เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิต(เมื่อเป็น)นิสิตordinarygirl
เทอมแรกของเรา
  • ขณะที่เขียนเราก็เพิ่งปิดเทอมปี 1 พอดี 
    เพราะฉะนั้น ถ้าหลงลืมรายละเอียดอะไรไป คอมเมนท์บอก/ถามเราได้เลยนะ !

    กิจกรรมในคณะ

    เอาจริงๆ คณะนิเทศเนี่ย อยากให้ทุกคนได้ตั้งตารอคอยกับทุกกิจกรรม เพราะงั้น เวลาพี่ๆบอกว่าวันนี้จะมีงาน เราจะรู้แค่ว่า งานนั้นชื่องานอะไร แต่รายละเอียดพวกเราต้องทำอะไรยังไงเนี่ย จะให้ไปรู้ได้งานนั้นเลยย ! 

    ซึ่งส่วนมาก งานที่จัดเนี่ย มักจะจัดที่ ใต้ถุน หรือพื้นที่ใต้คณะเรานั่นเอง

    ปิ้ดปิ้ว
    งานแรกที่เราจะได้คุ้นชินกับพื้นที่ตรงนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นงาน ปิ้ดปิ้วววว ซึ่งจัดกันเกือบ 1 สัปดาห์เต็มๆ ปีเราจัดในธีมอินเดียๆหน่อยซึ่งเข้ากับธีมละครปีนั้น(ภารตะชาร์ดี้ฯ) รายละเอียดต่างๆเนี่ยพี่ๆก็จะแจ้งเราในช่วงวันสัมภาษณ์และในกรุ๊ปเฟสบุ๊คหรือช่องทางติดต่อต่างๆ งานปิ้ดปิ้วเนี่ยก็จะมีธีมที่กำหนดให้เราครีเอทชุดต่างๆใส่ไปสนุกกับเพื่อนใหม่ที่คณะ 

    วันเปิดสายต่างๆ
    มันคือวันเปิดสายรหัส ซึ่งก็คือวันเปิดสายรหัส ที่ทำให้เราได้เจอสายรหัส อันนี้ไม่บอกรายละเอียดละกัน เดี๋ยวรู้เอง55555

    วันเปิด-ปิดชี่
    รู้ใช่ไหมว่า จุฬาฯ มีเฟรชชี่เกมส์ ซึ่งนิเทศของเราก็จะต้องเตรียมงาน เตรียมจัดธีม ท่าเชียร์กันเองแบบชิวๆ(?)ขำๆ(?) เอาเป็นว่า นี่เป็นงานแรกที่ได้ทำร่วมกันปี1 เกือบทั้งรุ่น ! เป็นงานที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงคำว่ารุ่นอย่างจริงจัง
    เอบีซีดีอีเอฟจี เอชไอเจเคแอลเอมเอนโอพี คิวอาเอสทียูวี ดับเบิ้ลยูเอกซ์ วายแอนซี

    ตอกตะปูตัวแรก
    งานตอกตะปูตัวแรก เป็นงานพิธีที่มีการสวดมนต์จริงๆ เพื่อขอให้การทำละครในปีนั้นเป็นไปด้วยดี ตะปูตัวแรกหมายถึงการเริ่มทำฉากอย่างจริงจังแล้วนั่นเอง หลังจากวันนั้น เราก็จะมีกิจกรรมย่อยๆเกี่ยวกับการทำละครอีกมากมายเลย เพราะในแต่ละฝ่ายก็จะแยกกันไปเตรียมจัดการงานของตัวเอง มีการคัดคนเข้าฝ่ายนู่นนี่ เรียกได้ว่า เป็นช่วงที่สนุกแล้วก็น่าตื่นเต้นไปหมดทุกอย่างสำหรับปีหนึ่งอย่างเรา

