บันทึกความทรงจำ 31/07/2022
"ในที่สุดการรอคอย 949 วัน ของเราก็จบลง"
วันนี้เป็นอีกวันนึงที่จะคงอยู่ในความทรงจำของเรา การมาคอนเสิร์ตครั้งนี้มีความพิเศษอยู่หนึ่งอย่าง เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวย้อนวันวานของแก๊งค์เพื่อนที่เป็นแฟนคลับเอสเจกันมาตั้งแต่สมัยใส่ชุดนักเรียน
แก๊งค์เรามีกัน 3 คน พวกเราเคยไปดูคอนเสิร์ตแบบครบแก๊งค์เมื่อครั้ง Super Junior Super Show 4 in BKK ซึ่งเป็นเวลาผ่านมา 10 ปีแล้ว พอมาครั้งนี้เลยค่อนข้างจะตื่นเต้นกันน่าดู จริงๆเรากับเพื่อน A ไปด้วยกันทุกคอนแต่แยกกันนั่งตลอด ส่วนเพื่อน B ใช้เวลา 10 ปี ถึงเพิ่งว่างมาคอนเสิร์ตอีกครั้ง (นานไปมั้ยคะ)
เมื่อเวลาในการเข้าฮอลล์คอนเสิร์ตมาถึง ไฟในฮอลล์ปิดลง และแท่งไฟของทุกคนค่อยๆสว่างขึ้น พร้อมกับเสียงเพลงที่เปิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน เราไม่ได้เห็นภาพนี้มา 3 ปีแล้ว มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ได้เห็นมันอีกครั้ง
ทันทีที่ VCR จบลง เสียงเพลงดังขึ้น พร้อมกับเวทีจากด้านล่างถูกยกขึ้นมาพร้อมกับพวกเขา ความรู้สึกแรกเลยคือมันอื้ออึงอยู่ในใจไปหมด การรอคอย 949 วันของเราจบลงแล้วจริงๆ
เอสเจเริ่มคอนเสิร์ตด้วยเพลง Burn the floor ซึ่งเป็นเพลงที่เราอยากเห็น Perf. ที่สุด เราคิดว่ามันเป็นเพลงที่เจ๋งมากในการเอาโน้ตของดนตรีคลาสสิกมาใช้ บวกการการเต้นที่คล้ายกับการดูละครเพลงในสมัยก่อน วันนี้ได้มาเห็นกับตาแล้ว เป็นหนึ่งเพลงที่ควรค่าต่อการได้ดู Perf. สักครั้งจริงๆ
สำหรับ perf. ที่เราว้าวที่สุด ขอยกให้เพลง Ticky Tocky สารภาพเลยก็ได้ว่าไม่เคยฟัง ซึ่งเสียดายมากที่เพิ่งมาได้ฟัง เพลงกับบีทดีมาก ที่ชอบที่สุดคือ perf. ของเพลงนี้ เราชอบการออกแบบท่าเต้นของเพลงนี้นะ ในความรู้สึกคล้ายๆเหมือนดูละครเวทีดี อยากให้เอสเจได้แสดงโชว์นี้ในรายการเพลงเลยทีเดียว
อีกหนึ่งเพลงที่ประทับใจ Perf. เช่นกันคือ Mystery เป็นเพลงที่ได้เห็นเอสเจเต้นกับเก้าอี้ ซึ่งตัวเพลงก็ใช้เทคนิคการร้องแบบเสียงหลบ มันเลยยิ่งมีความเซ็กซี่เย้ายวนแบบผู้ใหญ่ดี
เพลงนี้จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือเพลงใหม่ล่าสุดของเอสเจ Mango เช่นเคยว่าขอสารภาพอีกครั้งว่าตอนได้ฟังและดู MV ไม่ค่อยถูกจริตเราเท่าไร จนได้มาเห็น Parf. ในคอน ถึงขั้นต้องร้องโอ้โห คือท่าเต้นดีมาก สมูทมาก โดยเฉพาะฮยอกแจ ตอนเห็นคือตาค้างไปเลย เซ็กซี่มาก แบบมากๆ มากจนงง แล้วชุดไม่ได้เซ็กซี่อะไรเลยนะ ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ แต่ความรู้สึกที่ได้คือโคตรเซ็กซี่ คำเดียวที่อยากยกให้คือ So damn hot อยากบอกว่างงมากเหมือนกัน ปกติตามเค้ามา 17 ปี ไม่เคยสัมผัสฟีลนี้มาก่อน หรือมันจะเป็นเสน่ห์ของหนุ่มวัยสามสิบกลางๆกันนะ
