Title: Once
Genre: AU, Angst, Flashback, Yaoi
Author: icypumpkin
Noted: Special thanks to KK (solarjamsz) for your quotes and encouragement.
Noted 2: Hope you all enjoy reading.
Black Alphabet: Present
Grey Alphabet: Past
แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมิือดังขึ้นระงมหลังผ้าม่านผืนหนาสีแดงบนเวทีปิดตัวลง แสงไฟถูกเปิดเพิ่มความสว่างให้แก่โรงละครทั้งฮอลล์ เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ ผู้คนมากหน้าหลายตาเริ่มลุกขึ้นยืนทยอยเดินออก
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดื่มด่ำกับบรรยากาศของโชว์ที่เพิ่งปิดตัวลงไป เขาพึงใจกับความอลังการยิ่งใหญ่ของการเซ็ตฉากและเอฟเฟกต์การแสดงรวมถึงฝีมือของนักแสดงทุกคน แน่นอนตัวบทละครยังคงติดตรึง การจองตั๋วล่วงหน้าแถมยอมแม้กระทั่งเลื่อนทานข้าวเย็นมื้อหรูกับลูกค้าคนสำคัญพูดเลยว่าเป็นการตัดสินใจไม่ผิด
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเช็ค พบข้อความจากเลขาในส่วนของตารางงานวันพรุ่งนี้ กดเข้าไปอ่าน เลื่อนปิดเปลี่ยนเป็นแอพพลิเคชั่นเพื่อดูความเป็นไปของตลาดหุ้นในเย็นวันนี้หลังพอร์ตปิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืน หากแต่จังหวะกำลังจะเดินออกจากแถว สายตาพลันเหลือบไปเห็นบุคคลที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกันในสถานที่แห่งนี้
และในยามที่สายตารีเรียวนั้นหันกลับมาสบตา
นาแจมินรู้สึกโลกของเขาหยุดหมุนไปชั่วขณะก่อนมันจะย้อนกลับไปในช่วงแปดปีที่แล้ว.. ครั้งแรกที่เขาได้พบกับปาร์คจีซองคนนั้น
"รุ่นพี่แจมิน... ผมขอเบอร์ได้ไหมครับ" เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทำเอาคนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมอง
"เอาไปทำอะไรครับ" คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่ง วางดินสอในมือแทนที่คั่นก่อนจะปิดหนังสือที่อ่านอยู่ลงและจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ใบหน้าเรียวเล็กกับผมสีส้มขับใบหน้าให้ดูสว่างยิ่งกว่าที่เคย ดวงตารีฉายชัดถึงความประหม่า มือขาวยกขึ้นถูจมูกไปมา ริมฝีปากอิ่มถูกขบกัดเบาๆ
"อะ... เอ่อ... คือ......"
"ถ้าไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร พี่ก็ให้ไม่ได้หรอกนะครับน้อง..." คนพูดกล่าวต่อบทสนทนาก่อนจะเว้นระยะเพื่อให้อีกฝ่ายตอบรับ
"จีซองครับ ปาร์คจีซอง อยู่ปีหนึ่ง" คราวนี้พูดรัวเร็วเสียจนเขาเกือบฟังไม่ทัน
"ครับน้องจีซอง ถ้าไม่บอกเหตุผล พี่หะ..."