    ในช่วงระหว่างนั้นฝ่ายขายตั๋วก็จะเริ่มขายยาวไปจนถึงช่วงใกล้ๆวันแสดงเลย 

    เปิดตัวละคร
    งานเปิดตัวละคร ปีเราจัดที่ MBK ซึ่งจะมีการเปิดร้านขายของ เดินแบบ โชว์ตัว พูดคุยกับทีมผู้กำกับละครและพี่ๆสต๊าฟ เป็นอีเวนท์นึงที่เราคิดว่าได้ฝึกการทำงานจริงๆ ในส่วนของเรา เราอยู่ฝ่ายคอสตูมด้วย ก็รวมทีมกับเพื่อนดีไซน์ชุดเพื่อใช้เดินแบบแฟชั่นโชว์ในงาน สนุกดี ได้ไปเดินเลือกผ้าที่พาหุรัด ไปเร่งช่างตัดชุดให้เริ่มตัดสักที เรียกเพื่อนมาลองมาแก้แบบ มันเป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ทำในการเรียนนิเทศอ่ะ สนุกดี55555 

    วันแสดงละคร (@สกาล่า)
    เราเป็นฝ่ายคอสตูม พี่ๆก็นัดให้ไปเช้าหน่อย(ไม่เท่าแฮร์ดูและเมคอัพ) ไปเช็คเครื่องประดับ ชุดต่างๆ และพอถึงเวลาแสดงก็ไปแสตนด์บายหลังเวที ช่วยนักแสดงเปลี่ยนชุดให้ทันเข้าฉาก อยากบอกว่าตอนแรกคิดว่าง่าย แต่ไม่เลยย กดดันมากๆ เพราะต้องมีสติรู้คิดว่านักแสดงจะเข้ามาเปลี่ยนตอนฉากไหน เปลี่ยนยังไงให้เร็วที่สุด ต้องระวังเมคอัพแล้วก็ผมนักแสดงด้วย เอาเป็นว่าสนุกดี55555
       ในรอบอื่นๆ ยังสามารถลงชื่อไปทำฝ่ายอื่นได้นะ เช่นฝ่ายเดินตั๋ว พาคนดูเข้าไปนั่งตามที่ตามโซนของตัวเอง ควรเช็คบัตรด้วยว่าถูกต้องหรือเปล่า เราเคยพาคนกลุ่มนึงเข้าไปที่นั่ง แต่พอไปถึงคือมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว เช็คไปเช็คมา กลุ่มที่เราพาเข้าไปเค้ามาผิดวัน...

    ฝ่ายเดินตั๋วบางส่วนก็จะได้แจกสูจิบัตรด้วย !

    ช่วงเทอมหนึ่ง เรื่องที่สนุกและเป็นช่วงเวลาที่ได้รู้จักพี่ๆเพื่อนๆมากที่สุดก็คือช่วงทำละครเนี่ยแหละ เพราะเราจะได้ทำงานด้วยกันเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนานเลยทีเดียว 
  • ปิดเทอม(มิดเทอม)มหาลัยกับค่ายอาสา
    เราและค่ายกลาง(ของคณะ)
        ช่วงก่อนปิดเทอมจะมีค่ายต่างๆประกาศรับสมัครคนเยอะแยะมากมาย สำหรับใครที่ปีใหม่กลัวอยู่ว่างๆก็ลองสมัครไปกันได้ เราติดค่ายกลางของคณะ ได้ไปทำจิตอาสาที่บ้านห้วยเฮี๊ยะ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ชีวิตตั้งแต่วันเดินทางก็โหดมันฮามากก เราได้นั่งรถทัวร์จากคณะไปเชียงใหม่และต่อรถกระบะขึ้นไปบนดอย คิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วชอบมากๆๆ แต่ตอนอยู่บนรถกระบะตอนนั้นทรมานเพราะเมื่อยและหนาว คิดว่าปีต่อๆไปจะเตรียมเสื้อกันหนาวไปให้พร้อมเลย ! เพราะนอกจากความหนาวแล้วทุกอย่างก็ดีไปหมด ! (ขอบคุณบรรยากาศในค่ายที่คอยให้ความอบอุ่นตลอด10วัน <3) รายละเอียดในค่ายเราจะไม่บอก อยากให้คนอ่านลองจินตนการค่ายกลางแบบนิเทศดู อิอิ ส่วนใครที่จะเข้านิเทศฯอยู่แล้วก็อยากบอกว่าต้องลองไปค่ายกลางดูสักปี ! 

    แดดอุ่นๆตอนเช้ากับชาวค่าย


  • มาถึงเรื่องที่หลายๆคนคงอยากรู้ เราเรียนอะไรไปบ้าง ?

