บันทึกความทรงจำ 21.12.2022
ปีนี้ เป็นปีที่เราได้ค้นพบความสุข ความสุขของเรา เธอชื่อว่า ชาล็อต ออสติน
เธอเป็นเด็กสาววัย 23 ปี จากเวทีประกวดนางงาม มิสแกรนด์ไทยแลนด์ เจ้าของตำแหน่ง รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2022
เราในตอนนั้นพยายามหารูปแบบ แนวทางการทำการ์ดต่างๆ ไว้เยอะมาก และลองปรึกษาเพื่อนว่าเราจะทำแบบนั้น แบบนี้ดีมั้ย ทุกคำตอบของเพื่อนคือ จะรอดหรอ อ่า ช่างสิ้นหวังอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้รูปแบบที่ถูกใจแม้ว่าจะเป็นรูปแบบที่ยากมากๆ ก็ตามอย่าง paper cutting แต่ของแบบนี้มันก็ต้องลอง จริงมั้ยล่ะ
ในทุกวัน หลังจากเลิกงานเราจะใช้เวลาที่เหลือ หมดไปกับการทำการ์ด จนเพื่อนถามว่า จะเอาไปให้น้องเมื่อไรล่ะ คำตอบก็คือ "ไม่รู้" ใช่ค่ะ ไม่รู้ ทำเพราะอยากทำให้น้อง ทำโดยที่ไม่รู้ว่าจะไปเจอน้องได้เมื่อไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดงานวันเกิดมั้ย ตอนนั้นคิดแค่ว่า ถ้ามีโอกาส คงได้เจอในสักวันหนึ่ง แอบคิดแบบติดตลกด้วยซ้ำว่ากว่าจะมีโอกาสไปเจอ ตอนนั้นน้องอาจโด่งดังมากๆ จนเข้าไม่ถึงแล้วก็ได้
และแล้วทางกองก็ประกาศจัดงานวันเกิดให้น้องจริงๆ แต่ตอนนั้นขอสารภาพตามตรงว่า คงไม่ได้ไป เนื่องจากงานเรา ในเดือนธันวาคม คือเดือนที่หนักหนาสาหัสที่สุดของปี ทำให้ไม่สามารถไปได้จริงๆ แต่ตอนนั้นก็ยังตั้งใจทำการ์ดให้น้องเหมือนเดิม
อ้อ ขอแทรกเรื่องการ์ดสักนิด ด้วยความที่เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก บวกกับความสามารถทางศิลปะเป็นศูนย์ อีกทั้งงานยังละเอียดมากๆ แบบที่กว่าจะตัดได้แต่ละชิ้นเหมือนตาจะบอดให้ได้ แถมปวดร้าวไปทั้งตัว แต่ระหว่างที่ทำ เรามีความสุขมากๆ เลย (ถึงแม้จะปวดตาและเจ็บมือแบบสุดๆ ก็เถอะนะ) ทุกครั้งที่เรานั่งตัดกระดาษทีละชิ้น เราได้แต่คิดภาพในหัวว่าคนรับจะมีรอยยิ้มแบบไหนกันนะ หวังว่าน้องจะมีรอยยิ้มและความสุขตอนได้รับ แต่เราน่ะแค่จินตนาการถึงภาพตอนน้องได้รับ ก็นั่งอมยิ้มแล้ว
อันที่จริง ระหว่างที่นั่งทำการ์ดทุกวันวันละ 5-6 ชม. ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ก็นึกถึงทฤษฎีหนึ่งขึ้นมา ชื่อว่า ทฤษฎี 21 วัน (21-Day Habit Theory) ก็คือ ถ้าอยากให้พฤติกรรมบางอย่างตกผลึกและฝังลึกในตัวเราจนกลายเป็นนิสัย จะต้องทำพฤติกรรมนั้นๆ ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน วันละอย่างน้อย 15 นาที ถึงแม้ว่าในภายหลังจะมีข้อโต้แย้ง ว่าแท้จริง แล้วคนเราใช้เวลา 3 เดือน หรือ 66 วันในการสร้างนิสัยหรือพฤติกรรมใหม่ อ่านมาถึงตรงนี้ งงล่ะสิ ว่ายกทฤษฎีนี้ขึ้นมาทำไม จริงๆ ก็ยกขึ้นมาให้เท่ๆ ดูมีหลักการไปงั้น แค่อยากจะบอกว่า พฤติกรรมใหม่ที่เราได้ก็คือการนั่งคิดถึงน้องในทุกๆ วัน เท่านี้แหละ
กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ อย่างที่บอกไปในตอนต้น ว่าตอนแรกเราไม่ได้จะไปเลยไม่ได้ซื้อบัตร แต่มีวันหนึ่ง ระหว่างที่เรานั่งทำการ์ดไป แล้วก็นั่งดูไลฟ์น้องมาขายบัตร มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่น้องพูด ประมาณว่า “ไม่รู้ว่าปีหน้า จะได้จัดงาน หรือมีงานวันเกิดมั้ย อยากให้มางาน หนูจะทำให้วันนั้น เป็นวันที่ดีที่สุดของคุณเลย” ใช่แล้ว ประโยคเดียว เหมือนโดนตีหัวเลย เรามีคำถามในหัวเต็มไปหมด ว่าเราจะรออะไร ถ้ามีโอกาส ทำไมเราถึงไม่คว้าไว้ล่ะ เราไม่รู้จริงๆ แบบที่น้องบอก ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง ทำไมเราถึงไม่เลือกทำอะไรที่อยากทำ คว้าโอกาสที่มีในเวลานี้ เลือกทำในสิ่งที่มองย้อนกลับไปก็จะไม่เสียใจ อีกทั้งมันทำให้เรานึกถึงประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าวันนึงศิลปินที่เรารักไม่อยู่ในแสงไฟอีกแล้ว เราจะไม่มีวันหาเขาเจออีกเลย” มันทำให้เรามานั่งคิดว่า ในขณะที่เขายังอยู่ตรงนี้ให้เราเห็น ทำไมเราไม่ลองไปเห็นกับตาดูสักครั้งล่ะ เพราะงั้นก็เลยตัดสินใจซื้อบัตรและโอนเงินอย่างรวดเร็ว (สกิลการขายชาล็อตเก่งมากค่ะ ขอชื่นชม เจอลูกอ้อนเข้าไป โอนเงินไม่คิดชีวิตเลย ฮ่าๆ)
หลังจากซื้อบัตรไปเรียบร้อย อ่า แย่แล้ว ความหายนะรออยู่ อย่างที่บอก ว่าเดือนธันวาคม คือสุดยอดความสาหัสของเรา เหลือเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้ได้ ภายใน 9 วัน (เราซื้อบัตรวันที่ 12 ธ.ค.) แต่เพื่อน้อง เราทำได้! ใช่แล้วหล่ะ เราไฟต์ทุกอย่าง เพื่อเลื่อนการประชุมบริษัททั้งหมดออกไปเดือนมกราคม (ตอนนี้ ที่กำลังนั่งเขียนอยู่ ก็เป็นเดือนที่กำลังนั่งชดใช้กรรมอยู่ น้ำตาจะไหล)
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่ 21 ธันวาคม ตื่นเต้นแบบสุดๆ งาน 1 ทุ่ม แต่ตื่น 7 โมงเช้า เพราะทำการ์ดไม่เสร็จค่ะ เรียกได้ว่า ทำจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนออกจากบ้าน แต่ก็เสร็จทันเวลาพอดี นอกจากการ์ดแล้ว เราก็ทำคุกกี้ไปให้น้อง 2 ชนิด ตอนแรกแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าน้องจะแพ้อะไรมั้ยนะ เพราะเราค่อนข้างซีเรียสกับการแพ้อาหารพอสมควร เลยลองหาข้อมูลของที่น้องแพ้ แล้วก็โอเคไม่มีส่วนผสมที่น้องแพ้ ทีนี้คิดต่อว่า