"ผมชอบรุ่นพี่ครับ"
คำสารภาพโต้งๆ ก่อนดวงตานั้นจะเบิกกว้าง แก้มสองข้างเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีชมพู มือเรียวยกขึ้นปิดปากตนเอง ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีหมุนตัวทำท่าจะผละจากจนเป็นคนฟังเสียเองที่รีบเอื้อมมือไปจับรั้งแขนอีกฝ่ายไว้
"เอาโทรศัพท์มาสิ ยังไม่ทันได้เบอร์เลยจะรีบไปไหนกัน"
ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรถึงพูดออกไปแบบนั้น
ความประหม่าในยามเดินเข้ามาและเอ่ยทัก
ผมสีส้มที่เหมือนแผ่ความสว่างมาให้เขา
ความเถรตรงในคำพูดและเจตนา
ใบหน้าขาวที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูชั่วพริบตา
ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นเขินอายในยามรู้ว่าตัวเองหลุดพูดสิ่งใดออกมา
รอยยิ้มกว้างแสนสว่างสดใสลามไปยันดวงตาในยามยื่นโทรศัพท์มาให้
หรือความจริงก็แค่ทั้งหมดทุกข้อที่กล่าวมาหลอมรวมเป็นปาร์คจีซองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
รอยยิ้มของคนตรงหน้ายังคงสดใสเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน สองเท้าที่ย่างก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นในขณะที่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
"พี่แจมิน" เสียงสดใสเอ่ยทักโดยที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มจนเขายกยิ้มตาม
"ว่าไงจีซอง" ดูภูมิิฐานขึ้นเพราะเสื้อเชิ้ตกับแจ็คเกตนั่นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่นาแจมินกล้ายืนยัน ปาร์คจีซองตรงหน้าเขานั้นดูดีขึ้นมากทีเดียว
"สบายดีไหมครับ" คำพูดคำจาก็ดูเป็นทางการขึ้น
"สบายดี นายล่ะ เป็นไงบ้าง" เขาเว้นช่วงระหว่างคำถาม ดูตะกุกตะกักแปลกๆ ในความรู้สึก
"สบายดีครับ มีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าครับ" โดยไม่ทันเปิดโอกาสให้ได้ตอบ
"ถ้าไม่ ไปทานกาแฟนด้วยกันสักแก้วไหมครับ"
"พี่แจมิน"
"ว่าไงจีซอง" คำพูดติดปากทุกครั้งในยามที่ถูกอีกฝ่ายเรียกชื่อกล่าวก่อนจะยกมือยีผมตัวเองที่ไม่เป็นทรงอยู่แล้วให้ชี้ฟูหนักขึ้นไปอีก
"แอบหนีมานอนในห้องอีกแล้ว" คนฟังหัวเราะน้อยๆ กับคำพูดและใบหน้ามู่ทู่จนแก้มสองข้างพองลมแบบนั้น
"ขอโทษครับ ตอนแรกว่าจะนอนเล่นแต่เผลอหลับไปเฉยเลย" กวักมือเรียกให้คนยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหา ยกมือทั้งสองข้างขึ้นรวบเอวสอบก่อนจะซุกหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบนั่น
"กินเยอะๆ หน่อยจีซองอา... ผอมหมดแล้ว" เขาเอ่ยอู้อี้ทำเอาจีซองหัวเราะ มือเรียวจัดผมชี้ฟูของเขาให้เข้าที่เข้าทาง
"พี่ก็ทำอาหารอร่อยๆ ให้ผมกินบ่อยๆ สิครับ" หลังปล่อยให้จัดผมจนเสร็จ เขาขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงโดยไม่ลืมคว้าตัวใครอีกคนให้ตามมาอยู่ในอ้อมกอด