มาถึงสายร้องกันบ้าง รอบนี้อุคมากับเพลงไทย ชื่อเพลง "ถ้าฉันเป็นเขา" อุคร้องดีมาก ฟังแล้วอกหักทิพย์เลยทีเดียว ชื่นชมอุคมากๆกับเพลงนี้ ร้องชัดมาก คิดว่าการมี Perfect pitch ช่วยให้โน้ตมันเป๊ะขึ้น รวมถึงเราว่าอุคเข้าใจในเนื้อเพลงด้วย ทำให้ฟังแล้วเศร้าจนอยากร้องไห้จริงๆ และอุคยังมากับเพลงเร็วอีกเพลงนึง คือ Dream come true อันนี้ก็ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์เหมือนกัน เพราะมันเป็นคีย์ผู้หญิง จะร้องยาก แต่อุคร้องได้โคตรชิล บรรยากาศตอนเพลงนี้คือสนุกมาก
เพลงและ Perf. ที่อยากพูดถึงที่สุด จะเป็นของใครไปไม่ได้ เป็นเพลง Solo ของฮยอกแจเมนเรา สำหรับเราเพลงนี้มีความหมายกับเรามากๆ เราเฝ้ารอมา 16 ปี จนในที่สุดฮยอกแจก็มีเพลง Solo เดี่ยวแบบจริงจังสักที เป็นเพลงที่มีท่าเต้นพริ้วไหวตามสไตล์ที่ฮยอกแจถนัด รวมถึงโน้ตในเพลงนี้ คือร้องยากมากกกกกกก ต้องใช้เทคนิคในการร้องเยอะมากๆ ครั้งแรกที่ได้ดู MV เพลงนี้ ยอมรับเลยว่าค่อนข้างจะช็อค เพราะโน้ตคีย์มันสูง แล้วยังต้องใช้เทคนิคการร้องเยอะ (ฮยอกแจเป็น Main Dance & Rap ของวง) บวกกับต้องเต้นไปพร้อมกัน ซึ่งมันยากมากๆ ทำให้อยากดู Perf.นี้แบบตั้งตารอ พอได้มาเห็นกับตา ฟังกับหู เป็นเพลงที่เราตั้งใจดูและฟังมากๆ ฮยอกแจคือเก่งมากแบบมากๆ ฮยอกแจร้องเพลงได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เสียงเสถียรขึ้น แตะโน้ตถึงทุกตัวแบบไม่มีหลุด การเต้นก็คมขึ้นมากๆ เราประทับใจมากจนแอบร้องไห้ไปหนึ่งแมทช์ ภูมิใจในตัวเขามากๆ เขาอยู่ในวงการมา 17 ปีแล้ว เขายังพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจและชื่นชมมากๆ อีกอย่างคือเพื่อนที่ไม่เคยดู/ฟังเพลงนี้ของฮยอกแจมาก่อน ยังบอกว่าตกใจมาก ไม่รู้มาก่อนว่าฮยอกจะร้องได้ดีขนาดนี้ พอได้ยินแบบนี้แล้วมันดีใจ ดีใจมากๆที่วันนี้หลายๆคน ได้เห็นความสามารถของเขาแล้ว ว่าเขาเก่งแค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากบอกเขา ว่าเขาน่ะ เก่งที่สุดเลย
ในเพลง My wish เป็นเพลงที่แฟนคลับได้ทำโปรเจคแปลอักษรเพื่อสื่อสารความรู้สึก สิ่งที่พวกเราอยากบอกกับเอสเจ พอเพลงขึ้น เอสเจค่อยๆเดินออกมา ทีมที่นั่งอยู่ตรงโซนโปรเจคก็ค่อยๆเริ่มเปิดไฟ (รอบนี้ตื่นเต้นนิดหน่อยได้นั่งตรงที่เขาแปลอักษรกันพอดี) ตัวอักษรสีแดงค่อยๆสว่างขึ้นท่ามกลางไฟสีน้ำเงิน เป็นคำว่า
"อยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ไปไหน"
เป็นคำพูดที่พวกเราแฟนคลับอยากบอก อยากตอบคำถามในใจที่เอสเจมี อยากให้รู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเวลามันผันเปลี่ยนไปอย่างไร พวกเราก็ยังจะคงอยู่ที่เดิม ตรงนี้ ซึ่งตอนทำโปรเจค ได้เห็นพวกเขามองขึ้นมา มันเป็นสายตาเดียวกันกับสายตาที่เราส่งถึงกันในทุกคอนเสิร์ตนั่นแหละ สายตาแบบเดิมที่มองกันด้วยความรัก ความผูกพันธ์ มันเป็นช่วงเวลาและมีความสุขมากๆเลยในโมเม้นท์นั้น ความสุข ความรักมันล้นอก จนต้องหันไปบอกเพื่อนว่า "แก ชั้นรักเค้า ชั้นรักเค้าาา" มีความสุขขนาดนั้นแหละ ฮ่าๆ
ในที่สุดพวกเราก็ได้ดูการแสดงเพลง SPY จากเอสเจสักที หลังจากเว้าวอนกันมาพักใหญ่ แต่ความเอสเจ ก็ไม่ยอมเต้นเพลงนี้เหมือนเคย แต่เอาเพลง SPY, Rokkugo, Mamacita มาทำให้รูปแบบโอเปร่า เช่นเคยความเอสเจยังคงคอนเซปต์ขายขำ โดยการแต่งตัวใส่วิก เป็นนักดนตรีคลาสสิกในสมัยก่อนมาร้องโอเปร่า แต่ถ้าตั้งใจฟังและมองข้ามความขายขำไป คุณจะพบว่า เอสเจร้องโอเปร่าได้จริงๆ แล้วโน้ตถึงทุกคน อันนี้อ่ะสุดว้าวของจริง
