เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My memoriesjewelpatt
Super Junior Super Show 7 in BKK
  • 28/01/18 

    ในขณะที่เรานั่งอยู่ในฮอลล์ก่อนการแสดงจะเริ่มนั้น เรามีความรู้สึกมากมายอยู่ในหัว อาจจะเพราะพวกเราไม่เจอกันมานานหลายปี มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า 


    'พวกพี่เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ'
     'จะเต้นไหวหรือเปล่า' 
    'คอนจะสนุกเหมือนเมื่อตอนนั้นมั้ยนะ'


    และยังมีอีกหลายๆคำถามที่ค่อยๆไหลเข้ามาในความคิดของเรา จนกระทั่งทั้งฮอลล์มืดลง แสงจากแท่งไฟค่อยๆสว่างขึ้นที่ละนิดๆจนสว่างไปทั้งฮอลล์ พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฎตัวของผู้ชายทั้ง 7 คน 


    ในตอนนั้น เรารู้สึกว่าการรอคอยอันยาวนานของเรามันสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขากำลังอยู่ตรงหน้าเราแล้วจริงๆ 


    เราเคยดูคอนเอสเจมาแล้วหลายครั้งนะ ยอมรับว่าครั้งนี้แอบเผื่อใจไว้นิดนึง ว่าอะไรมันคงไม่เหมือนเดิมแล้วแหละ พวกพี่เขาก็เข้าสู่วัย 30+ กันหมดแล้ว คงจะเต้นดรอปลง คงจะเหนื่อยกันมากๆน่าดู


     แต่ปรากฎว่าทุกอย่างที่เราคิดมันผิดไปเสียหมด เราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เห็นเอสเจเต้นกันแรงมาก พร้อมเพรียง เสียงไม่ตกติดๆกันหลายเพลง (ตอนนั้นเราแอบน้ำตาคลอตั้งแต่เพลงที่สองแหละ ทั้งๆที่เป็นเพลงเร็ว แต่ก็ยังรู้สึกแบบนี้ไปจนจบพาร์ทเพลงเร็ว จนถึงตอนนี้ก็ตอบตัวเองไม่ถูกว่าความรู้สึกนั้นเรียกว่าอะไร)  เราคิดว่า โห ผู้ชายพวกนี้โคตรเจ๋ง โคตรเท่ เก่งมากที่ทำได้ขนาดนี้ ต้องฝึกซ้อมขนาดไหนกันถึงทำออกมาได้ดีขนาดนี้ ภูมิใจในตัวพวกพี่เขามากจริงๆ


    ในตอนช่วง Talk เอสเจก็ทำให้เรารู้สึกแปลกใจขึ้นมาอีก เมมเบอร์บ้างก็พยายามสื่อสารกับเราด้วยภาษาอังกฤษ บ้างก็พยายามสื่อสารกับเราด้วยภาษาไทย มันทำให้เรารู้สึกขอบคุณมากๆ ขอบคุณที่พวกคุณก็พยายามที่จะสื่อสารกับพวกเราจากใจจริงๆ เราสัมผัสได้ 


    ช่วงเวลาที่เราประทับใจที่สุดก็คงเป็นช่วงเพลง one more chance ที่แฟนๆทำโปรเจคให้ จนฮยอกแจร้องไห้ไม่หยุด 555 


    หลังจากจบเพลงนี้ เมมเบอร์ก็เดินมาตรงเวทีกลาง ยืนเป็นวงกลมรอบๆเวที พร้อมกับเวทีที่ยกสูงขึ้น แชนเดอเลียจากข้างบนค่อยๆเลื่อนลงมายังเวที พร้อมกับแสงระยิบระยับ สิ่งที่ทำให้ช่วงเวลาของเราหยุดหมุน คือจังหวะที่เราเห็นสายตาของเมมเบอร์แต่ละคน เงยหน้าขึ้นมามองโปรเจค เราเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความขอบคุณ ความผูกพันธ์ เป็นสายตาที่มองมาราวกับจะจดจำภาพทุกอย่างนี้ไว้ในใจตลอดไป มันเป็นความรู้สึกที่เราต่างมองกันและกันด้วยเหตุผลเดียวกัน มันเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจเราจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆ หยุดไว้ในตอนที่เราต่างเห็นความรักกันและกันชัดเจนที่สุด 


    อีกความประทับใจของเรา คือ VTR หนึ่ง ที่เล่าเรื่องราวระหว่างเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่ค่อยๆเติบโตไปพร้อมกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง เราประทับใจ VTR นี้มากๆ มันสื่อความรู้สึกเอสเจที่มีให้กับพวกเราจนไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรอีกแล้ว เราทั้งคู่ต่างเติบโตมาด้วยกัน มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ แต่เราก็ยังคงจับมือแล้วเดินต่อไปข้างหน้า เติบโตไปพร้อมๆกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด


    เรารู้สึกว่าไม่ใช่แค่เราที่เติบโตเพียงคนเดียว ในตอนที่เรานั่งดูคอนอยู่ เราค่อยๆนั่งมองภาพรวมทุกอย่างในคอน ทั้งคิวการแสดง ไฟ แสง สี เสียง เทคนิคต่างๆ ที่ฮยอกกับพี่ชินดงเป็นผู้กำกับเวทีด้วยกัน มันทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่า 'เออ ไม่ใช่แค่เราที่เติบโตแล้วเปลี่ยนไปแฮะ พวกพี่เขาก็ต่างเติบโตขึ้นเหมือนกัน เมื่อก่อนพี่เขายังแต่งเพลง ออกแบบท่าเต้นกันอยู่เลย วันนี้เป็นผู้กำกับเวทีกันแล้ว' เราดีใจนะ ที่พวกเราต่างได้เติบโตขึ้นในแบบที่พวกเราอยากจะเป็น 


    เราติดตามเอสเจมานานมาก มากจนกระทั่งวันหนึ่งที่เราค่อยๆเติบโตขึ้น เราที่ไม่ใช่คนเดิมในวัยเด็กอีกต่อไป เราคิดว่าความสนุกในวัยเด็กของเรามันหายไปหมดแล้ว แต่เอสเจสามารถดึงเราย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เราคิดว่าได้ทำหล่นหายไป มันอาจจะไม่ได้รู้สึกสนุกมากมายเท่ากับเราคนเดิมในวัยเด็ก แต่มันทำให้เราจำได้ว่าความสนุกมันเป็นยังไง เรารู้สึกขอบคุณพวกคุณจริงๆนะ ที่ดึงช่วงเวลานั้นของเรากลับมาได้


    เราเคยอ่านเจอประโยคหนึ่ง เขาบอกว่า "Sometimes home can be another person" มันทำให้เรานึกถึงเอสเจขึ้นมา เอสเจเป็นเหมือนบ้าน ที่ไม่ว่าเราจะเหน็ดเหนื่อย จะแย่ ชีวิตจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่เมื่อเรากลับบ้าน ความเหน็ดเหนื่อยทุกอย่างจะหายไป บ้านที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่กลับไป ขอบคุณนะ ที่คอยสร้างความสุขให้เราตลอดมา ขอให้พวกคุณมีความสุขเช่นกัน รักพวกคุณนะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in