“สิง ห้ามขยับเลยนะไม่เอาโต้ตอบนะ”
เสียงพี่ออฟผู้กำกับเอ่ยเตือนพี่สิงโตอีกครั้งก่อนถ่ายทำจริงผมเหม่อมองรุ่นพี่ร่างเล็กตรงหน้าด้วยความประหม่าอุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจกับซีนนี้ไว้แล้ว แต่พอจะถ่ายจริงก็ยังอดเขินไม่ได้
ในขณะที่ผมหายใจไม่ทั่วท้องพี่สิงกลับนั่งทำอารมณ์ชิลๆ ก็รู้ว่าพี่เขาผ่านฉากแนวนี้มาพอสมควรแต่ไม่คิดจะเขินอายกันบ้างเลยเหรอคนเรา
“แอคชั่น!”
กล้องเริ่มเดิน ผมค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงใจเต้นตึกตัก ผมมองปากเล็กๆช่างเจื้อยแจ้วนั่นไม่วางตา อดคิดไม่ได้ว่ามันจะหวานเหมือนเสียงพี่เขารึเปล่า..
เอียงหน้า ปรับองศา หลับตาลงก่อนจะแนบจูบลงไปกับปากพี่จูบเบาๆที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรัก ทะนุถนอมและให้เกรียติในแบบที่ธันมีต่อพี่เมษ
จูบของพี่เมษนุ่มนวลเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าแต่จูบของพี่สิงร้อนแรงเหมือนดวงอาทิตย์ยามบ่าย ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ..เพราะพี่เขาบดจูบกลับมาน่ะสิ!
ผมใจกระตุก ยังไม่อยากถอยแต่ต้องเล่นไปตามบท ผมผละจากจูบของเราอย่างเชื่องช้า อ้อยอิ่ง รู้สึกว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้เมื่อได้เห็นท่าทีขัดเขินของคุณสิงโตปราชญา
“ผมไม่ให้พี่ไปไหนแล้วนะ”
“นอนไปเลย!”
ประโยคนี้ไม่มีในบทซักหน่อย แล้วการหลบสายตาผมแบบนั้นมันคืออะไรครับพี่สิงถึงจะรู้ว่าเขาเล่นตามคาแรคเตอร์แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าท่าทางแบบนี้มัน... น่ารัก
ผมยิ้มเอ็นดูกุมมือพี่เขามาไว้แนบอกซ้าย ไม่แน่ใจนักว่าที่ทำอยู่เพราะอินกับคาแรคเตอร์หรือใจมันเรียกร้องให้ทำ
ล้มตัวนอนลงบนเตียง ยังไม่ลืมบีบกระชับมือของเราที่จับกันไว้แน่นส่งยิ้มให้พี่เขาอีกทีก่อนจะหลับตา
“คัท! โอเค ผ่าน”
ผมลืมตาลุกขึ้นนั่ง พี่สิงยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ได้ทำท่าเขินเหมือนเดิมแล้ว เขาพยายามจะดึงมือออกจากอุ้งมือผม แต่ผมยื้อไว้แน่นเจ้าตัวเลยส่งสายตาดุๆมาให้เป็นรางวัลหนึ่งทีแต่ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายเหมือนพี่เขาจะรู้ว่าผมไม่ปล่อยแน่ๆเลยเปลี่ยนเป็นจูงมือผมพาไปเช็คผลงานที่หน้าจอมอนิเตอร์แทน
“เฮ้ยสิง! เมื่อกี้แอบขยับปากนี่หว่า”อยู่ๆพี่ออฟก็พูดขึ้นมาเมื่อหน้าจอมอนิเตอร์เล่นไปจนถึงฉากที่ธันกับเมษปากสัมผัสกัน สายตาทุกคู่ละจากจอย้ายไปมองหน้าคนตัวเล็กข้างๆผมแทน
“จริงหรอพี่สิงไม่รู้ตัวเลยนะ” แก้ตัวพร้อมทำหน้าใสซื่อ แต่แววตานี่พราวระยับเชียวแหละ
หืมม หรือว่าจูบเมื่อกี้คือตั้งใจ?