    ในเทอมแรกของเรา นิสิตคณะนิเทศฯ ปี 1 มีวิชาบังคับทั้งหมด 5 วิชา 

    2800205 INTRO MASS MEDIA
        วิชานี้ เรียนแบบต้องจำเนื้อหา ข้อมูล ประวัติความเป็นมาของสื่อมวลชนหลายรูปแบบ ตั้งแต่สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ถือว่าเป็นวิชาที่เรียนคล้ายๆตอนม.ปลาย คือควรฟังอาจารย์ในคาบ ตอนสอบก็ไปนั่งอ่านนั่งท่องชีท     ถ้าให้เราแนะนำ เราคิดว่า การอ่านชีทก่อนเรียนค่อนข้างช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดในคาบง่ายขึ้น และทำให้การอ่านหนังสือก่อนสอบเบาลงมาก (ซึ่งทั้งหมดนี้เราไม่ค่อยทำ55555 ก่อนสอบเลยค่อนข้างหนักนิดนึง)    ข้อสอบวิชานี้เป็นข้อสอบเขียน ที่เขียนจากเนื้อหาที่เรียน ช่วงแรกที่เจอข้อสอบเขียนมหาลัยอาจจะรู้สึกว่าหนักหน่อย(ประมาณ 7 หน้ามั้ง) แต่เพราะมันเขียนเนื้อหาที่จำไป พอย้อนคิดเลยรู้สึกว่าวิชานี้ไม่ยากเท่าวิชาที่เราต้องเขียนวิเคราะห์เอง    อ้อ ! อยากเมาท์ว่า ไฟนอลโปรเจกวิชานี้ยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา เพราะอาจารย์จะให้สุ่มจับว่าเราต้องไปสัมภาษณ์สื่ออะไรมานำเสนอข้อมูลให้เพื่อนๆ จัดทำเป็นสื่อ ppt จำไม่ได้ว่าต้องส่งรูปเล่มหรือเปล่า แต่ความยากง่ายนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจับได้สื่ออะไร ถ้าจับได้สื่อทั่วไป เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ เราสามารถเลือกบริษัทเองได้(แต่ต้องไม่ซ้ำกับเพื่อนเซคอื่น) แต่อย่างเราได้สื่อ-ภาพยนตร์ ซึ่งมีไม่กี่บริษัท และเราได้บริษัทที่ทำหนังไทยคุณภาพ เป็นดังไอดอลของเด็กที่อยากเรียนฟิล์ม ตอนทำเรื่องขอสัมภาษณ์เลยเกร็งๆนิดหนึ่ง พอไปถึงก็ทั้งปลื้มทั้งเกร็ง แต่ถือว่างานนี้ทำให้เรามองวงการหนังไทยลึกขึ้น กว้างขึ้น เพราะได้รู้อะไรที่ไม่ได้หาง่ายๆนั่นเอง 

    2804201 PRINC PRAC SP COMM
        วิชานี้ เรียนเกี่ยวกับการพูด ทฤษฎีการสื่อสาร รับสาร ทฤษฎีการพูด วิเคราะห์ผู้รับสาร ส่งสาร บลาๆ คือทฤษฎีค่อนข้างเยอะมากกก ตอนเรียนเซครวมค่อนข้างชิล(ถ้าไม่ค่อยฟังแบบเรา) แต่ช่วงมิดเทอมจะมีการสอบปฏิบัติ คือให้คิดสปีชไปสอบพูดหน้าห้อง(เซคแยก) ของเราได้โจทย์การพูดเพื่อให้ข้อมูล ต้องพูดภายใน 3หรือ5 นาทีเนี่ยแหละ     แต่รวมๆแล้ว วิชานี้ เราสอบพูดไป 2 ครั้ง สอบทฤษฎีแค่ครั้งเดียวคือตอนไฟนอล ซึ่งมีผลกับคะแนนมาก และเราทำไม่ค่อยได้ เพราะไม่ค่อยฟังและอ่านชีทนั่นเอง แงงงงงง  ชีทเยอะมากก ทฤษฎีเยอะมากก    

