พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ท้องฟ้ากำลังจะมืดทว่ายังมีแสงยามเย็นสีนวลอ่อน ผมกับเวฟนั่งปูเสื่อมองดวงตะวันที่กำลังลาลับขอบฟ้าไป เป็นเหตุการณ์หลังจากที่พวกผมบอกครูปอมเรื่องลูกแมวตัวนั้น ตอนแรกๆแอบกลัวว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เอามันกลับกรุงเทพฯ แต่ครูปอมบอกว่าถ้าพวกเราดูแลมันได้ก็ไม่ว่าอะไร โอมกับน้ำตาลแอบสงสัยว่าผมเอาลูกแมวมาจากไหนแล้วทำไมถึงไปกับเวฟได้ ผมได้แต่ตอบปัดๆไป
พอเจ้าแมวหลับไปไม่รู้อะไรดลใจให้ผมชวนเวฟไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน มันเหมือนอยู่ๆปากก็พูดออกไปโดยไม่ทันคิด เวฟลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะตอบตกลงด้วยการบอกสั้นๆว่า “...ก็ได้” แอบดีใจที่เจ้าตัวไม่ได้ถามเหตุผลที่ผมชวน เพราะผมเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน
หลังจากลองสังเกตไม่นาน ผมค้นพบว่าเวฟมีลักษณะเหมือนแมวเลย ทั้งนิสัยที่แสดงออกตรงข้ามกับความคิด ทั้งนิสัยที่ชอบที่แคบหรือมืดอย่างหลังห้องเรียนหรือการตั้งเต็นท์ใต้ต้นมะพร้าว ทั้งการไม่ชอบสบตากับใครนานๆ หรือแม้แต่นิสัยชอบอยู่ตัวคนเดียวทว่าลึกๆแล้วกลับหงอยเหงาและโหยหาใครสักคน
ผมแอบเหลือบมองไปทางเวฟเล็กน้อย เห็นใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย เป็นจังหวะเดียวกับที่เวฟเหลือบตามามองผมพอดี
“…”
“…”
พวกเราสบตากันเนินนาน แต่สุดท้ายเป็นเวฟที่เป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน เจ้าตัวก้มหน้า ทั้งใบหน้าโดยเฉพาะใบหูแดงระเรือ
ผมยังคงจ้องมองอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น เวฟมองมาแล้วยังเห็นผมที่จ้องอยู่ เลยหลบตากลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้เหมือนหูจะแดงกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด
จนรู้สึกอยากจะลองจับขึ้นมาเลย...
“เชี่ย ทำไรว่ะ!"
ไม่ทันได้รู้ตัว ผมก็เอื้อมมือไปแตะใบหูเล็กๆก็อีกฝ่าย เวฟสะดุ้งเฮือกรีบปัดมือของผมอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวจับไปที่ใบหูข้างที่โดยผมแตะเหมือนระแวดระวัง ก่อนจะส่งสายตาเหมือนแมวขู่มาทางผม
“เฮ้ยๆ กุไม่ตั้งใจ ...”
“แม่ง....”
เวฟซุกหน้ากอดเขาเหมือนพยายามปกป้องตัวเองสุดชีวิต ผมพยายามเบี่ยงตัวเข้าไปใกล้ แต่อีกฝ่ายก็ขยับหนี
“เฮ้ย เวฟ..”
“ไม่ต้องเลย”
เวฟส่งเสียงอู้อี้
“...ไม่คุยด้วยแล้ว”
ให้ตายสิ
แม่งโคตรน่ารักเลย
“เวฟฟฟฟ!”
“เออๆ! อยากเสียงดังสิว่ะ”
เวฟรีบพุ่งตัวออกจากเต็นท์เพื่อปิดปากผมด้วยความเร็ว ผมรีบคว้ามือข้างนั้นไว้กันไม่ให้อีกคนหนีผมไปอีก เวฟเห็นอย่างนั้นจึงพยายามดึงมือกลับแต่ก็สู้แรงผมไม่ได้
“ปล่อยดิ”
“ถ้าปล่อย มึงก็หนีกุไปอีกดิ มึงยกโทษให้กุก่อน”
เวฟนิ่งไปสักพัก มือของผมยังคงกุมมืออีกฝ่ายไว้อยู่ สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมือข้างนั้น
“...เออๆ ปล่อยกุได้แล้ว”
เมื่อเวฟว่าอย่างนั้น ผมจึงค่อยๆปล่อยมือจากอีกฝ่าย ได้ยินเสียงเวฟถอดหายใจ
“หายโกรธกุแล้วนะ”
“กุไม่ได้โกรธ...ก็แค่ไม่ชอบ”
เวฟส่งเสียงอ่อน มองต่ำไม่กล้าสบตา
อา น่ารักจริงๆด้วย
“กุไม่สบายใจอะ ถ้ามึงโกรธกุ” ผมบอก
“…อืม”
ถึงฟ้าจะมืดแล้ว แต่ผมก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายแต่งแต้มสีแดงอยู่จางๆ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าช่วงนี้เหมือนเวฟจะเขินบ่อยเป็นพิเศษ ถ้ามีคนมาเห็นท่าทางแบบนี้ของเวฟ...ก็แย่สิ
“เออ...กุกลับไปเต็นท์ตัวเองก่อนนะ”
“อืมๆ”
ผมลุกขึ้นปัดทรายเล็กน้อย ก่อนจะถูกมือเล็กๆนั่นคว้าไว้
“..แปง”
“...?”
“ฝันดี”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็รีบหนีเข้าเต็นท์ไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมที่ยังประมวลผลไม่เสร็จดีอยู่ข้างนอก แล้วเมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว...
หัวใจของผมก็อ่อนยวบยาบและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเหมือนเกิดแผ่นดินไหว เหมือนมีเฮอริเคนซัดโถมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนแทบจะเสียหลักล้ม
ทั้งคืนนั้นผมนอนไม่หลับเลย…
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in