"พูดดักทางแบบนี้พี่จะทำยังไงดีนะ" แจมินยกยิ้มฝังจมูกลงบนแก้มนิ่ม สูดดมความหอมเนิ่นนานอย่างไม่รู้เบื่อ
"ลาออกจากงานที่ทำอยู่แล้วมาเป็นพ่อครัวให้จีซองดีไหม" เขาเริ่มทำงานทันทีหลังเรียนจบ ไม่ใช่กิจการของครอบครัวเพราะคุณพ่ออยากให้ไปหาประสบการณ์ภายนอกก่อนด้วยเหตุผลที่ว่า 'ก่อนจะบริหารคนเป็น ก็ต้องรับรู้ความรู้สึกของการเป็นลูกน้องคนอื่นเสียก่อน' และนั่นทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้จีซองมากเหมือนเมื่อก่อนสมัยยังเรียนอยู่
"บ้าบอ ผมก็พูดเล่นไปแบบนั้น เหนื่อยมากไหมฮะ นอนต่อก่อนก็ได้ ผมหาพี่ไม่เจอเลยเรียกทั่วบ้านเฉยๆ" แม้จะเด็กกว่าเขาสองปีและไม่เคยทำงานจริงจัง แต่ปาร์คจีซองกลับเข้าใจเขาเป็นอย่างดี คอยถามไถ่ ให้กำลังใจ เวลามีปัญหาก็ช่วยคิดและให้ความเห็นในมุมของตนเอง ไม่เคยงอแงเรื่องเขามีเวลาให้น้อยลงหรือไม่มีเวลาไปเที่ยวด้วยบ่อยเหมือนเมื่อก่อน
"ไม่นอนแล้ว อยากไปไหนไหม มีหนังอะไรอยากดูหรือเปล่า" จนเป็นเขาเสียเองที่คอยถามความต้องการของอีกคนอยู่เสมอเพราะอยากเอาใจใส่จีซองที่นึกถึงเขาก่อนตนเองบ้าง
"ไม่เป็นไรฮะ พี่เหนื่อย อยู่บ้านดีกว่า ออกไปข้างนอกคนก็เยอะอีก" ก่อนจะเอนตัวลงมาพิงอกเขาเต็มน้ำหนัก แจมินยกมือลูบผมนิ่มที่เปลี่ยนเป็นสีบลอนด์หม่นมาไม่นานนัก สีที่เขาบอกว่าน่าจะเหมาะกับจีซองแล้วพอทำออกมามันก็เหมาะจริงๆ จนแอบอยากให้ไปเปลี่ยนกลับเป็นสีเดิม ดูดีเกินไป ไม่อยากให้ใครเห็นเดี๋ยวจะมารุมชอบรุมจีบจีซองกันหมด
"ไว้อาทิตย์หน้าไปเที่ยวกันนะ"
"เห... พี่พูดจริงเปล่าฮะเนี่ย" เพียงแค่นั้นดวงตารีกลับเบิกกว้างกว่าที่เคย คล้ายแจมินเห็นปาร์คจีซองมีหูโผล่ผ่านเส้นผมและหางกระดิกไปมา น่ารักจนอยากตามใจให้มากกว่านี้ และน่ารักจนอดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนั่นอีกรอบ
"จริงสิ ไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว เราอยากไปเที่ยวที่ไหน"
"ไปทะเล อยากไปสูดโอโซน นอนรับลมทะเล"
"แต่จะไม่เล่นน้ำทะเล"
"ใช่แล้ว" หลังจากนั้นก็ระเบิดหัวเราะด้วยกันออกมาทั้งคู่
"แต่ผมจะออกไปดูพระอาทิตย์ตกดิน แล้วก็ไปเดินที่ชายหาดตอนกลางคืนนะ" แจมินพยักหน้ารับคำ
"ได้ทุกอย่างที่จีซองต้องการนั่นแหละ"
และอ้อมกอดของคนที่เขานั่งกอดอยู่กอดตอบกลับมาเสียเต็มรัก ความสุขของนาแจมินง่ายแค่นี้เอง รอยยิ้มและความสุขของปาร์คจีซอง
"ช็อกโกแลตเฟรปเป้กับชีสเค้กหนึ่งครับ"
"อเมริกาโน่ร้อนเพิ่มเอสเพรสโซ่สองช็อตครับ"
"ยังกินเหมือนเดิมเลยนะฮะ" คล้อยหลังพนักงานเดินจากไป เป็นปาร์คจีซองที่เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นก่อน แจมินเพียงพยักหน้ารับและยิ้มรับน้อยๆ
"แล้วเพิ่มแค่สองช็อตพอหรอครับ" คนตรงข้ามถามซ้ำ
"พอสิ" คิ้วเลิกขึ้นข้างหนึ่งพร้อมดวงตาหรี่ลงคล้ายไม่เชื่อในคำพูด
