เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOU / MELIPDA
ONEDAY : DATE (the end)
  •          ผมค่อนข้างตื่นเต้น ตอนนี้ใจสั่นระรัวไปหมด ผมไม่เคยมีแฟน จึงไม่รู้ว่าการเดทจริงๆเป็นยังไง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย
            หลังจากที่พวกเราคบกันมาสักพัก ผมกับเวฟก็ออกไปเที่ยวเล่นกับพวกโอมน้ำตาลบ้าง ผมแอบดีใจที่เวฟเริ่มจะเข้ากับคนอื่นๆได้บ้างแล้ว เรื่องคือผมรวบรวมความกล้าที่จะขออีกฝ่ายเดทด้วยทำคำพูดเชยๆว่า “เราน่าจะออกไปเที่ยวด้วยกันสองคนบ้างนะ” ตอนที่พวกผมไปเที่ยวสวนสนุกกับกลุ่มเด็กกิฟต์ เวฟที่กำลังทานไอศครีมวานิลาก็ตอบตกลงด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “อืม...ไปสิ”
             ผมคิดอย่างหนักว่าจะพาเขาไปที่ไหน ไม่อยากให้เดทแรกน่าเบื่อ แต่จะดูหนังกับกินข้าวกันก็ธรรมดาเกินไป เพราะเวฟเองก็ไม่ใช่พวกชอบดูหนังขนาดนั้น เลยจบลงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ผมคิดว่ามันโรแมนติกดี แล้วมันก็เหมาะกับคนรักสงบอย่างเวฟ แต่เอาเข้าจริงผมเองก็ไม่ค่อยชอบสถานที่ที่มีผู้คนพลุ่งพล่านเสียงดังเหมือนกัน
             ผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ทำให้มาก่อนเวลานัดถึงชั่วโมงกว่าๆ ผมนั่งเล่นเกมในมือถือเพื่อฆ่าเวลาเพราะเป็นช่วงเช้าทำให้ยิ่งไม่มีคน บรรยากาศจึงเงียบสงบจนน่ากลัว
             “มาเร็วดีนะ”
             ผมเงยหน้าขึ้นมาตามเสียง พบกับเวฟในเสื้อคอปกสีน้ำเงินและกางเกงขายาวสีขาว เจ้าตัวสะพายกระเป๋าเป้สีดำเล็กๆ เป็นการแต่งกายที่ดูน่ารักเข้ากับเวฟดีจนผมเผลอจ้องเขาอยู่นาน
            “เป็นอะไร มองอยู่ได้” เวฟพูดขึ้นเมื่อเห็นผมจ้องมากๆเข้า
            “ก็...มึงน่ารักดี” ผมว่าเขินๆ
            “แหวะ ไปกันได้แหละ”
            “คร๊าบๆ”
            ผมรีบลุกขึ้นแล้วตามไปเดินเคียงอีกฝ่าย สังเกตเห็นว่าเวฟแอบหน้าแดงหน่อยๆ ผมเผลอยิ้มบรรยากาศรอบข้างปกคลุมไปด้วยสีน้ำเงิน ปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่ายไปตามคลื่นน้ำ แสงสะท้อนของเกลียวคลื่นที่สั่นไหวตกกระทบที่ใบหน้าของเวฟ
            สวยงามเหมือนวันนั้นเลย..

    รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
    ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่
    เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว

    01.

