There's no reason, there's no rhyme
มันไม่มีเหตุผล ไม่มีจังหวะ
I found myself blindsided by
ผมค้นพบว่าตัวเองถูกโจมตีด้วย
A feeling that I've never known
ความรู้สึกที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ผมได้ยินเพลงนี้ดังแว่วเข้ามาในหัว มันเป็นวันที่ชมรมการแสดงเปิดแสดงที่โรงละครและเป็นวันที่แคลร์พูดสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุด
“กร... แกบอกใช่ไหม...ว่าให้ฉันยอมรับความจริงของตัวเองอะ”
“…อืม”
ความกลัวปรากฏขึ้นในใจผม ผมพอเดาได้ว่าแคลร์จะพูดอะไรต่อ ผมได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่เกิดขึ้น และสิ่งนั้นจะไม่ออกมาจากปากของเธอ
ถ้าเธอพูดมันออกมา ...ทุกอย่างที่ทำมาจนถึงตอนนี้มันจะจบลง
“แล้วแกจะรับได้ไหม? ถ้าฉันบอกว่า ...ฉันเห็นแกเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”
ไม่ ...ใครมันจะรับได้กันล่ะ
“ที่จริง..ฉันรู้ตั้งนานแล้วแหละ ว่าแกชอบฉัน แต่ฉันก็พยายามหนีมาตลอดเพราะกลัวจะเสียเพื่อนดีๆอย่างแกไป”
ฉันก็กลัวจะเสียแกไปเหมือนกัน
“แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันควรจะยอมรับทุกอย่างแล้วก็ชัดเจนกับมัน”
ไม่หรอก แกไม่จำเป็นต้องชัดเจนเลย
ผมรู้ดีว่าเธอคงไม่ชอบผม แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผมแล้วแค่แคลร์ปล่อยให้มันคลุมเครือแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็พอ มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของผมเอง เพื่อที่ผมจะได้มีข้ออ้างในการอยู่เคียงข้างเธอ..ในฐานะเพื่อนหรือฐานะอะไรก็ได้ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ได้
แต่วันนี้มันจบแล้ว...
“ขอโทษนะ...ที่เป็นแบบที่แกต้องการไม่ได้”
ไม่จริงเลยแคลร์…ไม่ว่าแกในตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม
แกคือแคลร์ในแบบที่ฉันต้องการเสมอ
I'm dealing with it on my own
ผมรับมือกับมันด้วยตัวคนเดียว
Phone is quiet, walls are bare
เสียงโทรศัพท์ที่เงียบหาย ผนังห้องที่ว่างเปล่า
I drink myself to sleep, who cares?
ผมดื่มเพื่อให้ตัวเองได้หลับลง ใครจะมาสนใจล่ะ?
No one even has to know
ไม่มีใครจำเป็นต้องรู้
I'm dealing with it on my own
ว่าผมรับมือกับสิ่งนี้อยู่คนเดียว
แล้วคืนค่ำนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่มีวันหลับใหลได้อีก
...ตลอดกาล
ผมนั่งฟังเพลงริมหาดทราย ในยามค่ำคืนกับท้องฟ้าสีหมองมนเหมือนกับหัวใจของผม
ผมไม่ชอบการมาค่ายเท่าไหร่ แต่ค่อนข้างชอบทะเลพอสมควร เสียงคลื่นมันชวนให้สงบใจอย่างประหลาด และบรรยากาศที่ไร้สรรพเสียงมันช่วยเยี่ยวยาผมจากความเจ็บปวดที่ทับถมอยู่ในอกให้เบาบางลงได้
ผมคิดถึงก้อย...
ตั้งแต่คืนวันนั้นที่ผมไม่สามารถหลับได้ ศักยภาพที่ไม่อนุญาตให้เจ้าของมีความฝันได้ ผมเกลียดมัน ทุกคืนวันผ่านไปอย่างยาวนานเหมือนพยายามบีบบังคับให้ผมจมไปกับความโดดเดี่ยว จนวันที่ผมได้พบกับเธอ
“รู้ปะว่ามีคนแอบชอบอะ”
เป็นประโยคง่ายๆ ...แต่นั่นแหละ
มันใช้ได้ผลเสมอ กับคนโง่ๆอย่างผม
I've got way too much time to be this hurt
ผมมีเวลามากเกินไปที่จะเจ็บขนาดนี้
Somebody help, it's getting worse
ใครก็ได้ช่วยผมที มันเริ่มจะแย่ลงทุกครา
What do you do with a broken heart?
เวลาอกหักคนเขาทำอะไรกัน
Once the light fades, everything is dark
ครั้งหนึ่งที่แสงไฟจางหายไป ทุกอย่างกลับมามืดมิด
“พวกเขามีสิทธิที่จะรู้ ว่ามี
สัตว์ประหลาดอย่างพวกแกอยู่บนโลก”
ก้อยถือมีดคัดเตอร์ไว้ในมือ ผมรู้สึกได้ว่าสายตาของเธอเปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นก้อยที่ผมไม่รู้จัก
“ไหนเธอบอกว่า..เธอลาออกจากชมรมแล้วไง”
ผมสับสน แล้วเสียงก็สั่นเครือ
“ที่ผ่านมาเธอโกหกเราเหรอ?”
ที่บอกว่าชอบ ที่ทำดีให้กัน ที่อยู่ด้วยกันในทุกคืนที่ผ่านมา หรือแม้แต่วันนั้นที่เราสบตากันท่ามกลางสีน้ำเงินในสระว่ายน้ำ
ผมเอื้อมมือเข้าไปหาเธอ ค่อยๆสัมผัสมือเล็กๆที่ถือคัดเตอร์อยู่
ผมเชื่อใจเธอ
“ขอโทษนะ กร”
Every thought's when it gets late
ความคิดทุกอย่างผ่านเข้ามาเมื่อยามเริ่มดึก
Put me in a fragile state
เป็นผมที่ตกอยู่ในสภาพแสนเปราะบาง
ผมเจ็บ
ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่เป็นหัวใจ
ผมคงลืมไป..
ความรู้สึกของคนเรา มันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
02.
I'm done, I don't believe in love
ผมพอแล้ว ผมไม่เชื่อในความรักอีกแล้ว
Learning how to let it go
ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยมันไป
Dealing with it on my own
และรับมือกับมันได้ด้วยตัวเอง
“เฮ้ย! มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้อะ”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้ที่ติ เสียงของอีกฝ่ายดังพอที่จะทะลุผ่านหูฟังมาที่หูของผม
ร่างของมณปรากฏขึ้นภายใต้แสงสลัวของพระจันทร์ อีกฝ่ายยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แม้ในความเป็นจริงศักยภาพของเธอไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่
“แกนั่นแหละ ดึกแล้ว..ทำไมยังไม่นอน” ผมถาม
“ก็...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยอะ”
อีกฝ่ายตอบห้วนๆตามแบบฉบับของตัวเอง ก่อนจะนั่งลงข้างๆผมโดยไม่ขออนุญาต มณมองไปทางทะเลที่มืดมิดเสียจนไม่เห็นอีกฟากฝั่ง ไกลโพ้นเสียจนเหมือนเป็นเส้นขอบโลก
รอบๆพวกเราเงียบสนิท ผมมองไปทางเธอแต่ก็อับจนคำพูด เราไม่ค่อยคุยพูดกันมากหนักตั้งแต่ที่ผมพบศักยภาพของตัวเองหรืออาจเป็นตอนที่เธอมีปัญหากับคนในชมรม ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่น่าแปลกที่การนั่งข้างๆมณไม่ทำให้อืดอัดเหมือนคนอื่นๆ อย่างตอนที่นั่งคู่กันบนรถบัส เราต่างก็เงียบใส่กัน คงเพราะทั้งผมและเธอต่างก็พูดไม่เก่งกันทั้งคู่
“ฟังเพลงอะไรออ?”
มณถามเพื่อทำลายความเงียบ ถึงน้ำเสียงมันออกจะแข็งๆไปหน่อยก็เถอะ แต่มันทำเอาผมนิ่งไปนิดนึง อาจคงเพราะไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมานานจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
“…เพลง Malibu Nights ...ของ LANY”
“ออ....ขอฟังได้ปะ?”
ผมถอดหูฟังของตัวเองให้มณสวมแล้วเริ่มเปิดเพลงที่ฟังใหม่อีกรอบ อีกฝ่ายดูตั้งใจฟังอย่างไม่น่าเชื่อ เธอลูบตาลงเหมือนกำลังใช้เวลาถอดความบทเพลง
ผ่านไปสักพักหยดน้ำใสก็ไหล่ออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้น
“..มณ?”
ร้องไห้...?