    2900151 FOUNDATION ECON
        วิชานี้ เป็นเหมือนพื้นฐานเศรษฐศาสตร์ที่หลายๆคณะต้องเรียน (เช่น รัฐศาสตร์ก็เรียน) เรียนคล้ายๆตอนม.ปลาย แต่ที่ยากคือ การเก็บคะแนนใช้คะแนนสอบทั้งหมดคือ มิดเทอม-ไฟนอล 50:50 ข้อสอบมีทั้งเลือกตอบและเขียนตอบ

    2800106 COMP APPLN COMM
        วิชานี้ สอนโดยอาจารย์ที่เลื่องชื่อลือชาแห่งคณะนิเทศฯ เรียนภาคปฏิบัติเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีทั้งเรียนรวมและเรียนเซคแยก อาจารย์จะสอนทำโลโก้ ตัดต่อภาพ เรียนไม่เครียดเลย บางทีเราไม่ไปเรียนด้วย   เอาเป็นว่าใครเรียนนิเทศฯ ก็เดินไปถามรุ่นพี่ว่าเรียนกับอ.ณรงค์เป็นไง รับรองว่าน้องจะได้รีวิวเต็มๆจากพี่ๆทุกคน อิอิ

    5500111 EXP ENG I
        วิชานี้ก็ต้องเรียนกันทุกคณะแหละนะ ส่วนตัวเราว่าเรียนคล้ายตอนม.ปลายมากๆ ข้อสอบที่เป็นตัวเลือกก็จะให้ฟีลเหมือนกำลังสอบแกท หรือ9วิชาอะไรแนวๆนั้น แต่ที่ต่างคือเราต้องเรียน writing และสอบด้วย ซึ่งใครไม่เก่งอังกฤษก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราจะสอบในสิ่งที่เรียนไป อย่างสมมติ ก่อนมิดเทอมเราเรียนการเขียนเปรียบเทียบ อาจารย์ก็จะให้เราฝึกเขียน และส่งให้ตรวจดู ตอนสอบก็จะเป็นการเขียนเปรียบเทียบ เพียงแต่เค้าจะกำหนดมาให้เลยว่าให้เปรียบเทียบอะไร ทำนองนั้น  รู้สึกว่าเทอมนึงวิชานี้บังคับให้ส่งงานเขียน ประมาณ 4 ครั้ง อย่างเทอมแรกนี้ก็จะให้เขียนอยู่ที่ประมาณ 150-200 คำ (เราก็เป๋ๆยังผ่านมาได้ สู้นะทุกคน !)

    จบในส่วนของวิชาบังคับไปแล้ว มาถึงวิชาเจนเอด หรือวิชาเลือกเสรีกันบ้าง เราลงเรียนไป 2 ตัว

     2225101 KOREAN I
        ทุกคนคงสงสัยว่า เราลงวิชานี้ติดได้ยังไง ! เกาหลี1ในตำนาน คือวิชาที่เราถือคติด้านได้อายอด ไม่ว่าเพื่อนหรือใครจะบอกว่าต่อให้ไปขอหน้าห้องก็ไม่ได้เรียน แต่เราก็ไม่ฟัง ลองกัดฟันไปนั่งและขอเพิ่มชื่อเพราะอยากเรียนวิชานี้มาก ซึ่งอาจจะดวงดีที่เราเข้าไปห้องที่อาจารย์ใจดี และใหญ่พอที่จะเพิ่มนักเรียนได้ ก็เลยได้เพิ่มชื่อโดยที่ไม่ต้องจับสลาก เขียนคำร้อง หรือมีเอกสารยืนยันการเรียนวิชาโทใดๆเลย ^__^      การเรียนวิชานี้ค่อนข้างเร็วสำหรับคนที่ไม่เคยแตะตัวอักษรหรือเริ่มเรียนเกาหลีมาก่อนเลย เพราะเราจะเรียนวิธีอ่าน วิธีสะกดคำกันแค่คาบสองคาบเท่านั้น หลังจากนั้นจะเริ่มมีไวยากรณ์ เขียนประโยค และจำศัพท์กันแล้ว ซึ่งเรามีพื้นฐานและเคยเรียนเกาหลีมาก่อนแล้ว เลยค่อนข้างโอเคและไม่หนักมาก (เราเรียนญี่ปุ่นมาตอนม.ปลายด้วย ซึ่งมีศัพท์ ไวยากรณ์ที่คล้ายๆกัน)   
         คะแนนมาจากการสอบ 40:40 (mid:final) อีก 10 คะแนนเป็นวิชาเข้าเรียน อีก 10 น่าจะจิตพิสัย แต่เดี๋ยวใน course syllabus ก็คงมีบอกอีกทีนึง   วิชานี้จะนับเป็นวิชาเลือกเสรี หรือจะลงเป็นวิชาโทก็ได้ 