แล้วถ้ามีอาหารอย่างอื่นที่น้องแพ้อีกแต่น้องยังไม่เคยบอกล่ะ ก็เลยต้องไปย้อนๆ ดู ว่าน้องเคยกิินอะไรบ้าง แล้วเดาส่วนผสมเอา ถ้าน้องกินได้ ไม่แพ้ ก็ทำได้ เลยสรุปออกมาได้สองอย่าง กล่องแรกเป็นคุกกี้ธัญพืช กล่องที่สองเป็นคุกกี้กาแฟผสมวนิลา อันที่จริงโดยปกติ เราทำคุกกี้รสช็อคโกแลตผสมวนิลา แต่น้องไม่ทานช็อคโกแลต ก็เลยครีเอทสูตรใหม่ให้น้องไปเลย
เราออกเดินทางจากบ้านประมาณบ่ายสอง เพื่อไป Show dc ไปครั้งแรก หลงค่ะ GPS ไม่ช่วยอะไรเล้ยย เราถึงที่หมายประมาณสี่โมงเย็น ระหว่างนั้นก็เดินออกมาถ่ายบิลบอร์ดหน้า Show dc เราไปยืนดูสักพัก ระหว่างที่ยืนดูก็น้ำตาคลอนิดหน่อย นึกถึงคำพูดน้องที่เคยบอกว่าฝันอยากขึ้นบิลบอร์ด ก็ได้ขึ้นแล้ว ยืนดูแล้วก็ภูมิใจกับน้องจริงๆ หนูทำได้แล้วนะเจ้าเด็ก
ช่วงประมาณหกโมงเย็น เราขึ้นไปที่ชั้น 6 พอขึ้นไปเป็นช่วงที่ทีมงานกำลังให้ VIP เข้าไปในฮอลล์พอดี พอเราได้เข้าไป ก็ยืนงงสักครู่หนึ่งเพราะทีมงานไม่ได้ล็อคที่ไว้ เราเลยได้นั่งในโซนที่แทบติดขอบเวทีกลางที่ยื่นออกมา ใกล้มากชนิดที่ว่า เห็นเวทีก็จะเป็นลมแล้ว ตอนไปคอนเสิร์ตเกาหลี ลงหลุมยังไม่ขนาดนี้เลย
พอเข้าไปนั่งไปสักห้านาที ก็เห็นคุณแชมป์ กับทีน่าออกมาเป็น MC ตะลึงความสวยทีน่าไปแปปหนึ่งเลย หลังจากนั้นสิบนาที ก็ได้เห็นน้องชา เดินออกมาจากมุมขวาของเวที (มุมมองเราที่หันหน้าเข้าหาเวที) น้องใส่ชุดสีชมพูอ่อน ลักษณะชุดเป็นเส้นฟูๆ รวบผมห้างม้าสูง ใส่ต่างหูเพชรห้อยระย้า เดินออกมาพร้อมกับรองเท้าสีเงินแวววาว เสี้ยววิแรกที่เห็น อย่างกับอยู่ในซีรีส์ เหมือนโลกหยุดหมุน หูดับ ในตอนนั้น ในหัวมีแต่คำว่า สวย สวยมาก สวยสุดๆ โคตรสวย สวย สวย สวยยยยย ที่สำคัญคือขาวมากกว่าที่จินตนาการไว้หลายเท่า อ่อร่าแบบสุดๆ ในตอนนั้น เข้าใจแล้วว่าสวยจนตาค้าง อาการมันเป็นแบบนี้นี่เอง ที่ผ่านมากล้องเก็บความสวยน้องไม่หมดจริงๆ อย่างที่เขาพูดกัน อยากให้ทุกคนลองมาเห็นความสวยนี้กับตาตัวเองดูมากๆ ช่วงแรกที่น้องพูดทักทาย สารภาพเลยว่าจำอะไรไม่ค่อยได้ หูดับแบบสุดๆ เพราะมัวแต่มองจนตาค้าง กว่าจะตั้งสติได้จริงๆ ก็ตอนที่น้องมานั่งที่โต๊ะ รอเซ็นลายเซ็นกับถ่ายรูปกับแฟนคลับแล้ว
ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นสุดๆ ในชีวิตเริ่มแล้ว ด้วยความที่อยู่ใกล้เวที รอแค่ไม่กี่แถวก็จะถึงคิวได้ขึ้นเอาของขวัญไปให้น้อง มีเวลาแค่คนละสิบวินาที จะพูดอะไรดี สติกระเจิงสุดๆ แล้วในตอนนั้น ก็เลยตั้งใจจะบอกน้องว่า " สวัสดีค่ะ วันนี้มาเจอครั้งแรก สุขสันต์วันเกิดนะ รักหนูนะ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาเจออีกมั้ย แต่จะไปคอนเสิร์ตให้ได้นะคะ" โอเค เอาตามนี้แหละพูดเร็วๆ น่าจะทัน พอใกล้จะขึ้นเวที ก็ส่งมือถือให้ทีมงานทีรอถ่ายรูปให้ ด้วยความตื่นเต้น ลืมเปิดถ่ายแบบวิดีโอ เปิดเป็นกล้องแทน จังหวะที่เดินขึ้นไป คือใกล้มาก ใกล้สุดๆ โอเคตั้งสติ เริ่มพูดสคริปต์ "สวัสดีค่ะ" ชาล็อตที่กำลังเซ็นลายเซ็นให้อยู่ เงยหน้าขึ้นมาสบตา เหมือนโลกหยุดหมุน โอเค จบแล้ว สคริปต์เมื่อกี้ หายมลายสิ้นแล้ว เป็นการสบตาที่คิดว่าคงไม่ลืมแล้วชั่วชีวิตนี้ ฮ่าๆ เอาล่ะ ตั้งสติใหม่ พูดต่อเร็วเข้า "เอ่อ วันนี้ทำการ์ดกับคุกกี้มาให้นะคะ" แล้วก็ส่งการ์ดให้น้อง น้องก็หยิบไปดู วินาทีนั้น เราได้คำตอบแล้วว่าน้องจะยิ้มแบบไหนตอนได้รับการ์ดกันนะ เป็นรอยยิ้มที่จะอยู่ในใจเราไปตลอดกาล ที่น้องบอกว่าถ้ามาหา น้องจะทำให้วันนี้จะเป็นวันที่ดีที่สุดของเรา มันเป็นแบบที่หนูพูดจริงๆ เป็นวันที่ดีมากๆ ในชีวิตเราเลย โอเค ตั้งสติอีกรอบ ตั้งใจจะถ่ายรูปแบบส่งมอบการ์ด แล้วชาล็อตก็หยิบการ์ดเก็บใส่ถุง แล้วเหมือนน้องนึกได้ก็หยิบออกมาใหม่ เอาไปถือถ่ายคนเดียว เราก็แบบ เอ้า หนู ฮ่าๆ ตามนั้นก็ได้ พอถ่ายรูปเสร็จ ก่อนจะเดินออกมาก็บอกน้องว่า Happy Birthday นะคะ น้องก็หยักหน้าหงึกๆ แล้วน้องก็ส่งโปสการ์ดที่น้องเซ็นลายเซ็นให้กับกระเป๋า เราก็หยิบของ ตอนนั้นมัวแต่มองน้องจนลืมโทรศัพท์ จึงต้องถอยหลังกลับมาเอาโทรศัพท์อีกรอบ เรียกได้ว่า ไร้สติโดยสิ้นเชิง
พอลงจากเวที เราก็มานั่งนิ่งเรียกสติตัวเองอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ขำตัวเองว่าจะคิดสคริปต์เพื่อ แล้วก็กดนาฬิกาดูว่าเมื่อกี้ Heart rate เท่าไร อื้อ 140 ค่ะ ดีที่ไม่หัวใจวาย คำที่ว่าความสวยฆ่าคนตายได้ก็อาจจะจริง เกือบไป ฮ่าๆ
ระหว่างรอ เราก็นั่งดูน้องเซ็นลายเซ็นให้แฟนคลับคนอื่นๆ ด้วยจำนวนคนที่เยอะมากๆ เรานั่งดูน้องเซ็นลายเซ็นอย่างเดียวไป 3 ชั่วโมง อิ่มอกอิ่มใจแบบสุดๆ หลายๆ คน ระหว่างรอ อาจจะออกไปเดินเล่น หาอะไรทาน แต่เรานั่งดูแบบที่เรียกได้ว่า ดูให้จำไปลึกสุดใจ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาเวลามาเจอน้องได้อีกมั้ย อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ เลยอยากจดจำช่วงเวลาทั้งหมดด้วยตาของตัวเอง ตลอดเวลาที่เรานั่งดูน้องแจกลายเซ็น เราไม่เบื่อเลย น้องเต็มที่กับทุกคน ขนาดเรานั่งดูยังเหนื่อยแทน แต่น้องก็ยิ้มแย้ม ชวนคุยกับแฟนคลับสนุกสนานตลอดระยะเวลาที่แจกลายเซ็นเลย การได้เห็นน้องมีความสุข มีรอยยิ้ม ทำให้เรามีความสุขมากๆ เลย
