้อรั้นไม่ยอมฟัง โดยปกติจีซองดื้อแต่มักจะมีลิมิตในความแสบของตัวเอง พอโดนเขาบอกให้หยุดก็จะหยุด แต่ช่วงหลังมา พูดอะไรก็ทำอีกอย่าง ถ้าแม้แต่เขายังไม่ฟัง รับรองเลยว่าฮวังเหรินจวิ้น อีเจโน่หรือจงเฉินเล่อก็เอาไม่อยู่
"พี่แจมิน.." เสียงใสเรียกขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความมืด รู้ดีว่านาแจมินคงไม่ได้ยินแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอที่รดอยู่บนศีรษะกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นคือคำตอบ
"จีซองจะไม่ดื้อแล้วนะ"
นั่นเป็นคำตอบที่นาแจมินไม่ได้ยิน จนกระทั่งปาร์คจีซองงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายบินไปเวียดนามแล้ว
"จีซองไม่รู้หรอ" จงเฉินเล่อตกใจเสียจนดวงตาคู่รีเบิกโพลง ปกติตัวติดกันจะตาย ไปไหนมาไหนก็บอกตลอด
"ไม่รู้"
"ทะเลาะกันล่ะสิ" เป็นเจโน่ที่กล่าวขึ้นก่อนจะได้รับการพยักหน้าเล็กๆ แทนคำตอบ เพราะเขาเห็นตอนขึ้นงานเวทีที่ปูซานเมื่อวาน น้องเล็กพยายามง้อแค่ไหน ทั้งไปสะกิดไหล่ พยายามอยากเล่นแต่ก็ไม่กล้าทั้งๆ ที่ปกติก็น่าจะทำไปแล้ว แต่สิ่งที่ชัดที่สุดน่ะ
คือการที่คนชอบวอแวปาร์คจีซองอย่างนาแจมินอยู่เฉยไม่แตะตัวน้องเลยต่างหาก และใครๆ ก็รู้ดี เวลาแจมินโกรธน่ะ ไม่น่ายุ่งด้วยเลยจริงๆ
"อีกสองวันเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว หรือถ้าไม่งั้นก็โทรไปหาแจมินสิจีซอง" น้องเล็กพยักหน้ารับคำพี่ชายอย่างฮวังเหรินจวิ้นอีกครั้ง
"แจมินทำข้าวไว้ให้ด้วยนะ กินก่อนสิเพิ่งตื่น เดี๋ยวเข้าบริษัทกัน" ขาเรียวเดินไปอุ่นข้าวที่อีกฝ่ายทำไว้ให้ก่อนออกไปสนามบินก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาไม่ชอบบรรยากาศอึมครึมระหว่างเราแบบนี้ พาลให้รู้สึกแย่ไปหมด ยิ่งมาทำดีแต่ไม่มีตัวตนให้เห็นแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
"จีซองอา... มีสมาธิหน่อย" เสียงคุณครูสอนเต้นดังขึ้นพร้อมเพลงที่หยุดลงทำเอาปาร์คจีซองโค้งขอโทษทุกคนในห้อง
"ขอโทษครับ"
"เป็นอะไรหรือเปล่าเรา ท่อนนี้เต้นมาห้ารอบแล้วนะ ไปพักสักหน่อยไป"
"ครับ ขอโทษครับ" เจ้าตัวยังคงกล่าวขอโทษก่อนจะไปนั่งมุมห้องมองสมาชิกคนอื่นซ้อมเต้นต่อไป ท่าไม่ได้ยาก แต่เพราะไม่มีสมาธิถึงหลุดโฟกัสและเต้นช้าไม่ก็เร็วไปหนึ่งจังหวะอยู่นั่น
หงุดหงิดตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ ซึ่งก็รู้ตัวดีเลยแหละว่าต้นเหตุมาจากอะไร เจ้าของเรือนผมสีส้มคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ไถดูแอพโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอย่างทวิตเตอร์ก่อนจะพบกับรูปของรุ่นพี่ร่วมค่ายคนดังใครอีกคนที่คิดถึงอยู่เสมอ
ให้ตายเถอะ หล่อขนาดนั้นได้ยังไงกัน จีซองไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวย้อมผมสีเข้มหรือแค่ลงสเปรย์ฉีดผมแต่ดูดีกับผมสีนั้นมากๆ ไหนเลยจะเสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงยีนส์เข้ารูป เขาน่ะแพ้นาแจมินลุคแบบนี้ที่สุดเลย ไม่ต้องแต่งอะไรมากมาย แต่กลับดูดีเสียเหลือเกิน ไวเท่าความคิด มือเรียวกดออกจากแอพนกสีฟ้าเปลี่ยนเป็นคาทก ไม่ต้องเลื่อนไปไหนไกลเพราะเขาปักหมุดแชทของอีกฝ่ายเอาไว้
