เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOU / MELIPDA
DAY 2 (night): MALIBU NIGHTS (Korn / Mon)
  • There's no reason, there's no rhyme
    มันไม่มีเหตุผล ไม่มีจังหวะ
    I found myself blindsided by
    ผมค้นพบว่าตัวเองถูกโจมตีด้วย
    A feeling that I've never known
    ความรู้สึกที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน


              ผมได้ยินเพลงนี้ดังแว่วเข้ามาในหัว มันเป็นวันที่ชมรมการแสดงเปิดแสดงที่โรงละครและเป็นวันที่แคลร์พูดสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุด
              “กร... แกบอกใช่ไหม...ว่าให้ฉันยอมรับความจริงของตัวเองอะ”
               “…อืม”
               ความกลัวปรากฏขึ้นในใจผม ผมพอเดาได้ว่าแคลร์จะพูดอะไรต่อ ผมได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่เกิดขึ้น และสิ่งนั้นจะไม่ออกมาจากปากของเธอ
               ถ้าเธอพูดมันออกมา ...ทุกอย่างที่ทำมาจนถึงตอนนี้มันจะจบลง
               “แล้วแกจะรับได้ไหม? ถ้าฉันบอกว่า ...ฉันเห็นแกเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”

               ไม่ ...ใครมันจะรับได้กันล่ะ 

                “ที่จริง..ฉันรู้ตั้งนานแล้วแหละ ว่าแกชอบฉัน แต่ฉันก็พยายามหนีมาตลอดเพราะกลัวจะเสียเพื่อนดีๆอย่างแกไป”

               ฉันก็กลัวจะเสียแกไปเหมือนกัน

              “แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรจะยอมรับทุกอย่างแล้วก็ชัดเจนกับมัน”
               ไม่หรอก แกไม่จำเป็นต้องชัดเจนเลย 
               ผมรู้ดีว่าเธอคงไม่ชอบผม แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผมแล้วแค่แคลร์ปล่อยให้มันคลุมเครือแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็พอ มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของผมเอง เพื่อที่ผมจะได้มีข้ออ้างในการอยู่เคียงข้างเธอ..ในฐานะเพื่อนหรือฐานะอะไรก็ได้ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ได้
              แต่วันนี้มันจบแล้ว...
              “ขอโทษนะ...ที่เป็นแบบที่แกต้องการไม่ได้”
            
             ไม่จริงเลยแคลร์…ไม่ว่าแกในตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม
             แกคือแคลร์ในแบบที่ฉันต้องการเสมอ

    I'm dealing with it on my own
    ผมรับมือกับมันด้วยตัวคนเดียว
    Phone is quiet, walls are bare
    เสียงโทรศัพท์ที่เงียบหาย ผนังห้องที่ว่างเปล่า
    I drink myself to sleep, who cares?
    ผมดื่มเพื่อให้ตัวเองได้หลับลง ใครจะมาสนใจล่ะ?
    No one even has to know
    ไม่มีใครจำเป็นต้องรู้
    I'm dealing with it on my own
    ว่าผมรับมือกับสิ่งนี้อยู่คนเดียว


              แล้วคืนค่ำนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่มีวันหลับใหลได้อีก
              ...ตลอดกาล

    01.

              ผมนั่งฟังเพลงริมหาดทราย ในยามค่ำคืนกับท้องฟ้าสีหมองมนเหมือนกับหัวใจของผม
             ผมไม่ชอบการมาค่ายเท่าไหร่ แต่ค่อนข้างชอบทะเลพอสมควร เสียงคลื่นมันชวนให้สงบใจอย่างประหลาด และบรรยากาศที่ไร้สรรพเสียงมันช่วยเยี่ยวยาผมจากความเจ็บปวดที่ทับถมอยู่ในอกให้เบาบางลงได้

            ผมคิดถึงก้อย...

           ตั้งแต่คืนวันนั้นที่ผมไม่สามารถหลับได้ ศักยภาพที่ไม่อนุญาตให้เจ้าของมีความฝันได้ ผมเกลียดมัน ทุกคืนวันผ่านไปอย่างยาวนานเหมือนพยายามบีบบังคับให้ผมจมไปกับความโดดเดี่ยว จนวันที่ผมได้พบกับเธอ
          “รู้ปะว่ามีคนแอบชอบอะ”
         เป็นประโยคง่ายๆ ...แต่นั่นแหละ

         มันใช้ได้ผลเสมอ กับคนโง่ๆอย่างผม


    I've got way too much time to be this hurt
    ผมมีเวลามากเกินไปที่จะเจ็บขนาดนี้
    Somebody help, it's getting worse
    ใครก็ได้ช่วยผมที มันเริ่มจะแย่ลงทุกครา
    What do you do with a broken heart?
    เวลาอกหักคนเขาทำอะไรกัน
    Once the light fades, everything is dark
    ครั้งหนึ่งที่แสงไฟจางหายไป ทุกอย่างกลับมามืดมิด