"ก็นายเคยบอกไว้ว่ากินเยอะๆ มันไม่ดี"
"อ่า 'โทษที ทำให้บรรยากาศเสียหมดเลย" เพราะหลังคำพูดนั้นรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็ดูแปลกตาไปกว่าเดิม
"ไม่เลยฮะ แต่อายุเยอะขึ้นแล้ว กินแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ ไม่ต้องเพิ่มช็อตได้เลยยิ่งดี"
"จืดเกินไป ไม่รู้รสชาติแถมไม่ได้ผลเลย" ปาร์คจีซองถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
"พี่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยอะ" เพราะสมัยก่อนตอนยังอยู่ด้วยกันแล้วจีซองบอกให้ลดกาแฟลงบ้าง คำตอบของแจมินก็แบบนี้ แล้วดูตอนนี้สิ ก็ลดลงไปได้ตั้งสองช็อตแล้วไม่ใช่หรือไงกัน
"..." แจมินเพียงไหวไหล่ก่อนจะพิงตัวกับพนักเก้าอี้ เถียงไม่ออก
เพราะตัวเขาน่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลยจริงๆ
"ว่าแต่พี่ นายเองก็กินอะไรเหมือนเดิมเหมือนกันนั่นแหละ" พอเครื่องดื่มกับขนมเค้กชิ้นเล็กมาเสิร์ฟ ก็ได้ทีเอาคืนคนตรงหน้าสักหน่อย
"ของผมมันมีประโยชน์เถอะฮะ ไม่ต้องลดไม่ต้องเปลี่ยน แค่พยายามออกกำลังกายสักหน่อย ไม่งั้นไขมันถามหาแน่ๆ" ร่ายเสียยาวก่อนจะตักชีสเค้กเข้าปากและดูดช็อกโกแลตตามเข้าไป
"เด็กน้อยเอ้ย" คล้ายเห็นจีซองชะงักแต่ก็เพียงชั่ววูบก่อนจะยักคิ้วให้เขากลับในขณะที่อมช็อกโกแลตไว้เต็มสองแก้มและค่อยๆ กลืนลงคอ
"แล้วเป็นไงบ้าง" คงถึงเวลาที่เขาเองจะเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง
"เรื่องไหนฮะ" ปาร์คจีซองกับผมสีดำก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ ตอนอยู่ด้วยกันแทบไม่เคยทำผมสีดำเลยด้วยซ้ำมั้ง
"ทั่วไป สุขภาพ การงาน"
"สุขภาพดีอยู่ ผมออกกำลังกายตลอดไม่เคยขาดนะ อ่อ ตรวจสุขภาพทุกปีด้วย"
"สวัสดิการพนักงาน"
"แน่นอนสิครับ" แจมินหัวเราะให้กับคำตอบแสนเถรตรงนั้น "งานล่ะ"
"ดีครับ ผมได้ทุนไปเรียนที่'เมกาแล้วนะ ลองกลั้นใจชิงกับคนอื่นในบริษัทดู ได้เฉยเลย" ปาร์คจีซองทำงานเป็นคนคิดท่าเต้นให้กับศิลปินในบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ซึ่งมีโปรเจคส่งครูสอนเต้นไปเรียนเพิ่มเติมตามสายที่ตนเองชอบในเมืองนอกตามแต่ใจต้องการ โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดรวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินและมีเบี้ยเลี้ยงรายวันให้ด้วย
ลำพังแค่เจ้าตัวสามารถเข้าบริษัทใหญ่ได้ เขาก็ดีใจมากอยู่แล้ว แต่ ณ ตอนนั้นไม่ว่ายังไงก็เชียร์ไม่ขึ้นสักทีเรื่องให้ลองไปสมัครชิงทุนดูสักครั้ง ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ของชีวิต
"เห็นไหมพี่บอกแล้ว ถ้าจีซองเลือกจะทำ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก" พอมาวันนี้เห็นประสบความสำเร็จไปอีกขั้นก็ดีใจ อาจจะออกนอกหน้าไปนิดจนจีซองยกมือเกาจมูกแบบที่อีกฝ่ายชอบทำเวลาประหม่า