'เหนื่อยมากไหมครับ'
'เหนื่อยก็พักบ้างนะ'
'ถ้าสะดวกโทรหาผมหน่อยนะครับ'
'แต่ถ้ายังไม่อยากคุย ตอบข้อความผมหน่อยนะ มีเรื่องอยากคุยด้วยครับ'
เขากดออกจากแอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยมก่อนจะลุกขึ้นยืน สูดหายใจลึกยาวรวบรวมสมาธิก่อนจะไปซ้อมเต้นต่อ
งานยูนิเซฟที่เวียดนามกับรุ่นพี่ซีวอนก็สนุกดี ตัวเขาเองคุ้นชินกับงานทำนองนี้อยู่แล้ว ทุกครั้งเวลาได้ลงพื้นที่ไปเจอเด็กๆ หรือได้มอบรอยยิ้มให้ กลับเป็นตัวเขาเสียเองที่มีความสุขมากยิ่งกว่า มันคือความสุขของการเป็นผู้ให้
นาแจมินหายโกรธปาร์คจีซองแล้วตั้งแต่นั่งเครื่องบินไปเวียดนาม ยิ่งเห็นความพยายามง้อของเด็กที่ไม่ค่อยชอบสกินชิพคนนั้น ไหนเลยจะอ้อนขอให้เขานอนกอดเมื่อคืน แม้จะอยากแก้นิสัยไม่ดีและทำให้รู้ว่าสิ่งที่จีซองทำไม่ถูกต้อง ความคิดถึงท่วมถ้นเสียจนกลบทุกเหตุผลไปหมด
เขาไม่ได้จับมือถือเลยจนกระทั่งตอนเย็นหลังจบงานแยกย้ายเข้าโรงแรม เห็นแจ้งเตือนของอีกฝ่ายที่ส่งมาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ คิดมากไปถึงไหนกันแล้วนะเด็กคนนั้น
'เหนื่อยนิดหน่อยแต่ไม่มากเท่าไหร่'
'จีซองล่ะซ้อมเสร็จหรือยัง'
'อย่าลืมกินข้าวด้วยนะต่อให้พี่ไม่อยู่'
เพราะเด็กนั่นชอบลืมกินข้าวบ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทั้งไม่หิวหรือมัวแต่ซ้อมเต้นจนลืมเวลา
'เพิ่งซ้อมเต้นเสร็จ กำลังไปกินข้าวครับ'
'พี่แจมิน จีซองขอโทษ'
เพียงเท่านั้น เขากดออกจากแอพพลิเคชั่นก่อนจะกดโทรออกแม้จะอยู่คนละประเทศก็ไม่สนใจอีกแล้ว แค่อยากได้ยินเสียงและเราต้องได้คุยกัน กว่าเขาจะกลับก็พรุ่งนี้ดึก บ้าตายก่อนพอดี
/สวัสดีครับ/ เสียงใสรับทำเอาเขายิ้มออกและนอนแผ่ลงบนเตียง
"เป็นไงบ้าง" เกิดความเงียบชั่วอึดใจหลังคำถามนั้น
/เอาความจริงหรือเอาคำตอบที่ทำให้สบายใจครับ/
"ความจริงสิ"
/ไม่ค่อยโอเคครับ ผมไม่มีสมาธิเลยตอนซ้อมวันนี้/ ปลายสายถอนหายใจ
"คิดถึงพี่?" เขาเอ่ยแทรก
/ครับ คิดถึงพี่/ ปวดโหนกแก้มไปหมด ไม่ต้องหันไปมองกระจกก็รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหน
"เป็นอะไรรึเปล่าเรา"
/จีซองขอโทษ/ เสียงถอนหายใจยาวแต่นาแจมินยังคงรอคอยอย่างใจเย็น
"...."
/จีซองขอโทษที่ดื้อ นิสัยไม่ดี จะไม่ทำอีกแล้วครับ/
"พี่หายโกรธแล้วครับ" เขาตอบรับหลังคำพูดนั้น
/เห.../
"พี่โกรธจีซองนานได้ที่ไหนกัน แต่ดีใจนะครับที่เราบอกขอโทษพี่แบบนี้" นั่นหมายถึงจีซองเองก็รู้ว่าตัวเองผิดและยินดีที่จะปรับปรุงตัว เด็กน้อยของเขาโตขึ้นในอีกระดับหนึ่งแล้ว
/กลับวันไหนครับ/ คนปลายสายถามอีกครั้งหลังเงียบไป ครั้งนี้น้ำเสียงดูสดใสขึ้นกว่าที่เป็น
"พรุ่งนี้ดึกครับ"
/อ่า.../
"อดทนอีกหน่อย เจอกันพรุ่งนี้นะครับ เด็กดีของพี่"
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in