           “พวกเขามีสิทธิที่จะรู้ ว่ามีสัตว์ประหลาดอย่างพวกแกอยู่บนโลก”
           ก้อยถือมีดคัดเตอร์ไว้ในมือ ผมรู้สึกได้ว่าสายตาของเธอเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นก้อยที่ผมไม่รู้จัก
           “ไหนเธอบอกว่า..เธอลาออกจากชมรมแล้วไง”
           ผมสับสน แล้วเสียงก็สั่นเครือ
           “ที่ผ่านมาเธอโกหกเราเหรอ?”
           ที่บอกว่าชอบ ที่ทำดีให้กัน ที่อยู่ด้วยกันในทุกคืนที่ผ่านมา หรือแม้แต่วันนั้นที่เราสบตากันท่ามกลางสีน้ำเงินในสระว่ายน้ำ
           ผมเอื้อมมือเข้าไปหาเธอ ค่อยๆสัมผัสมือเล็กๆที่ถือคัดเตอร์อยู่
           ผมเชื่อใจเธอ 

          “ขอโทษนะ กร”

    Every thought's when it gets late
    ความคิดทุกอย่างผ่านเข้ามาเมื่อยามเริ่มดึก
    Put me in a fragile state
    เป็นผมที่ตกอยู่ในสภาพแสนเปราะบาง

           ผมเจ็บ
           ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่เป็นหัวใจ

            ผมคงลืมไป..
            ความรู้สึกของคนเรา มันไม่เท่ากันอยู่แล้ว

    02.

    I'm done, I don't believe in love
    ผมพอแล้ว ผมไม่เชื่อในความรักอีกแล้ว
    Learning how to let it go
    ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยมันไป
    Dealing with it on my own
    และรับมือกับมันได้ด้วยตัวเอง


            “เฮ้ย! มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้อะ”
            ผมสะดุ้งเล็กน้อย ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้ที่ติ เสียงของอีกฝ่ายดังพอที่จะทะลุผ่านหูฟังมาที่หูของผม
            ร่างของมณปรากฏขึ้นภายใต้แสงสลัวของพระจันทร์ อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แม้ในความเป็นจริงศักยภาพของเธอไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่
           “แกนั่นแหละ ดึกแล้ว..ทำไมยังไม่นอน” ผมถาม
           “ก็...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยอะ”
           อีกฝ่ายตอบห้วนๆตามแบบฉบับของตัวเอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆผมโดยไม่ขออนุญาต มณมองไปทางทะเลที่มืดมิดเสียจนไม่เห็นอีกฟากฝั่ง ไกลโพ้นเสียจนเหมือนเป็นเส้นขอบโลก
           รอบๆพวกเราเงียบสนิท ผมมองไปทางเธอแต่ก็อับจนคำพูด เราไม่ค่อยคุยพูดกันมากหนักตั้งแต่ที่ผมพบศักยภาพของตัวเองหรืออาจเป็นตอนที่เธอมีปัญหากับคนในชมรม ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่น่าแปลกที่การนั่งข้างๆมณไม่ทำให้อืดอัดเหมือนคนอื่นๆ อย่างตอนที่นั่งคู่กันบนรถบัส เราต่างก็เงียบใส่กัน คงเพราะทั้งผมและเธอต่างก็พูดไม่เก่งกันทั้งคู่
           “ฟังเพลงอะไรออ?”
           มณถามเพื่อทำลายความเงียบ ถึงน้ำเสียงมันออกจะแข็งๆไปหน่อยก็เถอะ แต่มันทำเอาผมนิ่งไปนิดนึง อาจคงเพราะไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมานานจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
           “…เพลง Malibu Nights ...ของ LANY”
           “ออ....ขอฟังได้ปะ?”
           ผมถอดหูฟังของตัวเองให้มณสวมแล้วเริ่มเปิดเพลงที่ฟังใหม่อีกรอบ อีกฝ่ายดูตั้งใจฟังอย่างไม่น่าเชื่อ เธอลูบตาลงเหมือนกำลังใช้เวลาถอดความบทเพลง
          
           ผ่านไปสักพักหยดน้ำใสก็ไหล่ออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้น
           “..มณ?”

          ร้องไห้...?

          “..โทษที เพลงมันเศร้าอะ”
          มณรีบซับน้ำตา ก่อนจะปกปิดความเศร้านั่นด้วยรอยยิ้มฝืดๆ
         “แกเกลียดเราไหม?”
         มณถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับเสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่ง
          “…ทำไมอะ?”
          “เราถามว่า..เกลียดเราไหม?”
          “ก็...ไม่นะ เราไม่เกลียดแกหรอก”
          “…เหรอ”
          มณส่งเสียงอ่อน ซุกหน้าลงในท่ากอดเข่า ท่าทางแบบนั้นไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ ทำเอาผมแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นบรรยาการแบบนี้ของมณ
          “แล้ว...แกเคยเกลียดตัวเองปะ?”
          ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเราอีกครั้ง
          “อืม ...เคยสิ”