"ขอบคุณนะครับ
เอาจริงๆ แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของพี่ขึ้นมา เลยลองไปสมัครลงแข่งดู แล้วก็ทำได้ ชนะประกวดจนได้ทุน
ขอบคุณครับพี่แจมิน"
"ได้ทุกอย่างที่จัีซองต้องการนั่นแหละ"
นาแจมินยังคงยืนยันในคำพูดเดิมที่เคยพูดเสมอมา แม้เรื่องราวระหว่างเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
"จีซองอา" ใจเขาเหมือนจะขาดเสียให้ได้เพียงแค่เห็นใบหน้าน่ารักนั้นเปื้อนไปด้วยรอยน้ำตา รอยยิ้มที่เขาพยายามเก็บรักษาไว้แทบตาย สุดท้ายก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่พังมันลงกับมือ
"ฮึก... ไม่ ฮึก ไม่เลิกไม่ได้หรอฮะ" แจมินกอดคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นอีกทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
"พี่ขอโทษนะ" คนที่เป็นฝ่ายทำร้ายจิตใจคนอื่น มันไม่มีคำพูดไหนที่ฟังขึ้นไม่ใช่หรอ เพราะฉะนั้นไม่ต้องพยายามอธิบายอะไรให้มันสวยหรูมากไปกว่านี้หรอก แค่ก่อนหน้านี้ที่จีซองยอมทนรับฟังก็เยอะมากแล้ว
"เพราะผม ฮึก เพราะผมเป็นแบบนี้ใช่ไหม" ยิ่งเห็นจีซองสะอื้นจนตัวโยน เขาแทบอยากจะละทิ้งทุกสิ่งที่อยู่ในมือ ทิ้งชีวิตที่มีทั้งหมดตอนนี้รวมถึงในอนาคตข้างหน้า อยากพังทำลายข้าวของให้ราบเป็นหน้ากองสมกับความอัดอั้นตันใจในอกที่สุมอยู่
"ชู่ ไม่หรอก เป็นปาร์คจีซองน่ะวิเศษที่สุดแล้วรู้ไหม เป็นเราน่ะดีที่สุดแล้ว" แจมินผละอ้อมกอดออกเล็กน้อย ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาบนใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยนและเบามือที่สุด ร้องไห้จนดวงตาบวมช้ำ กัดปากจนเห่อบวม ปลายจมูกแดงไปหมด
"แต่ก็เป็นปาร์คจีซองที่อยู่กับนาแจมินไม่ได้"
"ไหนบอกให้ผมอย่าร้องไงฮะ พี่ก็อย่าร้องสิ" เขาไม่รู้เลยว่าตนเองร้องไห้จนกระทั่งจีซองยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ และถึงแม้จะบอกเขาแบบนั้นแต่น้ำตาของคนพูดยังคงหลั่งไหลลงมาไม่ขาดสาย
ปาร์คจีซองไม่เคยคิดว่าร่างกายจะผลิตน้ำตาได้มากมาย และไม่เคยคิดว่าหัวใจจะเจ็บได้มากเหมือนตอนนี้
"ขอโทษนะจีซอง พี่ขอโทษ"
ขอโทษที่ผิดทุกคำสัญญาที่เคยให้ไว้
ขอโทษที่เห็นสิ่งอื่นสำคัญกว่า
ขอโทษที่ละทิ้งสิ่งเหล่านั้นมาหาไม่ได้
ขอโทษที่รักษารอยยิ้มของนายไว้ไม่ได้
ขอโทษที่ทำให้เจ็บมากขนาดนี้
ขอโทษที่กำลังจะทิ้งไป
ขอโทษที่ไม่เลือกปาร์คจีซองทั้งๆ ที่สมควรจะเลือกมากที่สุด
"มีความสุขให้มากๆ นะ ดูแลตัวเองดีๆ รู้ไหมครับ" ลูบผมนุ่มเหมือนที่ชอบทำมาตลอดเวลาบอกให้อีกฝ่ายเชื่อฟังกัน ปาดน้ำตาออกจากแก้มใสแม้มันจะยังคงไหลอยู่เรื่อยๆ มองจีซองที่พยักหน้ารับ
"พี่ก็เหมือนกันนะ"
แจมินโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนหน้าผากของเราชนกัน ปรับองศาใบหน้า จรดริมฝีปากลงกับริมฝีปากอิ่ม จูบย้ำซ้ำๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนให้มันลึกซึ้งมากยิิ่งกว่าเดิม ไม่ตะกละตะกลามหรือดูดดื่มเหมือนที่เคยเป็น มันแผ่วเบา อ่อนโยนคล้ายพยายามจะยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด แต่สุดท้ายก็ผละจาก
"ยิ้มให้พี่ดูอีกครั้งได้ไหม" เห็นมือขาวสองข้างพยายามยกขึ้นปาดน้ำตา ใบหน้าแหงนขึ้น สูดลมหายใจลึกยาว ผ่อนออกขณะก้มหน้าลงในองศาปกติเสมอกัน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกกว้างจนดวงตายิบหยีก่อนหยาดน้ำตาจะไหลรินลงมาอีกครั้ง
มันไม่ใช่ภาพรอยยิ้มที่สดใสหรือสวยที่สุด แต่จะเป็นภาพที่เขาจดจำไว้ตราบนานเท่านาน รอยยิ้มจากจีซองครั้งสุดท้ายก่อนเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีก... ไม่ใช่ในสถานะเดิมแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
"ขอบคุณครับ รักษามันไว้นะ พี่รักรอยยิ้มของจีซองมากๆ แล้วก็อยากให้จีซองมีความสุข รู้ใช่ไหม" เจ้าตัวพยักหน้ารัวๆ พยายามใช้มือปาดน้ำตาจนเขารวบมือทั้งสองข้างไว้เพราะทั้งดวงตาและแก้มนั่นแดงไปหมดแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนใช้ปลายนิ้วของตัวเองเช็ดให้แทนอีกครั้ง
"ขอโทษนะครับที่เดินไปด้วยกันได้ไม่สุดทาง
แล้วก็ขอบคุณสำหรับความรักดีๆ ที่มอบให้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา"
เพราะนาแจมินรู้ดีว่าจะไม่มีใครมาแทนที่ปาร์คจีซองได้ ไม่มีใครจะทำให้เขามีความสุขได้ขนาดนี้ ไม่มีใครที่จะเข้าใจเขาได้มากเท่าที่อีกฝ่ายเข้าใจ ไม่มีใครจะเป็นโลกทั้งใบของเขาแบบที่อีกฝ่ายเคยเป็น
และนาแจมินไม่สามารถรักใครได้มากเท่าปาร์คจีซองอีกแล้ว
Rrrrr Rrrrr
"ขอโทษนะครับ พอดีสายนี้ต้องรับ" แจมินผายมือเป็นเชิงอนุญาตก่อนจีซองจะกดรับสายและเริ่มคุย
ภาพความทรงจำในวันแรกจนวันสุดท้ายย้อนกลับมาเหมือนฟิล์มม้วนเก่าฉายภาพซ้ำเสียจนเขาต้องสะบัดหัวไล่เพื่อให้หลุดไป เพราะยังคงจำได้แม้กระทั่งหลังเลิกกันแล้วจีซองส่งข้อความมาว่าเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทิ้งไป เหตุผลที่ทำให้เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ บอกเขาให้หยุดโทษตัวเองที่ทำให้เรื่องราวของเราเป็นแบบนั้น บอกความรู้สึกว่าไม่มีความโกรธใดๆ นอกจากความเข้าใจและจะใช้ชีวิตให้ดีแบบที่เคยสัญญา กลับไปยิ้มเยอะๆ แบบเดิมให้ได้ในสักวัน
"มิน... แจมิน.... พี่แจมิน!" เสียงเรียกทำเอาเขาสะดุ้ง
"เรียกทำไมเสียงดังเชียวจีซอง คนอื่นหันมามองกันหมดร้านแล้วมั้ง" คนพูดหันมองซ้ายขวาก่อนจะมองคนตรงข้ามอย่างตำหนิแบบที่เคยทำ
"ไม่ต้องมามองดุผมเลยนะ พี่นั่นแหละเหม่อไปถึงไหนผมเรียกถึงไม่ได้ยินกัน" เพียงเท่านั้นแจมินถึงส่ายหัว ยกมือยอมแพ้
"คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว?"
