ภวัตขยับปกคอเสื้อขึ้นลงเพื่อระบายความร้อนเป็นรอบที่สิบของวันแม้จะมีกระแสลมพัดเอื่อยๆมาเป็นระยะแต่ความร้อนของไอแดดในยามบ่ายก็ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอยู่พอสมควร
แต่บรรยากาศแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานอดิเรกของใครบางคน
ภวัตทอดตามองร่างสมส่วนของหนุ่มรุ่นพี่ในชุด‘ผีพี่เมษ’แบบเต็มยศเดินสะพายกล้องตัวเก่งของเจ้าตัวถ่ายภาพตามมุมต่างๆของวัดที่ใช้ถ่ายทำในวันนี้ ปากเรียวบางยกยิ้มสดใสทุกครั้งเมื่อกดชัทเตอร์ได้ภาพถูกใจบางครั้งบางทีก็หันไปเสวนาเรื่องเลนส์และการจัดแสงกับพี่ๆทีมงานที่กำลังเซ็ทฉากอยู่แถวๆนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเป็นประกายเมื่อได้คุยกับคนคอเดียวกัน เสียงหัวเราะใสๆของเจ้าตัวยามได้ฟังเรื่องตลกชวนหัวราวกับมีมนต์สะกดให้ผู้ได้ยินพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย
โดยไม่รู้ตัว ขายาวทั้งสองข้างก็พาเอาร่างสูงของภวัตฝ่าแดดร้อนมายืนซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่าที่ขณะนี้เลิกคุยกับทีมงานแต่หันไปคุยกับเจ้าหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตขนปุยที่วัดเลี้ยงไว้ซะแล้ว
“ชื่ออะไรล่ะเราอ่ะ”
“ไปถามหมาหมามันจะตอบได้ไหมเนี่ยพี่”
ปราชญาหันขวับมามองค้อนเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ตัวสูงใหญ่เกินเด็กอย่างขัดใจนอกจากร่างสูงจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่ากำลังเข้ามาทำลายบรรยากาศอันสุนทรีในการถ่ายภาพของเขาแล้วเจ้าตัวยังส่งรอยยิ้มทะเล้นๆมาให้อีกต่างหาก
รุ่นพี่ร่างเล็กยื่นปากอย่างไม่ชอบใจแต่แล้วประกายตาก็สว่างวาบ เรียวปากบางกระตุกยิ้มร้ายราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ใบหน้าคมสวยหันกลับไปมองเจ้าโกลเด้นที่กำลังนอนแลบลิ้นไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ไม่ตอบแบบนี้แปลว่ายังไม่มีชื่อใช่ป่ะงั้นชื่อโอมแล้วกันเนอะ”
“เฮ้ย!แบบนี้ก็ได้หรอพี่”
“ทำไมอ่ะ?ก็น้องมันหน้าเหมือนโอม ก็ชื่อเดียวกันไปเลย”
“หมาหน้าเหมือนผมเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่หมาหน้าเหมือนโอมโอมนั่นแหละหน้าเหมือนหมา นิสัยก็เหมือนหมา เฮ้ย!”
ปราชญาร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆคนร่างสูงก็รั้งเอวเขาไปกอด จากด้านหลังหนุ่มรุ่นพี่สะดุ้งเฮือกหลังโดนฟันคมของน้องตัวโตขบเข้าเบาๆที่ลาดไหล่
“ไอ้โอม!ทำอะไรวะ!”
ภวัตหัวเราะในลำคอนึกเอ็นดูคนพี่ที่ตกใจจนเผลอพูดหยาบ สองแขนออกแรงกอดรัดเอวบางมากขึ้นด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะดิ้นหนีไปเสียก่อนเขายิ้มทะเล้น วางคางบนไหล่คนด้านหน้าที่เพิ่งจะฝังเขี้ยวตัวเองลงไปหมาดๆ
“ก็ทดลองเป็นหมาไงหมาวัยกำลังคันเหงือกด้วย ต้องหาอะไรกัด”
“โอม!”
ปราชญาหันไปส่งสายตาดุๆให้รุ่นน้องตัวแสบลืมนึกไปว่าเมื่ออีกฝ่ายเกยคางไว้กับไหล่ตัวเองนั้นใบหน้าของคนตัวโตก็ย่อมอยู่ชิดใกล้จนแทบหายใจรดกัน
“!”
ไม่รู้ต้องโทษที่จมูกเขาโด่งเกินไปหรือเป็นเพราะรุ่นน้องตัวแสบขยับมาชิดใกล้กันเกินไปจมูกเจ้ากรรมเลยทะลึ่งเข้าไปชนแก้มอีกฝ่ายเข้าเต็มรัก ชะงักกันไปทั้งคู่ ก่อนปราชญาจะเป็นฝ่ายขยับหนีออกจากวงแขนของคนน้องอย่างทุลักทุเลนัยน์ตาสีน้ำตาลเสไปชมนกชมไม้ มองไปที่ไหนก็ได้ในวัดที่ไม่ใช่เจ้าเด็กยักษ์ที่ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ตรงนั้น
เผลอไปเห็นพี่ๆทีมงานสองสามคนที่หันมามองทางนี้พร้อมส่งยิ้มล้อๆมาให้ก็พอจะรู้แล้วว่ามีบางคนร่วมเป็น‘สักขีพยาน’ ใน ‘อุบัติเหตุ’ ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นนอกการถ่ายทำเลย
ปราชญารู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันใดรู้แน่แก่ใจว่าอาการนี้ไม่เกี่ยวกับอากาศร้อนๆของประเทศไทยแน่นอน..