ช่วงงานเริ่ม ชาล็อตเดินออกมา เราเห็นน้องพยายามกวาดสายไปรอบฮอลล์ น้องยิ้มกว้างเลยที่มีคนมาหาน้องเยอะแยะ พอคุณแชมป์ถามว่ารู้สึกเป็นไงบ้างวันนี้ น้องตอบด้วยเสียงสั่น "จะร้องไห้อีกแล้ว" พร้อมกับทำท่าฮึบ ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ น่าเอ็นดูเสียจริง
ถัดไป เป็นคิวที่แฟนคลับขึ้นมาโชว์บนเวที น้องเลยลงมานั่งดูอยู่ข้างล่างเวที ซึ่งนั่งอยู่เยื้องๆ ค่อนไปทางด้านหลังเราเลย ตอนนั้นรู้สึกว่า ได้ใช้แต้มบุญไปหมดสิ้นแล้วสินะ ระหว่างที่แฟนคลับทำการแสดง เราเห็นน้องนั่งหัวเราะ ตลอดทั้งการแสดงเลย น้องดูมีความสุขมากๆ
มาถึงช่วงที่แฟนคลับทำโปรเจค โดยเปิด VTR แล้วให้น้องขึ้นมายืนดูบนเวที ภาพในจอค่อยๆ ฉายเส้นทางการประกวด และการทำงานที่ผ่านมาของน้อง เราเห็นแผ่นหลังของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังสั่นไหวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา เด็กตัวแค่นี้เอง ต้องผ่านอะไรมามากมายเลยกว่าจะมายืนตรงนี้ได้ พอถึงช่วงเซอร์ไพรส์ เป็นจังหวะที่น้องหันหลังกลับมาหน้าเวที แล้วแฟนๆ ชูป้ายโปรเจคขึ้นมา ทำเอาน้องต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้เลยทีเดียว ดีใจกับน้องมากๆเลย หนูสมควรได้รับความรัก ดีใจที่วันนี้น้องได้เห็นว่ามีคนรักน้องมากมายขนาดไหน และเซอร์ไพรส์ยังไม่หมดแค่นี้ ตามมาด้วยการเป่าเค้กและลูกโป่งเงิน พร้อมช่อดอกไม้เงิน
หลังจากจบการมอบของขวัญ น้องออกออกมากล่าวขอบคุณ มีประโยคหนึ่ง น้องกล่าวว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น ณ ตอนนี้หนูไม่เสียดายเลยที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประกวด การมาเจอทุกคน การได้ทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำ..." เราเห็นด้วยกับน้องนะ การตัดสินใจมาเจอน้องในวันนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่เสียดายเลย เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดสำหรับเราเช่นกัน
ถัดมาเป็นช่วงที่เพื่อนๆ ขึ้นมาร้องเพลงให้กับน้อง คู่แรก เป็น ไฮดี้ กับ มาริม่า ครั้งแรกที่เห็นคือสวยมากกก ไฮดี้สูงมาก และมาริม่า สวยมาก สมมงอินเตอร์สุดๆ ช่วงแรก เหมือนจะพากันล่มนิดหน่อย แต่ดูแล้วน้องสองคนตั้งใจร้องมาก ร้องกันไปเสียงสั่นไป น้องชาที่นั่งอยู่ด้านล่างก็นั่งน้ำตาคลอร้องเพลงตาม พอช่วงท้ายเพลง สามสาวก็ขึ้นไปกอดกันร้องไห้สักครู่หนึ่ง เห็นแล้วเอ็นดูในมิตรภาพความเป็นเพื่อนของแก๊งค์เด็กใต้กันจริงๆ
