เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fan fic ตัวร้ายอย่างข้าจะหนีเอาตัวรอดอย่างไรดี]impuniltd
Stair
  • เสียงรองเท้ากระทบบันไดดังกังวานแทรกแทงความเงียบที่ครอบคลุม  แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ย้อมทั้งบริเวณให้เป็นสีแดง


    เงาของเขาทอดยาว บิดเบี้ยวตามขั้นบันได


    ลั่วปิงเหอเดินขึ้นบันไดไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอ


    นายเหนือหัวของเขาให้เขาไปรับคำสั่งในห้องทำงานบนสุดของขั้นบันไดนั้น ผู้ที่ไม่อาจแตะต้องได้ยอมเรียกใช้เขา เขาย่อมไม่กล้าให้ท่านผู้นั้นรอจึงมาก่อนเวลานัดมากโข


    เสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ของเขาดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมอง ณ จุดสูงสุดของบันไดวน ร่างหนึ่งเดินออกจากห้องทำงานของนายท่าน ฝีเท้าหนักราวกับจะระบายความหงุดหงิด


    เขายกยิ้มมุมปากเมื่อใครคนนั้นเดินใกล้เข้ามาในครรลองสายตามากขึ้นทุกที


    สายตาจับจ้องร่างนั้นอย่างไม่วางตา ความพึงพอใจฉายชัดจนน่าอึดอัดไม่ต่างจากสุนัขจรจัดมองชิ้นเนื้อ 


    คล้ายจะรับรู้ถึงสายตานั้น ร่างที่อยู่บนจุดสิ้นสุดของบันไดที่ทอดยาวมองลงมาขณะที่ก้าวลงทีละขั้น



    ใต้แสงสีแดงและเงา ใบหน้าของเสิ่นจิ่วแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง


    ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าสองคู่ก้าวเดินด้วยจังหวะที่ต่างกัน ผสานกันเป็นทำนองแปลกประหลาด

    ยิ่งเข้าใกล้ร่างของเสิ่นจิ่ว สีหน้าลั่วปิงเหอยิ่งแสดงถึงความสุขมากขึ้นเท่านั้น ราวสัตว์ป่าหิวโซพบเหยื่อมาเข้าใกล้ หัวใจของเขายินดีเสียจนบ้าคลั่ง ประสาทสัมผัสของเขาตื่นตัวด้วยความตื่นเต้นพร้อมตะปบเหยื่อ


    ยิ่งเข้าใกล้ สายตาของลั่วปิงเหอยิ่งส่องประกายแรงกล้า สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเบื้องบน จนคนถูกมองคล้ายถูกกดให้หายใจไม่ออก 


    เสิ่นจิ่วเสหน้าหลีกเลี่ยงสายตานั้นเมื่อเริ่มเห็นโครงหน้าอีกฝ่ายชัดเจน


    แม้จะอยู่สูงกว่าแต่กลับไม่สามารถทนต่อสิ่งที่อยู่ในแววตานั้นได้เลย ความรู้สึกไร้พลังทุกก้าวที่เดินลงมาทำให้นึกอยากผลักอีกฝ่ายให้ลงไปตายเสีย


    ลั่วปิงเหอมองออกถึงความคิดนั้น เขาหัวเราะ เสียงนั้นสะท้อนไปตามผนังราวกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ


    นานแค่ไหนกันที่เฝ้าเงยหน้ามองซือจุนของเขาเช่นนี้ ไล่ตามให้ได้อยู่จุดเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ผู้น่าเลื่อมใสกลับหลอกลวงหักหลังลูกศิษย์ตัวเองมานับไม่ถ้วน ครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่มีผู้ใดกล้ามาขอให้รับเป็นลูกศิษย์ ทั้งหมดเพื่อรักษาสถานะอันดับหนึ่งของตัวเองกับท่านผู้นั้นตลอดไป เพียงเพื่อให้ถูกเขาแทนที่ด้วยคำสั่งจากปากนายท่านเอง


    ช่างน่าสมเพชเสียจริง


    เขาไม่ใช่แม้แต่คนแรกที่เสิ่นจิ่วฆ่าเพราะขวางทางด้วยซ้ำ ตำแหน่งนั้นเป็นของใครสักคนที่ป่านนี้คงเหลือแต่กระดูกไปแล้ว


    เขาเป็นคนแรกที่นักฆ่าอันดับหนึ่งฆ่าของบริษัทไม่สำเร็จ


    รู้ตัวอีกที เขากับเสิ่นจิ่วก็อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ขั้น เพราะส่วนสูงเขามากกว่าจึงอยู่ในระดับศีรษะเดียวกับคนที่ไล่ตามมาตลอดได้ไม่ยาก


    เสิ่นจิ่วดูเหมือนจะสังเกตเห็นเช่นกันว่าพวกเขาอยู่ในระดับสายตาที่เท่ากัน เผลอสบตาโดยไม่ตั้งใจกับสายตาที่จ้องมาราวกับไฟ เผาไหม้รุนแรงเสียจนเหลือเพียงเถ้ากระดูกเปลือยเปล่าและวิญญาณที่ว่างกลวงจนเสิ่นจิ่วไม่อาจอยู่เฉยต่อไปได้  


    “ขวางทางไม่ให้ลงหรือไง” เขาถามอย่างไม่สบอารมณ์

    “ท่าทางอารมณ์เสียเชียวนะครับ” ลั่วปิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    เสิ่นจิ่วไม่มองหน้าเขา ราวกับเห็นเขาเป็นเพียงมดปลวกน่ารำคาญตัวหนึ่ง เดินอ้อมหมายจะผ่านเขาไป

    ลั่วปิงเหอไม่อาจยอมให้เป็นแบบนั้น จริงไหม

    “ขวางหรือ ผมจะทำให้คุณลงไปถึงพื้นโดยไม่มีวันได้กลับขึ้นมาต่างหาก”


    ร่างของเสิ่นจิ่วหยุดนิ่งระหว่างกำลังจะก้าวเท้าลงจากขั้นที่ลั่วปิงเหอยืนอยู่ แสงจากหน้าต่างบานใหญ่ส่องเข้ามา เงาของพวกเขาที่อยู่บนขั้นเดียวกันคล้ายจะผสาน


    เสิ่นจิ่วสบตากับเขาตรงๆเป็นคร้้งแรกของวัน เขายิ้ม


    “คืนนี้เจอกันที่ห้องผมเวลาเดิมนะครับ”


    สิ้นเสียงนั้น เสียงฝีก้าวดังไกลออกไปเรื่อยๆจากการได้ยินของเสิ่นจิ่ว รู้ตัวอีกที ร่างสูงของลั่วปิงเหอได้หายไปแล้ว


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in