“พี่สิง”เสียงภวัตเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนแต่รุ่นพี่หนุ่มยังไม่กล้าหันไปมอง
“พี่สิง”ภวัตเรียกอีกครั้ง คราวนี้เขาดึงมือเรียวสวยข้างหนึ่งมากุมไว้อย่างนุ่มนวล “ไปนั่งในร่มกันเหอะพี่ยืนตรงนี้มันร้อน เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ครั้นหันมาสบตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของหนุ่มรุ่นน้องอาการขัดเขินก็เหมือนจะถูกชะล้างหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงไออุ่นจางๆในอกซ้ายปราชญากระชับฝ่ามืออีกฝ่าย พยักพเยิดให้คนตัวโตเป็นฝ่ายเดินนำ สุดท้ายเลยลงไปนั่งเหยียดขาหลบร้อนกันตรงลานกระเบื้องที่มีหลังคาบังแดดบังฝนอันเป็นระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวโบสถ์
ลมที่พัดมาเอื่อยๆควบรวมกับพื้นกระเบื้องทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นทันตาปราชญาเอนหลังพิงราวระเบียงเตี้ยๆ นั่งเหยียดขาไปด้านหน้า วางกล้องไว้ข้างตัวพออากาศเริ่มดีหนังตาก็เริ่มหย่อน เตรียมดำดิ่งเข้าสู่สภาวะทิ้งตัว..
ภวัตหันมองคนข้างกายด้วยความทึ่งยังไม่ทันไรคนตัวเล็กกว่าก็เข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อย นอนได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนลูกแมวจริงๆ
รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าเด็กหนุ่มเขาควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง รู้สึกว่าภาพตรงหน้าน่ารักจนอยากจะบันทึกภาพเก็บไว้
แชะ!
เสียงชัทเตอร์ไม่ดังเท่าไหร่แต่ก็เพียงพอให้คนรู้สึกตัวง่ายอย่างปราชญาลืมตาตื่นแค่เห็นมือถือที่ยื่นมาตรงหน้าก็รู้ทันทีว่าถูกแอบถ่ายอีกแล้ว
ภวัตหัวเราะขบขันให้กับใบหน้าบึ้งตึงของคนที่ถูกขัดจังหวะเวลานอนเขาขยับมือหนีได้ท่วงทีเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะขโมยมือถือเขาไปลบภาพ
“ลบเลยนะ”
“ลบทำไมพี่น่ารักดีออก”
ได้รางวัลจากคำชมอีกฝ่ายว่าน่ารักเป็นการมองค้อนพร้อมคว่ำปากภวัตหัวเราะจนตาหยี เก็บมือถือพลางเอ่ยปลอบประโลมรุ่นพี่ที่ยังคงอารมณ์ขุ่นมัว“ไม่เอา อย่าทำหน้าเป็นมีมสิ มานอนต่อเถอะ ผมไม่แกล้งแล้ว”
ปราชญาหรี่ตามองรุ่นน้องตัวโตอย่างไม่เชื่อถือ
“เออน่าผมไม่แกล้งแล้วจริงๆ”
ได้ยินเสียงเน้นย้ำเป็นครั้งที่สองหนุ่มรุ่นพี่จึงเริ่มวางใจ ขยับตัวจะกลับไปนอนท่าเดิม
“นอนท่านั้นมันเมื่อยนะพี่นอนตักผมดีกว่าไหม”
ปราชญาชะงักงันมองหาท่าทีล้อเล่นจากอีกฝ่ายแต่ไม่พบ
“แล้วเราจะไม่เมื่อยเหรอ?”
“สบายอยู่แล้วผมนั่งให้พี่นอนตักได้ทั้งวันแหละ” ภวัตเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้รุ่นพี่หนุ่ม
ปราชญาช่างใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆขยับตัวลงไปนอนหนุนตักของคนตัวโต พอนอนหงายก็เห็นสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาให้รู้สึกวูบวาบในอกสุดท้ายเลยเปลี่ยนไปนอนตะแคงหันหน้าออกไปทางปลายเท้าอีกฝ่าย ยกมือขึ้นปิดหน้า บอกกับตัวเองว่าที่ทำอยู่เพื่อกันแสงแยงตาไม่ใช่เพื่อปิดบังความขัดเขินใดๆ
ภวัตไม่ได้แอบถ่ายตามที่สัญญากันไว้จริงๆ
แม้รอดพ้นจากมือหนุ่มรุ่นน้องแต่ก็ยังไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือทีมงานในกองถ่าย!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in