คู่ถัดมาเป็นชมพู กับหนูดี น้องสองคนสวย และน่ารักมากๆ คู่นี้จะเหมือนจะเน้นไปทางขายขำ สนุกสนานเสียมากกว่า หลังจากจบการแสดงของชมพูและหนูดี เพื่อนๆ ทั้งหมดก็ขึ้นมาบนเวที เพื่อไปนั่งพูดคุยกันในฝั่งซ้ายของเวที เพื่อนๆ ค่อยๆพูดความในใจ ความประทับใจ และสิ่งที่อยากจะบอกกับชาล็อต พูดกันไปก็ร้องไห้กันไป แม้จะพยายามพูดกันให้ขำแล้วก็เถอะ เป็นมิตรภาพที่น่ารักมากๆ ยิ่งฟังเวลาที่เพื่อนๆคนอื่นพูดถึงน้อง ในมุมที่เราเองก็ไม่เคยรับรู้ ทำให้เราได้รู้ว่าน้องเป็นเด็กที่จิตใจดีจริงๆ
ช่วงเวลาต่อมา คุณแชมป์ ได้ขึ้นมาประกาศบนเวทีว่า อิงฟ้า นั้นไม่สามารถมางานวันเกิดน้องได้แล้ว เนื่องจากยังถ่ายทำซีรีย์ไม่เสร็จ ด้วยความที่เรานั่งใกล้กับบริเวณที่น้องนั่งข้างล่างเวที แอบเห็นน้องทำหน้าจ๋องไปนิดนึง จากนั้น คุณแชมป์ ก็ประกาศว่าการแสดงถัดไปจะเป็นการแสดงของแฟนคลับ แต่ก็มีการผิดคิวเล็กน้อย ทำให้ต้องเปิดเพลงสองรอบ ก็ทำให้แฟนๆ พอจะเดาได้แล้วแหละว่าใครจะมา
จากนั้นเพลงขึ้นรอบที่สอง อิงฟ้า ใส่ชุดสีขาว แขนยาว ขายาว (ชุดคล้ายๆกับชุดนอน ซึ่งภายหลังน้องออกมาบอกว่าไม่ใช่ชุดนอนนะคะ!) ขอเรียกตามความเคยชินแบบสั้นๆ ว่าอิงก็แล้วกัน อิงเดินออกมาจากมุมซ้ายของเวทีพร้อมกับเจ้าเกี๊ยว น้องหมาลูกสาวสุดที่รักของอิงนั่นเอง ความรู้สึกตอนเห็นอิงครั้งแรก คือ หล่อ หล่อมาก หล่อสุดๆ โคตรหล่อ ตอนนั้นเข้าใจขึ้นมาทันที ว่าทำไมแฟนคลับที่ไปเจอหน้างาน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอิงหล่อ
อิงอุ้มเจ้าเกี๊ยวออกมา พร้อมกับร้องเพลง สิ่งที่ดีที่สุด เราแอบเซอร์ไพรส์นะ เพราะเป็นเพลงที่อยากฟังอิงร้องสดตั้งแต่ที่อิงเคยร้องตอนงานมีตภาค อิงร้องเพราะมาก แล้วเพลงที่เลือกมาก็ความหมายดีมากๆ ด้วย แอบหันไปดูเจ้าของงานวันเกิด น้องดูมีความสุขมาก ยิ้มไปร้องเพลงตามไป สายตาน้องก็ตั้งใจดูมากๆด้วย
หลังจากร้องเพลงจบ คุณแชมป์ และทีน่าก็ขึ้นมาสัมภาษณ์อิง ประโยคแรกที่น้องเริ่มพูดเลยก็คือ "จริงๆ ที่มาในวันนี้นะคะ ไม่ได้อยากมาในนามของความเป็นอิงล็อต หรือว่าเป็นศิลปินใดๆ ก็ตาม อยากมาในฐานะของการเป็นแฟนคลับคนหนึ่ง ที่อยากจะเซอร์ไพรส์ในวันเกิดเท่านั้นเอง" โอ้ ฟังแล้วรู้เลยว่าน้องคิดอะไรมาเยอะมากสำหรับการมายืนอยู่ตรงนี้ วันนี้
ในช่วงที่เชิญชาล็อตขึ้นมาบนเวที แล้วให้อิงฟ้าอวยพรน้อง พอเพิ่งเริ่มอวยพรไปได้แค่นิดเดียว ชาล็อตก็ชิงร้องไห้ก่อนแล้ว พอคนพี่เห็นน้ำตาน้อง ก็พูดต่อไม่ได้ เห็นแล้วเอ็นดูทั้งคู่เลย หลังจากนั้นอิงก็นำของขวัญขึ้นมาให้น้อง อิงบอกว่า "จริงๆก็พอทราบมาแล้วว่าน้องน่าจะได้ของขวัญมามายในวันนี้ นี่อาจจะไม่ได้เป็นของที่ราคาแพงอะไรมาก แต่ว่า จริงๆ ที่ตั้งใจจะซื้ออันนี้ให้เพราะว่า อยากจะให้เดินไปด้วยกันค่ะ แค่นั้นเอง" ตอนนั้นถึงกับร้องโอ้โหในใจ ดูเป็นประโยคที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความใส่ใจและโรแมนติกมาก