            “มาเช้าจังนะ ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนี่” เวฟพูดเสียงเรียบในระหว่างที่พวกเรากำลังเดินเล่นไปตามทาง
           “มึงก็เหมือนกันปะ ถึงจะมาช้ากว่ากุ… แต่ก็มาเร็วกว่าเวลานัดตั้งเยอะ ถือว่าเจ๊ากันเนอะ” ผมพูดไปยิ้มไป
            ทางเดินค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็เริ่มมีผู้คนปะปลาย ผมกับเวฟเดินไปเรื่อยเปื่อย ดื่มด่ำกับบรรยากาศนิ่งสงบรอบข้าง ฝูงปลานับพันที่เริงระบำอยู่รอบตัวราวกับหมู่ดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ผมแอบมองไปทางอีกฝ่าย เวฟจ้องมองเหล่าปลาเล็กปลาน้อยอย่างสนอกสนใจ ดวงตาใสกระจ่างเหมือนทารกแรกเกิดนั่นทำผมแอบอมยิ้มทุกที
             “จะว่าไปแล้ว...กุชอบมึงตั้งแต่เมื่อไหร่นะ” อยู่ๆผมก็บ่นพึมพำออกมา เวฟที่จ้องมองฝูงปลาหันหน้ามามองผม
            “นั่นดิ ...ทำไมมึงถึงชอบกุวะ?” เวฟถามน้ำเสียงฉงน แต่แววตามีความคาดหวังบางอย่างซ่อนอยู่
            “...ไม่รู้สิ อาจจะตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกมั่ง แบบ..ตอนกุเดินชนมึง ..งี้?”
            “บ้าปะ? กุทำมึงล้มหน้าแหกขนาดนั้น มึงจะชอบกุได้ไง?”
            “ไม่รู้ดิ สงสัยกุชอบโดนทำร้ายมั่ง” ผมหัวเราะเล็กๆ
            “โรคจิตนะมึง”
            เวฟทำหน้าเหมือนผิดหวังในคำตอบ เขาหันไปมองปลาในกระจกอีกครั้ง ผมจึงค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ กระซิบบอกเขาที่ข้างหู
           “ถึงกุจะไม่รู้ว่าชอบมึงตั้งแต่เมื่อไหร่อะนะ ...แต่ตอนนี้ กุรู้ว่ากุชอบมึงนะ”
           เวฟรีบหันควับ หน้าของเขาขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด สีแดงแต่งแต้มไปจนถึงใบหู เขาส่งสายตาลอกแลกเหมือนร้อนรน ผมชอบแกล้งเขา เพราะสีหน้ากระวนกระวายของเวฟมันน่ารักดี
           “เพ้อเจ้อ..” เวฟหันหน้าหนี
           “อาฮะ...ว่าแต่ มึงจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้ด้วยเหรอ? ดีใจจัง”
            เวฟนิ่งไปสักพัก อีกฝ่ายเหลือบตามองมาทางผม ก่อนจะค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ
           “..ก็ต้องจำได้ดิ ก็มึง...ก็เป็นมึงนี่ ทำไมจะจำไม่ได้”
            อีกฝ่ายพูดตะกุตะกัก แต่คราวนี้กลับเป็นผมที่หน้าร้อนเสียเอง ผมทำเป็นไอกลบเกลื่อนความเขิน เกาคอแก้เก้อ แต่อีกฝ่ายคงมองออกแน่ๆ

    หรือจะเป็นในตอนที่คุณต้องนอนเสียใจ
    หรือว่าตอนที่เราต้องไกล
    มันทำผมได้รู้ว่าคิดถึงแต่คุณ

    02.

