คำว่ากิ๊กเริ่มมีใช้อย่างแพร่หลายในสังคมไทยจนเป็นที่เข้าใจร่วมกันว่าหมายถึงการคบซ้อน มีภาวะนอกใจ มีคนใหม่ในขณะที่คนเก่ายังมีอยู่เป็นตัวเป็นตน โดยกิ๊กนั้นจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เก้ง กวาง ชะนีครับ ไม่ได้จะมีเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่จะมีสถานะเป็นกิ๊กได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้มีใครเคยทำการศึกษาวิจัยจนได้ข้อมูลมาก่อนเลยครับว่าสัดส่วนของกิ๊กแต่ละประเภทมีสัดส่วนเป็นกี่เปอร์เซนต์บ้าง กิ๊กแบบไหนมีมากที่สุด จนถึงการวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกว่าทำไมคนเราจะต้องมีกิ๊กกันด้วย แม้กระทั่งการศึกษาเปรียบเทียบความสุขและอายุขัยเฉลี่ยระหว่างคนมีกิ๊กกับคนที่ไม่มีกิ๊ก อยากจะให้มหาวิทยาลัยในประเทศไทยรับหัวข้อพวกนี้ไปทำวิจัยกันดูเพราะน่าจะได้คำตอบที่น่าสนใจมากๆทีเดียวและอาจช่วยแก้ปัญหาสังคมได้
เท่าที่มีการศึกษาวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับสรีระวิทยาและชีวเคมีของความรักเราสามารถอธิบายได้ว่าการตกหลุมรักและการมีความสัมพันธ์กันระหว่างคนสองคนนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการทางธรรมชาติที่เป็นองค์ประกอบของแรงกระตุ้นจากภายนอกไปสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกายเพื่อหวังผลให้มีเพศสัมพันธ์และถ่ายทอดเผ่าพันธ์ของมนุษย์ต่อไปเ
การเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของคนแต่ละคู่นั้น จะต้องมีเหตุอะไรบางอย่างให้คนสองคนมาพบเจอกันแล้วมาปิ๊งกันจนอยากจะพูดคุยสานสัมพันธ์ ขอเบอร์โทร ขอไลน์ ขอเฟส กัน ซึ่งในขั้นตอนที่เราพบเจอใครแล้วจะปิ๊งกันนี่รู้กันมั้ยครับว่าเราใช้เวลาเฉลี่ยเท่าไหร่ที่จากเห็นแล้วจะปิ๊งใครคนนั้นที่ได้เจอ...
90 วินาที ถึง 4 นาทีครับ !!!!
แถมเมื่อศึกษาเจาะลึกไปว่าที่เราปิ๊งใครสักคนนี่เราไปปิ๊งเขาจากตรงไหนกัน ผลก็พบว่า
55% ดูจากหน้าตาและท่าทางที่แสดงออก
38% เป็นน้ำเสียงและท่วงทำนองในการพูด
จะมีเพียงแค่ 7% เท่านั้นที่ปิ๊งกันจากเนื้อหาเรื่องที่พูดคุย
เมื่อเห็นข้อมูลเป็นแบบนี้ก็บอกเคล็ดลับการมีเสน่ห์ได้เลยว่าเราควรต้องมีการแต่งตัวที่ดี ดูดีมีสไตล์ มีกิริยาท่าทางที่ดูดีและเมื่อถึงเวลาจะเข้าไปพูดคุยแล้วคนที่มีเสียงพูดที่ดี พูดเป็นจังหวะจะโคนที่ดี จะมีความได้เปรียบอย่างมาก คงเป็นแบบนี้มั๊งครับที่ทำให้ชายเจ้าชู้ดูมีภาษีดีกว่าผู้ชายทั่วไปเพราะชายเจ้าชู้มักจะแต่งตัวดี มีบุคลิกที่ดี แถมยังรู้วิธีการพูดอย่างถูกจังหวะจะโคน แถมมีโบนัสจากการรู้จักหาเรื่องมาพูดคุยได้อย่างถูกใจคู่สนทนาด้วยครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in