"เสร็จแล้วสิครับ ไม่งั้นจะเรียกพี่หรอ" อดไม่ไหวที่จะยกมือไปยีผมสีดำนั่นเบาๆ จนอีกคนแหวออกมา
"ผมเสียทรงหมด พี่เล่นอะไรเนี่ย" มองค้อนเหมือนจะโกรธแต่คนมองกลับยิ้มออกมาเสียได้
"เดี๋ยวผมต้องไปแล้วนะ"
"อืม" แม้จะแอบวูบโหวงในใจ แต่ก็ตอบรับอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะร้องขอหรือต่อรองให้อยู่ด้วยกันอีกสักนิด แค่วันนี้ที่ได้เจอกันก็ดีมากแค่ไหนแล้ว
"ผมดีใจนะครับที่วันนี้ได้เจอพี่อีก"
"เหมือนกัน" เขายื่นมือออกไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บกลับวางบนตักเหมือนเดิม
"มาเจอกันแบบนี้ก็ดีเนอะพี่ว่าไหม" ได้คุยกันตั้งหลายเรื่องหลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี
"ดีสิ ไม่คิดเลยว่าจะเจอนายที่โรงละครนั่น เดี๋ยวนี้ดูละครเวทีแบบนี้ด้วยหรอ" ตัวเขาเองตอนแรกก็ไม่ได้ชอบ หากแต่โดนเพื่อนสนิทลากมาดูด้วยบ่อยๆ จนกระทั่งเริ่มอินกับละครเวที โดยเฉพาะเรื่องนี้ถูกสปอยล์มาว่ายังไงก็ต้องมาดูให้ได้
"อ่า... ความจริง"
"จีซอง"
ไม่ใช่นาแจมินหรอกที่เรียก หากแต่เป็นใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าร้านเพียงรั้วกั้น แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบกันแต่เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนๆ นั้นเป็นใคร
ไม่ใช่เพราะเพิ่งเห็นหน้าอยู่บนเวทีไปเมื่อสักครู่ แต่เพราะรอยยิ้มของปาร์คจีซองที่ส่งไปให้หลังจากเห็นว่าคนเรียกเป็นใครนั่นต่างหาก
รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันแบบไม่ฝืน
รอยยิ้มกว้างที่ลามไปจนถึงดวงตา
รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งนาแจมินเคยเป็นเจ้าของมัน
"พี่ยุนจุน เข้ามาก่อนสิ ผมจะได้แนะนำให้พี่รู้จัก" แจมินมองตามเจ้าของรูปร่างสูงโปร่งเดินอ้อมรั้วเตี้ยเข้ามาในเขตร้านก่อนจะเป็นเขาเองที่ลุกขึ้นยืนจนจีซองต้องลุกตาม
"พี่ยุนจุนครับ นี่พี่แจมิน ประธานบริษัทนา โลจิสติค คอมพานี" แจมินค้อมตัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
"พี่แจมินส่วนนี่พี่ยุนจุนครับ พระเอกละครเวทีที่พี่เพิ่งดู" เป็นยุนจุนที่ค้อมตัวกลับ
"โอ๊ะ เป็นเกียรติมากที่ได้พบครับ เวลาคุณออกข่าวทีไร จีซองบอกทุกทีว่ารู้จักคุณด้วย"
"แล้วพี่ก็ชอบบอกว่าผมขี้โม้อะ" คนเด็กสุดในกลุ่มสนทนาสวนขึ้นมาทันควัน
"ก็คุณแจมินเขาเป็นเจ้าของบริษัทโลจิสติคท็อปทรีของเกาหลีไหม พี่ก็คิดว่าจีซองเล่นมุก" เพราะมันเขี้ยวกับแก้มป่องๆ นั่น ยุนจุนจึงยื่นมือไปบีบเบาๆ แล้วโยกไปมา
"แก้มจะแตกแล้ว ไม่ต้องพองมากก็ได้"
"หึ่ย..."
จังหวะนั้นแจมินแสร้งทำเป็นยกนาฬิกาขึ้นดู ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้มีแผนจะไปไหนต่อ
"รบกวนเวลาพี่แจมินแย่แล้ว คงมีธุระที่ต้องไปทำต่อใช่ไหมครับ" และมันก็ได้ผลดีซะด้วยสิ
"อ่า นิดหน่อยน่ะ"
"ดึกขนาดนี้ยังต้องทำงานอีก เหนื่อยแย่เลยนะครับ" เขายิ้มรับโดยที่ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอย่างไร
"งั้นพี่ออกไปรอข้างนอกก่อน ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าจะได้พบกันอีกนะครับคุณแจมิน"
"เช่นกันครับ" ก่อนเจ้าตัวจะเดินออกไปเหลือเพียงเขากับจีซองอีกครั้ง
"เป็นแฟนที่ดีนะ"
"เห" ร้องเสียงหลงจนเขาอดจะยิ้มออกมาอีกครั้งไม่ได้