            หลังจากเดินชมปลามาเรื่อยๆ เราก็มาหยุดพักกันที่ศูนย์อาหาร เวฟบอกผมว่าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ผมเองก็เหมือนกัน เราเลยตัดสินใจทานไอศกรีมโคนกินเล่นกันไปก่อน ของผมเป็นช็อกโกแลต ส่วนของเวฟเป็นวานิลา
             เราเดินกันต่อโดยมีไอศกรีมอยู่ในมือ เวฟกินมันอย่างรวดเร็วจนมีคราบวานิลาติดที่ริมปาก ผมจึงเอื้อมมือไปเช็คปากให้อีกฝ่าย
             “เปื้อนแล้ว” ผมพูด เวฟเองก็ยืนนิ่งให้ผมเช็คปากให้
             พอคิดถึงสมัยก่อน คิดว่าเวฟคงไม่ยอมให้ผมทำแบบนี้ ช่วงที่คบกันใหม่ๆก็เหมือนกัน แต่พอหลังๆเหมือนเจ้าตัวเริ่มชินกับนิสัยขี้ใส่ใจของผม เลยไม่ได้ว่าอะไร อันที่จริงเวฟก็เป็นคนช่างเอาใจใส่เหมือนกันและค่อนข้างอ่อนไหวด้วย แม้จะไม่ได้แสดงออกมาตรงๆ แต่ผมก็ดูออกว่าเขาแคร์คนรอบข้างแค่ไหน  
              ตั้งแต่ที่เริ่มเป็นเพื่อนกับคนอื่นๆในห้องกิฟต์ เวฟก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก บรรยากาศตึงเครียดรอบตัวเขาเบาบางลง ยิ้มและหัวเราะมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบหวงเหมือนกัน ที่มีคนเห็นมุมน่ารักของเขาแบบนี้ ทั้งที่ผมเป็นคนค้นพบมันแท้ๆ
              เราเดินมาจนถึงมุมที่มีพวกสัตว์น้ำตัวเล็กๆ มีม้าน้ำตัวกระจ้อยร่อยว่ายดุกดิกเป็นฝูงในตู้ปลาทรงสี่เหลี่ยม เวฟนั่งยองก้มลงจ้องมองการเคลื่อนไหวของพวกมัน ผมก็เช่นกัน
              “มึงรู้ปะ? เขาบอกว่าม้าน้ำตัวผู้มันจะอุ้มท้องให้ตัวเมียด้วยนะ” ผมพูด
             “รู้ดิ กุเคยเรียน”
             “โฮ มึงตัดบทแบบนี้ ไม่โรแมนติกเลย”
             เวฟแอบขำเมื่อเห็นผมทำท่างอแง อีกฝ่ายดึงแก้มผมจนยืดก่อนจะบอกว่า “งอนอะไรของมึง” พอผมร้องโอ๊ยสักพักเวฟก็ปล่อยมือ เจ้าตัวหัวเราะ ใบหน้าและน้ำเสียงที่ทำผมใจสั่นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
             “เออ แล้วมึงรู้ปะ ว่าม้าน้ำมันจะมีคู่ชีวิตตัวเดียวไปตลอดเลยนะ”
             “แล้ว..?” เวฟหันมาทางผมด้วยความสนอกสนใจ
            “ถ้าคู่มันตาย มันก็จะไม่หาคู่ใหม่ด้วย”
            ผมยิ้ม จ้องมองเขา เวฟก็มองมาทางผมเช่นกัน เราสบตากันแค่แวบเดียวทว่าเนินนานในความรู้สึก
            “กุก็จะเป็นม้าน้ำให้มึงนะ”
            “จะท้องแทนกุ?”
            “ไม่ใช่สิ โถ...มึงแม่งขัดจังหวะโรแมนติกตลอดเลย”
             ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ส่งสายตาจริงจัง เวฟนิ่งไปชั่วขณะเมื่อประจันสายตากับผม
            “กุหมายถึง...กุจะมีแค่มึงคนเดียวนะ ตลอดไปเลย
            เวฟเบิกตากว้างเล็กน้อยเหมือนไม่คาดฝันมาก่อน เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหลือเกิน ดวงตาคู่นั้นฉายแววความสุขแต่ก็มีความรู้สึกอื่นปนอยู่ด้วย
            “กุไม่ขออะไรยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก”
            เวฟพูดเสียงค่อย เขาหันกลับไปมองฝูงม้าน้ำตัวน้อยเหล่านั้น
           “จริงๆ...กุขอแค่ได้อยู่กับมึงตอนนี้ก็พอ”
           เขาแตะนิ้วมือเล็กๆเข้ากับกระจกใส ฝูงม้าน้ำสะดุ้งตกใจแล้วแหวกน้ำหนีไปทางอื่น
            “แต่พอมึงพูดแบบนั้น มันทำให้กุโลภขึ้นมา”
            “อยู่กับกุ มึงจะโลภแค่ไหนก็ได้นะ” ผมยิ้ม
            “มึงแม่งทำกุนิสัยเสีย”
            เวฟซบหัวลงที่ไหล่ของผม อิงแอบแนบเคียงเหมือนแมวที่อ้อนขอสัมผัสจากเจ้าของ เส้นผมของเขาชวนให้รู้สึกจักจี้

            ผมรักเขาจัง...

    คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ
    เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้
    ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว

    03.

            ช่วงบ่ายเราออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ มาหาอาหารกลางวันทานกันด้านนอก เราจบลงที่ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆแต่บรรยากาศค่อนข้างดีร้านหนึ่ง ผมสั่งกระเพาะไก่กับชาดำเย็น ส่วนเวฟเป็นผัดซีอิ้ว เรานั่งทานอาหารแล้วพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย อากาศภายนอกค่อนข้างร้อนทีเดียว
            “ไปไหนกันต่อดี?” เวฟถาม
            “แล้วมึงอยากไปไหนล่ะ?”
            “ไม่รู้ดิ คิดไม่ออก ปกติก็ไม่ได้ออกมาข้างนอกบ่อยๆอยู่แล้ว”
            “มึงไม่ชอบออกมาข้างนอกเหรอ?”
            “ก็เปล่า ...แต่เมื่อก่อนไม่มีคนพาออกมาข้างนอก แบบนี้”
             ผมคิดถึงเรื่องที่เวฟเคยเล่าให้ฟัง เพราะต้องอยู่คุณปู่คุณย่า ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเหมือนเด็กคนอื่นๆ ถึงเขาจะชอบอยู่คนเดียวแต่ก็คงเหงาน่าดู
            “เดี๋ยวคราวหน้ากุจะพามาเที่ยวอีกเยอะๆๆๆๆเลย”
            “แค่นี้ก็เยอะแล้ว” เวฟยิ้มน้อยๆ
             หลังจากทานข้าว พวกเราพากันไปเดินเตร็ดเตร่ไปตามสวนสาธารณะ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสั่นไหวไปตามแรงลมพัด แสงอาทิตย์ลอดผ่านเหล่ากิ่งก้านใบตกกระทบเป็นแสงเงาระยับบนพื้นหญ้า มีกลุ่มนักวิ่งที่ย่างเท้าอยู่ปะปลายสวนทางพวกเราไป มีฝูงนกพิราบเกาะกลุ่มกัน บางก็พากันบิน เวฟดูชอบบรรยากาศแบบนี้พอสมควร
             โชคดีที่แดดเริ่มเบาบางลงเพราะกลุ่มก้อนเมฆที่ลอยเข้าหาปกคลุมดวงตะวัน มีกลุ่มนักปั่นที่ขับเคลื่อนจักรยานไปตามทาง ทำให้ผมเริ่มคิดอะไรดีๆออกแล้ว
            “เช่าจักรยานขี่กันไหม?” ผมเอ่ยถาม
            “ตามใจสิ ดีเหมือนกัน นี่ก็เดินจนเมื่อยแล้ว”
            ไม่พูดเปล่า ผมกับเวฟเดินไปจนถึงจุดเช่าจักรยาน ผมอาสาเป็นคนปั่นโดยมีเวฟซ้อนท้าย ผมขี่จักรยานไปตามเส้นทางในสวนสาธารณะ สายลมปะทะกับใบหน้า เวฟเกาะชายเสื้อผมไว้ไม่ปล่อย เราพากันไปทั่วทุกที่ในสวน ผ่านต้นไม้นับร้อยพันต้น ผ่านลำน้ำมากมายหลายสาย ผ่านสถานเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นเด็กและเหล่าคนตัวเล็กที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ผ่านน้ำพุที่อยู่ใจกลางสวน มีกลุ่มนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงไร้เนื้อเรื่อง เราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แค่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านตัวเรา
            รู้ตัวอีกทีมือที่เกาะชายเสื้อของผมก็เปลี่ยนมาเป็นโอบเอวแทนไปแล้ว

    ลืมเรื่องราวที่ได้เคยบอบช้ำ
    ทิ้งมันแล้วโยนมันไปไกล
    แล้วในวันพรุ่งนี้ก็จะมีแค่เพียงเรา
    ไม่มีใครต้องเหงา และไม่มีใครต้องเศร้า
    สองเราเดินเคียงกันไป

    04.

