ไม่ช้า ฝนจะเทลงมา และอากาศในยามค่ำคืนจะหนาวเหน็บอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สมบัติที่ฉันเพียรหามาด้วยน้ำแรงก็ยังถูกเพ่งเล็งอีกหรือ เจสซีพึมพำ ส่วนผู้นำสารจากดินแดนอันไกลโพ้นกลับไหวไหล่ไม่ยี่หระ อย่างสุขุม สะบัดมือเพียงนิด จดหมายจึงป่นหายไปพร้อมกับละอองสีฟ้าจากปลายนิ้ว ก่อนดรักส์จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของ Sweven C. อย่างที่เคย เป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาดังเดิม เขาจึงหอบหิ้วตัวตนไปภัตตาคารริมน้ำเจ้าพระยาของพี่สาวอย่างหมดห่วง เพื่อพบความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการไม่เจอใครบางคน ณ ตำแหน่งเดิมไปตลอดคืน
ด้วยเหตุนั้น ในตอนสายของวันรุ่นขึ้น เจสซีจึงบึ่งคาร์ดิแลคสีฟ้าอ่อนปี 1959 หลังเลิกลากับงานทั้งหมด ถอยเธอออกจากลานจอดฝุ่นเขรอะ สู่จุดมุ่งหมายอย่างทาวน์โฮมหลังงาม
เพียงเพื่อจะพบว่าไม่มีใครอยู่อีกครั้ง
กระทั่งหูของเขาได้ยินเสียงย่ำเท้าจากหลังบ้านจึงได้เดินลัดเลาะไปรายทาง ด้วยความหวังอันน้อยนิด ก่อนแสงจ้าของเครื่องทำความร้อนประจำดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะสาดส่องรุนแรงเสียจนต้องหยีตา ร่างของใครบางคนลางเลือน กระทั่งโฟกัสปรับให้เข้าที่จึงชัดเจนว่าคุณเล็กคือคนที่นอนหงายอยู่กลางสนามหญ้าเขียวขจี แหงนเงยมองฟ้าสีมัสตาร์ด ไล่เฉดไปด้วยสีน้ำเงินฟ้าดังผืนผ้าใบของศิลปินชั้นเอก แสงตะวันหลังฝนสาดส่องร่างของชายหนุ่มร่างผอมจนกลายเป็นสีทอง คุณเล็กดูสว่างไสวในตัวยิ่งกว่าแร่ล้ำค่าแสนเปราะบางที่ไม่ช้าจะหดหายไป เมื่อมีใครฉกฉวยมันไปจากดินแดนเดิมเหมือนกับที่แอฟริกาใต้เคยเป็น และแม้เมื่อเขาเดินไปถึง ทิ้งตัวลงนอนขนาบข้างอย่างไร้เหตุผล อีกคนจึงหันใบหน้ากลับมา
เรารู้จักกันน้อยเกินไป คล้ายว่าคุณเล็กจะพูดอะไรอย่างนั้น เราควรรู้จักกันให้มากกว่านี้ — มากกว่าการทำความรู้จักผ่านทางกาย หรือไม่ก็เดินหนีไปและไม่หวนกลับคืนมาอีก เจสซีวิเคราะห์จากดวงตาหลังเลนส์แว่นซึ่งแดงก่ำ ก่อนนี้คุณเล็กไม่ให้ตัดสินสิ่งใดจากใบหน้า เขายังเคยคิดอย่างขบขันว่าอีกคนคงแค่เขินอาย หาใช่เจ็บปวดผ่านทางแววตาเช่นนั้น
"นั่นเป็นเหตุผลที่คุณเล็กไม่ไปร้านอาหารวันนี้หรือ"
"ไม่ใช่"
"ยังไง" เขาครางแผ่วในลำคอ ใคร่สงสัยว่าคุณเล็กจะรู้จักเขาได้ยังไงพอๆ กับที่เขาจะรู้จักคุณเล็กได้อย่างไร หลังจากที่พวกเขาบดเบียดกันและกันเกินกว่านั้นไปนานแล้ว — โดยที่เขายังไม่รู้จักตัวเองดีพอที่จะหาคำตอบได้ว่าทำไม เจสซีตั้งคำถามกลับไป และคุณเล็กเองก็ทำเพียงยันตัวลุกขึ้น ตัวตรง อย่างงงงัน เป็นครั้งสองที่เขานอนซื่อตาใสราวกับหุ่นนิ่งให้อีกคนคร่อมทับ จรดปลายจมูกลงกับข้างแก้มของเขา อย่างเมามาย กลิ่นของเบียร์ราคาถูกจากอีกคนทำให้เขาเมามาย
