IV.
"เบอร์เซอร์เกอร์ปกติจะต้องเสียสติเหรอ?"
ลั่วปิงเหอชะงัก เบี่ยงประเด็นด้วยการถามกลับไปว่า "ข้าดูเหมือนคนเสียสติมากหรือ?"
ไม่ได้ผล เขาถูกเสิ่นจิ่วทำตาขุ่นใส่
"ที่แอสแซสซินนั่นพูดมันหมายความว่ายังไง?" เด็กหนุ่มจับจ้องเขา สีหน้าบีบคั้นจริงจังทำให้ตนอยากเอ่ยเตือนนัก ว่าความสงสัยและช่างหาคำตอบนั้นจะทำให้เจ้าต้องเสียใจภายหลัง
ลั่วปิงเหอหลบเลี่ยง กลบเกลื่อนด้วยการให้คำตอบอย่างกลางๆ ไปว่า
"ก็ตามชื่อนั่นละ เบอร์เซอร์เกอร์จะบ้าคลั่งก็ถูกต้องแล้ว"
"แต่นายก็ดูปกติดีนี่" อีกฝ่ายเถียงกลับทันควัน
เบอร์เซอร์เกอร์เกือบพลั้งหัวเราะให้กับการตัดสินอย่างแสนซื่อของอีกฝ่าย
เขาหันไปหา มองสบดวงตาดำขลับไร้ความมืดมัวเจือปนจับจ้องเขาจดจ่อ ก่อนที่จะยิ้มให้เป็นคำตอบแก่คำโต้แย้งนั้น
เด็กน้อยเอ๋ย จะทำวางท่าอย่างไรก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ
ลั่วปิงเหอนั้นใจหนึ่งอยากจะเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้...
ทำลายความไร้เดียงสาไปเสียให้สิ้น สั่งสอนให้รู้ว่าแท้จริงความ 'บ้าคลั่ง' หรือ 'เสียสติ' ไม่จำเป็นต้องปรากฏเห็นได้ชัดตั้งแต่ผิวเผิน
มันสามารถเป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำ อสรพิษในพงหญ้า มีดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง หรือกระทั่งคมเขี้ยวที่หลบอยู่หลังริมฝีปาก...มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า และไม่อาจตัดสินโดยอาศัยเพียงการมองเห็น
มันสามารถแอบซ่อนเบื้องใต้ หลบเร้นอยู่ภายใน คุกรุ่นใต้ซากกองไฟที่ต่อให้มองไม่เห็นว่ากำลังลุกไหม้ แต่หากสายลมตลบขี้เถ้าขึ้นฟุ้ง เปลวไฟก็พร้อมจะโหมขึ้นทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว
ลั่วปิงเหอก้าวเข้าไปใกล้ขึ้น ล่วงผ่านเส้นกางกั้นที่มองไม่เห็น เบียดตัวเองเข้าไปข้างใน รุกล้ำบังคับให้เสิ่นจิ่วเผลอถอยหนีประชิดผนังและต้อนตัวเองให้ตกลงสู่กับดักไปโดยไม่รู้ตัว
เขาเอ็นดูความไร้เดียงสาอันเปี่ยมเหลี่ยมมุมของเด็กน้อยผู้นี้นัก ดังนั้นจึงอยากจะถนอมรักษามันเอาไว้
...ทว่าอีกด้านหนึ่ง สัญชาตญาณนักล่าก็อยากจะพรากความงามเล็กๆ นี้ไป ให้ได้เสพสมกับความลำพองว่าเคยทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้กับเสิ่นจิ่ว เป็นหลักฐานว่าตนสามารถเปลี่ยนแปลงเสี้ยวจิตใจหนึ่งของเด็กหนุ่มอย่างไม่มีวันฟื้นคืนหรือหวนกลับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหยื่อส่งตัวเองมาให้ถึงที่อย่างนี้แล้ว...คนโลภมากเช่นเขาจะยังปฏิเสธได้อีกหรือ?