            และแล้ววันนี้ก็จบลงที่ห้องของผม เพราะอยู่ๆกลุ่มเมฆที่ล้อมดวงอาทิตย์ก็รวมตัวกันเป็นเมฆฝน ก่อนที่ความมืดเย็นยะเยือกจะเข้าเยือนเพราะสายฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า เวฟนอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียงฟู่ ส่วนผมนอนหงายเพื่อจะเล่นเกมในมือถือให้ถนัดมือ เราซื้อข้าวกล่องมากินกันในห้อง ช่วยกันล้างจานก่อนจะมานอนเกลือกกลิ้งกันบนเตียงอย่างคนขี้เกียจ ส่วนเจ้าพีชลูกแมวตัวนิ่มที่รู้ตัวอีกทีก็ตัวโตเท่าแขนผมแล้ว กำลังนอนห้าวอยู่บนหน้าท้องของผม
              “วันนี้...สนุกดีนะ” อยู่ๆเวฟก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงแผ่วเบาบาง
             “อืม กุก็เหมือนกัน”
             ผมหันไปยิ้มตอบ แต่กลับพบคนที่นอนสลบไม่ได้สติเพราะความอ่อนล้าอยู่ข้างๆ หัวเวฟอิงข้างอยู่กับหมอนนิ่ม อีกฝ่ายหลับใหลอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ผมเอื้อมไปสัมผัสศีรษะนั้นแผ่วเบา ก่อนจะจุมพิตลงบนปอยผมนุ่ม 
             “ฝันดีนะครับ”

    ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ
    ว่าจะรักแค่คุณ ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น
    นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณ
    ก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว

    05.    
    THE END.

    NOTE / ปัมฉิมลิขิต :
    เพลงที่ใช้ในตอนนี้คือเพลง แค่คุณ ของ Musketeers ค่ะ แต่คิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วเนอะ ตอนแรกที่เขียนตอนจบไม่ได้นึกถึงเพลงนี้ แต่เพราะคุณหมอปุณเมฆ(หรือมณของเรา)ทำโคเวอร์เพลงนี้กับกลุ่มเพื่อนคณะแพทย์ฯของหมอค่ะ ชื่อวง MOMMY SAID THAT ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับตอนนี้ ไปฟังกันเยอะๆนะคะ 
    ตอนนี้เป็นตอนจบเลยใช้เวลาเขียนนานพอสมควร หวังว่าทุกคนจะสนุกกับฟิคชั่นเรื่องนี้นะคะ ขอโทษที่ช่วงหลังๆไม่ได้อัพอย่างต่อเนื่องเพราะว่ากิจกรรมช่วงเปิดเทอมเยอะมากๆจริงๆค่ะ(หัวเราะ) แล้วต้องเตรียมตัวทำพอร์ตยื่นเข้ามหา'ลัยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ เป็นฟิคเรื่องแรกของเราด้วย ดีใจมากๆค่ะที่มีคนชอบมันขนาดนี้ ขอบคุณมากนะคะ

    PS. ถ้าติดมศว.จะมาเขียนฟิคตอนพิเศษของแปงเวฟและชานนท์ปอมนะคะ (ขอบนไว้หน่อย) เป็นกำลังใจในเราด้วยค่ะ สวดมนต์ในเราด้วยนะคะ(หัวเราะ)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
MONNY (@monnybesideyou)
NOTE : ตอนนี้เราเปลี่ยนแอคเคาท์ใหม่แล้วนะคะ มีข้อผิดพลาดทำไมไม่สามารถใช้แอคเคาท์เดิมได้
ฟิคกับนิยามเรื่องใหม่ๆจะอัพลงที่แอคนี้ .
http://minimore.com/b/bIYJe
aasai_ (@aasai_)
จบแล้วว เป็นตอนจบ ละมุน มากก นั่งอ่านไปยิ้มไป ยังไงก็ สู้ๆ น่ะค่ะ ขอให้สอบติดตามที่หวังง