"อย่างนั้น ผมจะถามจากร่างกายของคุณเอง" คุณเล็กพึมพำ กลับกันกับที่เขาหลุดหัวเราะ สอดมือเข้าใต้เชิ้ตตัวบาง กระซิบเสียงพร่าใส่คนบนตัว
"ผมคิดว่าคุณเล็กรู้จักทุกซอกทุกมุมแล้วเสียอีก"
คุณเล็กไม่ตอบ ก่อนปลายจมูกโด่งรั้นกับลำคอระหงซึ่งเขาจดจ้องอยู่ไม่ละสายตาโน้มต่ำลงใกล้ คลอไปกับกลิ่นหอมอ่อนจากกายชายหนุ่มร่างผอม ทุกอย่างในหัวของเขาขาวโพลน แตกสลายออกเป็นหลายสรรพสิ่งของห้วงคำนึง พร้อมกับหนึ่งในระบบอวัยวะใต้ลำคอขาวซีดของคุณเล็กร่ำร้องให้เขาลิ้มชิมอย่างหมดจด อย่างคืนที่ผ่านมา
"อันที่จริง มีบางอย่างที่คุณเล็กต้องรู้เกี่ยวกับตัวผม"
เจสซีจึงพ่ายแพ้ต่อคุณเล็กอีกครั้ง
"อะไร"
"ผมเคยอยู่ลอนดอน กระทั่งหลายปีหลังจากนี้ น่าตลก" เขาเปิดเปลือยความลับ ทุกคำในหัวพรั่งพรู พลันใช้แขนคว้าลำคอของสิ่งดึงดูดต่อตนเองลงใกล้ ให้ร่างกายผอมแกร็นซุกอยู่กลางแผ่นอกกว้างมากกว่าจะจ้องมองเขาด้วยความใคร่รู้ระคนเจ็บปวดบนนั้น "มันไม่มีอะไรน่าจดจำหรอกคุณเล็ก ไม่มี สำหรับเรื่องของผม นอกจากการกักขังผมไว้ในมุมมืด เขาหวังว่าผมจะหาย แต่ไม่ ผมกลับคลุ้มคลั่ง นั่นจึงเป็นเหตุให้ผมไม่อยากเล่า"
"เขาคือใคร"
"จาร์วิสกี พ่อแม่ของผม"
เราเหมือนกันกว่าที่คิด คุณเล็กพึมพำ เราเหมือนกัน เหมือนดาวสองดวงในระบบสุริยะซึ่งไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของกันและกัน ผมป่วย คุณเล็กงึมงำ คุณก็ป่วย หัวใจของคุณไม่ยักกะเต้น
และก่อนเจสซีจะทันได้ถามว่าคุณเล็กหมายถึงอะไร หรือก่อนเสียงกระซิบติดลำคอจะผันเป็นลมหายใจอันสม่ำเสมอหลังฤทธิ์สุรา คุณเล็กเอ่ยถามว่าเขาอยากกลับไปหรือไม่ บ้านที่ใจร้ายกับเขาอย่างไรก็ยังเป็นบ้าน คุณเล็กว่า ต่างจากที่ใครคนนั้นไม่เคยเอ่ยถาม โจแอนไม่มีทางล่วงเกิน เจนีนไม่เคยพูดถึง และดรักส์ ซึ่งไม่เคยเอ่ยปากนอกจากการทำตามความต้องการของเขาที่ไม่เคยมีอยู่ เพราะเจสซีไม่เคยนึกอยากจะรับรู้
ทว่าวันนี้ คำตอบของจดหมายฉบับนั้นกลับชัดเจนยิ่งกว่าอื่นใด หลังลมหวนพัดพาลมเย็น พร้อมกับความหนาวเหน็บอย่างที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดเดาในตอนเช้าตรู่
ภายหลังเจสซีจึงได้รู้ว่าลอนดอนไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไป เมื่อไม่มีคุณเล็กอยู่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in