    2313202 PHOTO LAB (2หน่วยกิต หมวดเสรี)
       ใครอยากรู้ว่ากระบวนการสร้างภาพจากฟิล์มเกิดขึ้นยังไงก็ลงวิชานี้เลย ! คาบแรกอาจารย์จะพาไปดูคลิปวิดิโอ อธิบายส่วนประกอบของกล้องฟิล์ม วิธีใช้ วิธีสร้างภาพ ล้างฟิล์มต่างๆ    หลังจากนั้นจะมีควิซ(ชิวมาก นั่งลอกเพื่อนก็ได้ ถามอาจารย์ก็ได้) มีควิซประมาณ 4-5คาบมั้ง ก็เหมือนนั่งทำใบงาน ถามเรื่องที่ดูวิดิโอไปนั่นแหละ    
        ที่สนุกคือการได้ลองล้างฟิล์มเอง เอ้อ ! ลืมบอกไปว่าวิชานี้จะเรียนล้างฟิล์มขาวดำนะ ถ้าอยากล้างฟิล์มสีต้องลงเรียนตอนเทอม 2 มันจะเป็นวิชาชื่อ colour lab มั้งไม่แน่ใจ  ถ้าใครถ่ายขาว-ดำเก็บไว้เยอะๆก็รอเอามาล้างในคาบได้เลย เพราะล้างได้ไม่จำกัดม้วน ! แต่อาจารย์จะกำหนดไว้นะว่าเราต้องล้างฟิล์ม 1 ครั้ง อัดภาพประมาณ 5 ครั้งถึงจะผ่านวิชานี้ (แต่จะทำเกินก็ได้ สนุกกก)
        ตอนล้างฟิล์มเราต้องเอาฟิล์มออกจากกรักแล้วกรอลงในวงล้อม้วนฟิล์มแล้วเอาใส่แทงค์ฟิล์ม แต่ตอนนั้นคนเยอะมาก และอาจารย์ใช้ที่เปิดแกะกรักฟิล์มไม่ได้ ! เลยให้เราทำกันเอง นึกภาพกลุ่มเรา4คน ผลัดกันใช้มือเปล่าแหกกรักฟิล์มอยู่ในห้องมืดตอนนั้นคือยืนจับมือ ส่งฟิล์มต่อกัน ผลัดกันแหก และมันแข็งมากก แต่ก็ต้องทนเพราะถ้าเริ่มแกะก็แสดงว่ามีรูให้แสงเข้าแล้ว ถ้าอยากออกจากห้องมืดก็ต้องเอาฟิล์มออกมาลงแทงค์ให้ได้ ฮือ
         มาที่การอัดภาพ เราต้องไปซื้อกระดาษอัดภาพเอง(ฝากคนในเซคซื้อ หรือซื้อต่อก็ได้) แล้วเข้าห้องมืด(มีประมาณ4-5ห้องเลย !)  เวลาอัดก็อัดด้วยเครื่องฉายแสงมั้ง ฉายลงกระดาษ แล้วเอากระดาษไปแช่ในน้ำยาให้ภาพมันขึ้น ใครที่ชอบฟิล์มน่าจะฟินมากๆแบบเราเลยอ่ะ ! 

    ภาพฟิล์มที่เราล้างเอง (แต่ไม่ได้แสกนเองนะ)


    สรุปแล้วเทอมแรกเราเรียนไปประมาณ 19 หน่วยกิต เกรดค่อนข้างต่างกับตอนม.ปลายค่อนข้างมาก บอกตรงๆว่าช็อค แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราทำตัวเอง ;_;



    ชีวิตปี 1 เทอม 1 ของเรา รวมๆแล้วเขียนได้แค่ 3 หน้าเท่านั้นเอง 
    นี่มันโคตร ordinary girl

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in