         ตลอดเวลาเลยแหละ

         “แกเกลียดตัวเองเหรอ?” ผมถาม
        “…เราแค่ ไม่รู้ว่าจะมีศักยภาพไปทำไมถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนอะ เพื่อนที่ชมรมเรา มันก็เดือดร้อนเพราะเรา”
        เสียงของมณสั่นอีกแล้ว ผมรู้สึกถึงน้ำตาของเธอจากน้ำเสียงนั้น
        “...แล้วตอนที่พวกนั้นคลุ้มคลั่ง มันบอกว่าเกลียดเรา แม้แต่...เพื่อนที่เรารักที่สุด ที่บอกว่ารักเรา...”
        “…”
         ผมได้ยินเสียงสะอื้นปะปนมากับเสียงของมณ มันเป็นสถานการณ์น่าอึดอัดที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
         ผมค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังที่สั่นไหวเพราะน้ำตา มณดูตัวเล็กขึ้นมาทันที     
         นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายเปราะบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของมณที่เคยดูแข็งแกร่งหนักแน่นกลับสั่นไหว เธอนั่งด้วยท่ากอดเข่าราวกับเด็กทารกที่ขดอยู่ในท้องแม่ ผิวเนื้อนุ่มนิ่มนั้นเหมือนโหยหาความอบอุ่นท่ามกลางความเย็นยะเยือกจากลมทะเล

         อยากกอดจัง

         ผมหยุดความคิดนั้นไว้ แล้วค่อยๆเลื่อนมือที่คอยลูบหลังเปลี่ยนเป็นศีรษะแทน มือของผมสัมผัสลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของมณ ทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนเด็กตัวน้อยๆจริงๆ

        สุดท้ายแล้วมณก็ร้องไห้จนเผลอหลับซบลงบนไหล่ของผม ผมจึงจัดท่าให้มณมานอนตักผมแทน
        แปลกที่วันนี้มีพระจันทร์และดวงดาวส่องแสงอัดแน่นเต็มท้องฟ้า มันสวยงามและสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ผ่านไปอีกวัน ต่างกันตรงที่...
          ผมไม่ได้ข้ามผ่านมันไปเพียงลำพัง

    03.

    NOTE : 
    ตอนนี้เป็นตอนพิเศษเล็กๆของกรกับมณค่ะ เป็นคู่ที่เราแอบชิปมานานแต่ไม่มีโมเมนท์เลย กรเองก็นกแล้วนกแล้วอีก อยากให้น้องมีคู่บ้าง 
    ด้วยความที่ว่าทั้งกรและมณต่างก็เป็นคนที่ไม่ชอบศักยภาพของตัวเองทั้งคู่เลยน่าจะเข้าใจกันและกันมากที่สุด อีกส่วนหนึ่งเพราะเฟียตกับปุยเมฆมีเคมีบางอย่างที่พอยืนคู่กันแล้วดูเข้ากันดี.

    ส่วนเพลงที่ใช้ประกอบในฟิคเรื่องนี้คือเพลง Malibu Nights ของ LANY ค่ะ 
    ขอบคุณบทแปลเพลงจาก YOUR BASIC TRASH หรือ คุณ spooky goldfish (@lucasvapor) ค่ะ
    อ่านเพลงแปลเต็มๆได้ที่ : http://minimore.com/b/ADPmW/68

    เป็นช่วงตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ที่เรากำลังเขียนฟิคแปงเวฟนี่แหละ อยู่ๆก็เจอเพลงนี้ขึ้นมาในฟีด ในเอ็มวีเป็นทะเลที่มีเสียงคลืนเล็กๆ บวกกับเสียงเปียโนและเนื้อเพลงเศร้าๆ ทำให้คิดถึงกรขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าเพลงนี้เหมือนกรเลย เลยเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน oneshot ตอนนี้ค่ะ
    อยากให้ลองเปิดไปด้วยระหว่างอ่านนะคะ .

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
luckmepeach (@luckmepeach)
เพลงเศร้าจริงค่ะ แสบสันถึงทรวงมาก
aasai_ (@aasai_)
สงสารกรร กรสู้ๆน่ะ
mintoey (@mintoey)
อ่านสองตอนต่อกันเลยอ่ะ ขอเม้นรวบเลยละกันคือมันดีมากอ่ะ ชอบการพัฒนาความสัมพันธ์ของเวฟแปงที่แบบโคตรอบอุ่น เหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงอาทิตย์ยามเย็นอ่ะ ชอบเวลาเวฟยิ้มแล้วแปงใจสั่น ชอบที่แปงเป็นคนเดียวที่ทำให้เวฟยิ้มได้ ชอบที่เวฟชอบรอยยิ้มของแปง มันดีมาก แบบโคตรอุ่นใจ ตอนมณกรก็ดีมาก เหมือนคนเหงา คนผิดหวังมาเจอกัน ก็มักจะเข้าใจกัน อยากให้กรมีคนที่รักจริงๆสักที มณก็เหมือนกัน ไม่เคยคิดมาก่อน แต่พอได้อ่านที่เธอแต่งก็แอบเชียร์นะ กรสู้ๆ