"คิดว่าพี่ดูไม่ออกหรือไง นี่สินะเหตุผลที่มาดูละครเวที" จีซองเพียงยกมือขึ้นเกาแก้ม แจมินยิ้มกับภาพนั้น ความจริงก็เพราะจะอยู่รอใครคนนั้นด้วยสินะถึงชวนเขาออกมานั่งคุย
"นิดนึงฮะ" ตอนโทรศัพท์มาก็อีก ที่บอกสายนี้ต้องรับก็คงเพราะแบบนี้
"คงไม่ใช่เพราะพี่หรอกมั้งที่ทำให้เราไปชิงทุน เพราะเขามากกว่า" สายงานก็ดูไม่ค่อยห่างกันเท่าไหร่ น่าจะเข้าใจจีซองได้ดี ไม่ใช่แค่เรื่องงานแต่ในเรื่องของความสามารถ ขีดจำกัดของร่างกาย ไปถึงการให้กำลังใจและชี้จุดที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
"ไม่หรอกฮะ พี่เองก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่างที่ผมบอก นึกถึงคำพูดพี่ด้วยก็เลยยอมบ้าจี้ไปสมัคร" จีซองยิ้มกว้าง สายตาเหลือบไปมองคนนอกร้านบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าจะหึงหรือปล่อยให้รอนาน มันก็แค่ความเคยชินที่มักจะล็อคสายตาไว้ที่ใครคนนั้น แถมยังดูผ่อนคลายขึ้นเพียงเพราะเห็นว่าเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
"เอาล่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณยุนจุนจะรอนาน" เขาเอ่ยบอก ยกมือขึ้นลูบผมจีซองแบบที่ชอบทำและดันหลังให้เดินนำหน้าไปก่อน
"เบอร์โทรศัพท์พี่ละฮะ เผื่อไว้โทรนัดกันกินข้าวหรือไว้มาดูผมแสดง... ถ้ามีวันนั้นล่ะก็นะ" จีซองท้วงขึ้นเมื่อออกมาถึงนอกร้าน
"เบอร์เดิมนั่นแหละ" คนฟังพยักหน้า ทำเอาเขาแอบแปลกใจนิดหน่อยที่ยังเก็บเบอร์โทรศัพท์กันไว้อยู่อีก มันก็หลายปีมากแล้ว
"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ทั้งเลี้ยงขนมแถมออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนกันอีก"
"The pleasure is mine." เขาตอบพร้อมรอยยิ้มบางซึ่งแน่นอนว่าเผื่อแผ่ไปให้คนที่ยืนข้างๆ กับจีซองด้วย
"ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนจีซองนะครับ คุณแจมินนี่ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกนะครับเนี่ย" คนฟังทั้งสองคนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"เหมือนเดิมเหอะ พี่ยุนจุนเวอร์" จีซองขัด
"ไม่หล่อหรอกครับจริงๆ แล้ว" แจมินสำทับ
"หล่อกว่าผมที่รอบนี้เป็นพระเอกละครเวทีอีกครับ คือถ้าสนใจมาทางสายบันเทิงนี่พระเอกหลายคนตกงานเลยนะครับพูดจริงๆ" เขาหัวเราะและน้อมรับคำชมนั้นอย่างไม่รู้จะตอบรับอย่างไร
"กลับกันได้แล้ว พี่แจมินมีธุระต่อด้วยนี่ครับ สู้ๆ กับการทำงาน อย่าหักโหมเกินนะครับ" จีซองกล่าว ยกมือชูกำปั้นสองข้างเป็นเชิงให้กำลังใจ เขาทำเพียงพยักหน้ารับก่อนคู่สนทนาทั้งสองคนจะหันหลังกลับเตรียมตัวเดินจาก
"คุณยุนจุนครับ" เอ่ยเรียกอีกครั้งจนอีกฝ่ายหันมา
"ฝากดูแลจีซองด้วยนะครับ" เขาบอกส่งท้าย โค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับคนที่ยืนโอบไหล่จีซองที่ทำสิ่งเดียวกันก่อนหน้านั้นแล้ว
ในตอนนี้คงมีคนดูแลรักษารอยยิ้มของจีซองได้ดียิ่งกว่าที่เขาเคยทำ แค่ยังเห็นว่าจีซองยิ้มได้ก็มากเกินพอแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นหรอก
และในส่วนความรู้สึกที่มันยังคงลอยเคว้งเด่นชัดเพราะโดนกระตุ้นนั่น ก็แค่ปล่อยให้มันตกตะกอนไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นถูกกลบซ่อนไว้ให้ลึกเหมือนดังเดิม
ไม่ต้องมีใครมารับรู้หรอกว่านาแจมินยังคงรักปาร์คจีซองมากแค่ไหน ให้มีแค่เขาคนเดียวจดจำได้แบบนี้ต่อไปน่ะดีแล้ว
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in