ลั่วปิงเหอยิ่งขยับเข้าแนบชิด แขนทั้งสองกักร่างเล็กกว่าเอาไว้ขณะโน้มใบหน้าลง ค่อยๆ เอ่ยบรรยายช้าชัด
"ข้าสั่งฆ่าล้างสิบสองสำนักบัณฑิต สั่งเผาทำลายหนังสือตำรา เพียงเพื่อค้นหาคัมภีร์วิเศษเล่มหนึ่ง"
"ข้าบุกแคว้นข้างเคียงเพราะข่าวลือของโฉมงามนางหนึ่ง แม้จะมีสตรีอยู่แล้วแปดร้อยคนในวังหลัง แต่ละค่ำคืนต้องแวะเวียนไปหลายตำหนักจึงจะพอใจ"
"ข้าสั่งเดินเรือ บังคับกะลาสีและทหารเรือให้ใช้ชีวิตกลางทะเลเป็นสิบๆ ปีเพื่อตามหายาอายุวัฒนะที่ไม่มีอยู่จริง"
"ประวัติศาสตร์เรียกข้าว่าทรราช...ข้าคือจักรพรรดิคลั่ง ผู้ออกคำสั่งพิสดารมากมายเพื่อสนองความโลภของตัวเอง"
ดวงตากระจ่างตรงหน้าวูบไว ความสับสน งุนงง หวาดหวั่นสะท้อนสลับและปนเปกันแจ่มแจ้ง
ลั่วปิงเหอพึงพอใจนัก แววตาของอาจิ่วแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจนเสมอ
เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี หลุบตาลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย
"ประวัติศาสตร์บอกแบบนั้น แต่นายได้ทำจริงๆ รึเปล่าล่ะ"
ดูเหมือนว่าความไร้เดียงสา เมื่อกอปรสร้างไปพร้อมกับความช่างระแวงสงสัยแล้วก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจทีเดียว
ลั่วปิงเหอนิ่งไปอย่างไม่คาดคิดกับคำถามเช่นนั้น แต่เพียงชั่วแวบเดียวก็ปรับสีหน้าเป็นรอยยิ้มบาง
"ประวัติศาสตร์กล่าวไว้เช่นใด ข้าก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น" เขาโน้มกายลงจนชิด จมูกคลอเคลียอยู่กับบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างสันครามและลำคอ รับรู้ได้ว่าชีพจรเบื้องใต้นั้นกำลังเต้นแรง
นั่นยิ่งทำให้เขาพึงพอใจมากขึ้นไปอีก
"ประวัติศาสตร์บอกว่าข้าไม่เพียงแค่มักมาก แต่ยังโลภโมโทสันผิดมนุษย์มนา...ความปรารถนาล้นปรี่เทียมฟ้า สนองอย่างไรก็ไม่สิ้น
"ความอยากอันไม่สิ้นสุด นั่นคือความ 'บ้าคลั่ง' ของข้า"
เสิ่นจิ่วพยายามเบือนหน้าหนีปลายจมูกของเขา แต่ก็กลับกลายเป็นยิ่งเผยพื้นที่ให้จู่โจมได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินก็เอ่ยถามเฉไฉไปว่า
"แล้วตอนนี้นายอยากได้อะไร?"
นั่นเป็นเพียงคำถามไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้อยากตอบไปอย่างจริงจัง
เหมือนผิวกายขาวใต้ปกเสื้อที่อ้าแง้มอยู่นั่น ดูแล้วราวหิมะแรกที่ยังไม่ถูกแตะต้อง...
ที่ช่างเห็นแล้วชวนให้อยากเหยียบย่ำ
"เจ้า"
ลั่วปิงเหอลงมือดังใจคิด ขบเม้มลงบนลำคอเปิดเปลือยนั้นในทันที
ชีพจรใต้ผิวเนื้อพลันสะดุ้ง เต้นรวนเรเสียจังหวะไปยิ่งกว่าเก่า
"เบอร์เซอร์เกอร์!!"
มือที่ไร้แรงทุบเข้าตรงไหล่ ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ยุบยิบโดยไม่สะทกสะเทือนสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยอมผละออกมาแต่โดยดี
สายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่รอยแดงบนลำคอนั้นนานอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเบนขึ้นมาเห็นเสิ่นจิ่วสีหน้าฉุนเฉียว เพียงมองจากที่ขึงตาใส่ก็รู้แล้วว่าเห็นคำพูดของเขาเป็นเพียงการล้อเล่นเลอะเทอะ
และลั่วปิงเหอก็ฉีกยิ้มกว้าง แสร้งหัวเราะและเอ่ยขอโทษอย่างเลื่อนลอย ย่อมยินดีจะปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปตามนั้น
เพราะนักล่าที่ดีต้องไม่ทำให้เหยื่อตื่นตูม...มิใช่หรือ?
_____________________________________________________________________________________________________
(รวมจากที่เคยโพสต์บนทวิตเตอร์+ตรวจทานแก้ไข)
Writing Playlist
I beg you - Aimer
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in