ในช่วงที่น้องแกะของขวัญ อิงก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า "ก็เป็นของที่จะต้องใช้ทุกวันอยู่แล้ว ก็เชื่อว่าอย่างน้อยเวลาเราให้อะไรไป น้องจะได้หยิบใส่ แล้วก็ความหมายของมันคือเราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน" เชื่อเลยว่าอิงตั้งใจเลือกซื้อของขวัญให้น้องมากๆ ประทับใจในความใส่ใจดีเทลต่างๆ ของเขานะ การที่เลือกของที่ต้องใช้ทุกวัน นอกจากจะทำให้นึกถึงคนให้ทุกครั้งที่หยิบมาใช้ และเมื่อหยิบมาใช้ก็จะนึกถึงความหมายแฝงที่มาพร้อมกับของ ประทับใจจริงๆ
ต่อมาเป็นช่วงที่ชาล็อตพูดขอบคุณอิง พูดกันไป คนหนึ่งก็น้ำตาร่วงแหมะ อีกคนก็ยืนปาดน้ำตาไม่หยุด เข้าใจน้องทั้งสองคนนะ กว่าจะผ่านเรื่องราวต่างๆ จนมายืนอยู่ตรงนี้ได้ มันไม่ง่ายเลย เก่งกันมากๆ เลยนะ
มีช่วงหนึ่ง ที่ชาล็อตพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา ตอนฟังใจเจ็บมาก น้องบอกว่า "การเป็นคู่จิ้น บางคนก็หาว่าหนูดังได้เพราะจิ้น ซึ่งบางทีหนูก็น้อยใจเหมือนกัน..." ตอนได้ยินครั้งแรกขนาดเราไม่ใช่เจ้าตัว ยังเจ็บเหมือนโดนแทงเลย อยากบอกน้องชาว่า มีคนอีกมากมายเลย ที่รักหนู ที่หนูเป็นตัวหนู อย่างน้อยก็มีตรงนี้แล้วหนึ่งคนนะ และหนูไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไร หนูมีคุณค่าในตัวเองเสมอนะคะ
จากนั้นน้องก็พูดถึงอิงต่ออีกนิดหน่อย แล้วก็กอดให้กำลังใจกัน หลังจากกอดเสร็จ น้องก็เล่าเหตุการณ์ตอนไปถ่ายซีรีย์ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น แต่ไม่รู้ว่าน้องสองคนจะรู้ตัวมั้ย ว่าน้องสองคน ร้องไห้ ปาดน้ำตาไม่หยุด มาเกือบ 20 นาทีแล้ว แม้กระทั่งตอนเล่าเรื่องขำขัน ก็ยังยืนปาดน้ำตากันไม่หยุด โดยเฉพาะคนพี่ที่กลับมานั่งที่นั่งข้างล่างเวทีแล้วยังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่เลย
ซีนน่ารักๆ อีกซีนที่เราประทับใจคือ ตอนที่น้องๆ กับบอส ขึ้นมานั่งทานขาหมูบนเวที เราเห็นความเอาใจใส่ผู้อื่นของชาล็อตนะ น้องเลือกตักชิ้นแรกให้บอสก่อน แล้วก็ตักชิ้นที่สองให้อิงฟ้า จากนั้นถึงจะตักกินของตัวเอง รู้สึกว่ามันเป็นการกระทำเล็กๆ ที่น่ารักดี