เราเป็นคนนึงที่เคยนั่งน้ำตาเอ่อ ตอนฟังคยูร้อง Gwanghwamun มาวันนี้เจอ Gwanghwamun Remix แทบลุกขึ้นเต้น แปลกใหม่ดี แล้วก็มิกซ์เพลงได้สนุกมาก คยูเอ็นเตอร์เทนเก่งมาก ขวัญใจชาวยอดดอย โบกมือดุ๊กดิ๊กๆน่ารัก
เข้าสู่ช่วงโปรเจคสุดท้าย ทุกคนในฮอลล์ยกแผ่นป้ายกระดาษโปรเจค และแผ่นป้ายโปรเจคใหญ่ โดยมีข้อความว่า
“ต้องกลับมาอีกนะ สัญญาไหม?”
“รู้ใช่ไหมว่า พวกเรานับวันรอที่จะได้เจอกันอีกครั้งวันนี้ มาตลอด 949 วัน ที่ไม่ได้เจอกัน"
"มาสร้างเรื่องราวที่มีแค่ซูจูกับเอลฟ์เท่านั้นที่ทำได้กันเถอะ อนาคตก็อยู่ด้วยกันไปอีกนาน ๆ เลยนะ”
จากนั้นเอสเจก็ยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยให้สัญญากันกับแฟนคลับ พอมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มบรรยายไม่ออกแล้ว มัน Emotional มากๆ เพราะพวกเราต่างรู้แล้วว่าหลังจากนี้มันอาจจะเป็นอะไรที่ยากแล้ว ทั้งด้วยอายุวงหรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โรคระบาด โดยเฉพาะกับฮยอกแจเมนเรา เค้าพยายามพูดว่า I promise/We promise บ่อยมากๆ
จนเข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่น้ำตาซึมของจริงคือช่วงเพลงสุดท้าย ที่เอสเจเดินต่อแถวกัน อันนี้ตอนเห็นคือไม่ไหวเลย พวกเขายืนต่อแถวเรียงลำดับอายุเหมือนตอนคอนเสิร์ต Super Show 1 ภาพเก่าๆมันย้อนมาให้หัวเต็มไปหมดเลย ดีใจที่เรายังได้เห็นภาพนี้ รวมถึงเห็นภาพที่คุ้นเคยคือภาพพี่ทึกยืนโค้งขอบคุณทุกคนที่ทุกมุมของเวที พวกเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมที่เราตกหลุมรักเสมอ และภาพสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนเอสเจจะเดินเข้าหลังเวที คือฮยอกแจยังคงย้ำว่า I promise แล้วก็ยกนิ้วก้อยให้สัญญา โห เหมือนหัวใจได้รับการเติมเต็ม จะรอคอยวันที่ได้เจออีกครั้งนะ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณเอสเจนะที่ยังคงอยู่ให้เรารัก ขอบคุณสำหรับการที่พวกคุณยังคงอยู่บนแสงไฟ เพราะเราคิดไม่ออกเลยว่าถ้าวันนึงที่คุณไม่อยู่บนแสงไฟแล้วเราจะหาคุณเจอได้จากที่ไหนบนโลกใบนี้ การได้มาเจอพวกคุณ มันทำให้เรามีความสุขมาก เหมือนได้กลับบ้านจริงๆ พวกคุณเป็นเซฟโซนและความสบายใจของเราเสมอ ขอบคุณสำหรับความพยายามอย่างหนัก การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ขอบคุณที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้เราเสมอ ขอบคุณสำหรับความรักที่มีให้กัน ขอให้พวกคุณทุกคนมีความสุข มีรอยยิ้มในทุกๆวัน และขอให้พวกเราเป็นรอยยิ้มให้กันและกันไปนานๆเลย เราไม่รู้เหมือนกันว่าตลอดกาลมันนานแค่ไหน แต่เราสัญญาว่าจะรักพวกคุณไปเรื่อยๆ ให้นานที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้ รักพวกคุณนะ สัญญาว่าเราจะได้เจอกันอีก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in