“..โทษที เพลงมันเศร้าอะ”
มณรีบซับน้ำตา ก่อนจะปกปิดความเศร้านั่นด้วยรอยยิ้มฝืดๆ
“แกเกลียดเราไหม?”
มณถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับเสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่ง
“…ทำไมอะ?”
“เราถามว่า..เกลียดเราไหม?”
“ก็...ไม่นะ เราไม่เกลียดแกหรอก”
“…เหรอ”
มณส่งเสียงอ่อน ซุกหน้าลงในท่ากอดเข่า ท่าทางแบบนั้นไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ ทำเอาผมแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นบรรยาการแบบนี้ของมณ
“แล้ว...แกเคยเกลียดตัวเองปะ?”
ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเราอีกครั้ง
“อืม ...เคยสิ”
ตลอดเวลาเลยแหละ
“แกเกลียดตัวเองเหรอ?” ผมถาม
“…เราแค่ ไม่รู้ว่าจะมีศักยภาพไปทำไมถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อนอะ เพื่อนที่ชมรมเรา มันก็เดือดร้อนเพราะเรา”
เสียงของมณสั่นอีกแล้ว ผมรู้สึกถึงน้ำตาของเธอจากน้ำเสียงนั้น
“...แล้วตอนที่พวกนั้นคลุ้มคลั่ง มันบอกว่าเกลียดเรา แม้แต่...เพื่อนที่เรารักที่สุด ที่บอกว่ารักเรา...”
“…”
ผมได้ยินเสียงสะอื้นปะปนมากับเสียงของมณ มันเป็นสถานการณ์น่าอึดอัดที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
ผมค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังที่สั่นไหวเพราะน้ำตา มณดูตัวเล็กขึ้นมาทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายเปราะบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของมณที่เคยดูแข็งแกร่งหนักแน่นกลับสั่นไหว เธอนั่งด้วยท่ากอดเข่าราวกับเด็กทารกที่ขดอยู่ในท้องแม่ ผิวเนื้อนุ่มนิ่มนั้นเหมือนโหยหาความอบอุ่นท่ามกลางความเย็นยะเยือกจากลมทะเล
อยากกอดจัง
ผมหยุดความคิดนั้นไว้ แล้วค่อยๆเลื่อนมือที่คอยลูบหลังเปลี่ยนเป็นศีรษะแทน มือของผมสัมผัสลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มของมณ ทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนเด็กตัวน้อยๆจริงๆ
สุดท้ายแล้วมณก็ร้องไห้จนเผลอหลับซบลงบนไหล่ของผม ผมจึงจัดท่าให้มณมานอนตักผมแทน
แปลกที่วันนี้มีพระจันทร์และดวงดาวส่องแสงอัดแน่นเต็มท้องฟ้า มันสวยงามและสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่ผ่านไปอีกวัน ต่างกันตรงที่...
ผมไม่ได้ข้ามผ่านมันไปเพียงลำพัง
03.
NOTE :
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษเล็กๆของกรกับมณค่ะ เป็นคู่ที่เราแอบชิปมานานแต่ไม่มีโมเมนท์เลย กรเองก็นกแล้วนกแล้วอีก อยากให้น้องมีคู่บ้าง
ด้วยความที่ว่าทั้งกรและมณต่างก็เป็นคนที่ไม่ชอบศักยภาพของตัวเองทั้งคู่เลยน่าจะเข้าใจกันและกันมากที่สุด อีกส่วนหนึ่งเพราะเฟียตกับปุยเมฆมีเคมีบางอย่างที่พอยืนคู่กันแล้วดูเข้ากันดี.
ส่วนเพลงที่ใช้ประกอบในฟิคเรื่องนี้คือเพลง
Malibu Nights ของ
LANY ค่ะ
เป็นช่วงตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ที่เรากำลังเขียนฟิคแปงเวฟนี่แหละ อยู่ๆก็เจอเพลงนี้ขึ้นมาในฟีด ในเอ็มวีเป็นทะเลที่มีเสียงคลืนเล็กๆ บวกกับเสียงเปียโนและเนื้อเพลงเศร้าๆ ทำให้คิดถึงกรขึ้นมา แล้วรู้สึกว่าเพลงนี้เหมือนกรเลย เลยเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน oneshot ตอนนี้ค่ะ
อยากให้ลองเปิดไปด้วยระหว่างอ่านนะคะ .
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in