พี่ออฟหรี่ตามองคนตัวแสบที่แท้จริงของกองอย่างจับผิด“ใช้หน้าที่การงานในทางไม่ชอบนะเราอ่ะ”
พี่สิงหัวเราะร่วนนอกจากไม่ได้ดูเขินอายแล้วยังผ่อนคลายเหมือนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศอีกต่างหากเชื่อแล้วว่าพี่เขาไม่ได้ใสๆเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก
“จะถ่ายใหม่ไหมล่ะพี่ผมพร้อมนะ”
เดี๋ยว! เอาจริงดิ?
ผมหันขวับไปมองคนข้างตัว ตอนพระเจ้าสร้างพี่ขึ้นมาเขาลืมใส่ต่อมความเขินอายลงไปเหรอวะครับ!
แต่ถ่ายใหม่ก็ดีนะ..
“ไม่ต้องหรอกแบบนี้ก็ดีแล้ว”
โดนพี่ออฟดับฝันครับ บอกได้เลยว่าเห็นสภาพตัวเองหูลู่หางตกเป็นหมาหงอยขึ้นมาทันทีแล้วทำไมผมต้องรู้สึกเสียดายด้วย
พี่สิงคุยอะไรกับพี่ออฟอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินหนีไปนั่งพักบนเตียงรอเข้าฉากต่อไปผมเดินตามไปนั่งข้างๆ
“พี่ไม่รู้สึกเขินบ้างเหรอ”
“เขินอะไร”
“ก็พวกฉากกุ๊กกิ๊กไรเงี้ยไม่เคยเขินจริงบ้างเลยเหรอ” เนี่ย ขนาดพูดเองยังรู้สึกเขินเองเลยนะแต่พี่สิงส่ายหน้าใส่
“ไม่นะก็มันคืองานอ่ะ ทำไมเราต้องเขินเวลาทำงาน”
โกหก โกหกแน่ๆไม่มีหรอกคนที่จะไม่เคยเขินกับฉากถึงเนื้อถึงตัว..
“หรือเราเขินที่พี่จูบเมื่อกี้?”คนตัวเล็กถามขึ้นมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ผมใจสั่น
ใบ้กินไปชั่วขณะ ทั้งๆที่คนตรงหน้าก็ตัวเล็กกว่าแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อที่ถูกเจ้าป่าต้อนให้จนมุม ผมใจเต้นแรงแต่ไม่คิดจะหลบสายตาร้อนแรงคู่นั้น
“แล้วถ้ามีคนจูบพี่นอกเวลางานพี่จะเขินป่ะ”
“ทำไม?อยากรู้ไหมล่ะ?” เจ้าตัวถามกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ผมแปลได้ว่า ‘อยากรู้ว่าเขินรึเปล่าก็ลองดูสิ’
จู่ๆความรู้สึกอยากเอาชนะก็พุ่งขึ้นมาอย่างน้อยถ้าเขาเห็นผมเป็นเหยื่อ ก็อยากให้เขาได้จดจำไว้ว่าเหยื่อคนนี้สู้กับเจ้าป่าอย่างเขาได้สมน้ำสมเนื้อที่สุด
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้แบบไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัวทุกครั้งที่เราเล่นกันแบบนี้ ผมจะเป็นฝ่ายหยุดแล้วถอยห่างออกมาก่อนจะโดนปากจริงเสมอแต่คราวนี้ไม่ใช่..
“!”
พี่สิงผงะถอยทันทีที่ปากเราทั้งคู่แตะกันมือทั้งสองข้างของรุ่นพี่ดันอกผมให้ถอยห่างออกไป คนตัวเล็กกว่าอ้าปากค้างเขาเบิ่งตาลูกกวางของเขามองผมอย่างตกใจแต่ไม่มีร่องรอยความโกรธบนใบหน้านั้น
เขาคงไม่คิดว่าผมจะทำจริง
ผมยิ้มอย่างน้อยก็ได้เห็นปฏิกิริยาที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘เขินของจริง’ ของรุ่นพี่คนนี้แล้ว
“ผมว่าผมรู้คำตอบแล้วครับ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in