ตัดมาที่ช่วงชาล็อตร้องเพลง น้องเลือกร้องเพลง เกินต้าน เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้ฟังน้องร้องเพลงสดๆกับหูครั้งแรก เพลงน่ารักมาก แต่ตอนฟังเราคือน้ำตาคลอ มันไม่บอกไม่ถูกเหมือนกัน พยายามเอาใจช่วยน้องเรื่องร้องเพลงมาตลอด พอมาเห็นน้องพัฒนาตัวเองได้ดีขนาดนี้ รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจมากๆ เก่งมากๆเลยนะเจ้าคนเก่ง
ต่อด้วยเพลงขอบคุณที่รักกัน เอ็นดูเจ้าเด็กที่ร้องเพลงไป พยายามฮึบไป ในช่วงที่น้องร้องเพลง เราหันไปดูอิงที่นั่งดูน้องอยู่ข้างล่างเวที จังหวะแรกที่หันไปเห็นสายตาอิงคือ ถึงกับอุทานในใจ มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความหวังดี และความภูมิใจ ความสัมพันธ์ของน้องสองคนเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมากจริงๆ มันดูเต็มไปด้วยความรักและความหวังดีต่อกันอย่างแท้จริง
หลังจากร้องเพลงจบ น้องก็กล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่มาในวันนี้ มีช่วงหนึ่งน้องบอกว่า ในอนาคตอยากให้มีแฟนคลับเยอะๆ มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น จนจัดงานที่อิมแพคได้ เราก็เชื่อเหมือนกัน ว่ามันจะมีวันนั้นอย่างแน่นอน
ในช่วงสุดท้ายหลังจากที่กล่าวขอบคุณเสร็จ น้องเดินกลับเข้าไปทางหลังทางขวาของเวที เราก็นั่งมองน้องจนพ้นสายตา แบบที่เคยนั่งมองศิลปินเกาหลีเดินกลับเข้าหลังเวที่นั่นแหละ เรียกได้ว่าจดจำเขาจนถึงที่สุดจริงๆ
สุดท้ายนี้ อยากขอบคุณการมีอยู่ของชาล็อตบนโลกใบนี้ ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้รู้จักและพบเจอกัน การได้พบเจอหนูในปีนี้ เป็นปีที่ดีมากๆ ของพี่ และที่หนูบอกว่าจะทำให้เป็นวันที่ดีที่สุดถ้ามาหาหนู หนูทำได้จริงๆ ขอบคุณที่ทำให้คนๆ หนึ่งซึ่งเคยหลงลืมความสุข ได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง ขอบคุณที่ทำให้พี่ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากหนู ที่สำคัญขอบคุณที่สร้างความสุข รอยยิ้ม และพลังบวกให้พี่เสมอ และขอให้หนูมีรอยยิ้มได้ในทุกๆ วัน เติบโตในแบบที่ตัวเองอยากจะเป็น ขอให้ทุกๆ ความฝันของหนูสำเร็จ จะคอยอยู่ข้างๆ ซัพพอร์ตหนู และไม่ว่าในอนาคตหนูจะตัดสินใจเลือกทางไหนก็ตาม ก็จะเคารพการตัดสินใจของหนู จะอยู่ซัพพอร์ตในทุกๆ ทางที่หนูเลือกนะคะ และอยากย้ำให้หนูรู้อีกสักครั้ง จนกว่าหนูจะมั่นใจ มีคนอีกมากมาย รักหนู ที่หนูเป็นหนูนะคะ
ปล.1 จะพยายามเคลียร์งานสุดชีวิตเพื่อไปคอนเสิร์ตให้ได้นะคะ
ปล.2 ยินดีกับรถคันใหม่ด้วยนะคะ ทำตามฝันได้อีกหนึ่งอย่างแล้วนะ เก่งมาก
รัก
JewelPatt
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in