เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
สวัสดี Etifoxine
  • ใช่ค่ะ เมื่อวานเพี้ยนจนทนตัวเองไม่ไหวก็เลยโทรหารพ. ขอนัดหมอด่วน แล้วก็ดันมีคิวว่างพอดี เลิศเลอ

    เราโทรไปรพ.ตอนสายๆ ได้นัดตอนเย็น พอตกเย็นเราก็รู้สึกไม่ค่อยอยากไปแล้ว แต่นัดไปแล้วก็ไปหน่อยละกัน คิดซะว่าอย่างน้อยก็ได้ระบายกับคนที่ฟังและให้ความเห็นที่มีประโยชน์ต่อเราได้ ไม่ใช่ฟังแล้วก็ผ่านเลยไป หรือฟังแล้วก็ด่าซ้ำ ซึ่งหาได้มากมายในชีวิตประจำวัน

    เราบอกหมอว่าเราเครียด เราไม่โอเคกับตัวเองตอนนี้ เราเศร้ามาเรื่องแมวที่คอนโด เราเล่าให้หมอฟังเรื่องส้มและโอเว่น เราบอกว่ามันทำให้เรารู้สึกเหมือนเหตุการณ์ร้ายๆ มันเกิดขึ้นซ้ำๆ มันทำให้เราไม่ไว้ใจอะไรอีกแล้ว เหมือนกับตอนส้ม เราซื้อขนมไปจะให้ส้มแต่ส้มก็ตายไปก่อน โอเว่นก็เช่นเดียวกัน โดนกัดจนต้องส่งรพ. แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ทำไมโลกต้องมาพรากสิ่งที่เรารักเล็กๆ น้อยๆ อะไรแบบนี้ไปจากเรา หมาแมวคือสิ่งเยียวยาจิตใจชั้นดีให้กับเรา เรารู้สึกโอเคขึ้นแค่ได้เล่นกับพวกมัน แต่สุดท้ายโลกก็มาเอาความสุขเล็กๆ อันนี้ของเราไป เอาไปแบบไม่สนใจไยดีเลยว่ามันจะทำให้เรารู้สึกยังไง แบบไม่สนใจเลยว่าเราจะต้องเสียใจขนาดไหน เราโอเคหากโอเว่นจะต้องจากโลกนี้ไปด้วยอายุขัยอันมากมายของมัน เราเข้าใจจุดนี้ดี เราโอเคหากส้มจะเป็นโรคหรือป่วยตายไปเพราะด้วยมันเกิดมาเป็นแบบนี้หรือได้รับการรักษาที่ไม่ทันท่วงที แต่เราไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วนซึ่งมันสามารถที่จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ เราไม่ชอบ เราไม่ชอบที่มีใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้านเราและกราดยิงใส่ทุกคนเพียงเพราะว่าแม่งหึงเมีย แถมอีตัวการที่ไปแย่งเมียมันมาก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ เราไม่ชอบที่ส้มอยู่ดีๆ ก็โดยรถทับ ในเมื่อแมวต่างๆ แถวนั้นก็ยังอยู่รอดปลอดภัยกันหมด เราไม่ชอบที่โอเว่นมันอยู่ของมันมานาน เดินแก่ๆ อยู่แถวนั้นมา 14-15 ปี แต่มีอีหมาที่ไหนก็ไม่รู้มารุมกัดแมวแก่ๆ ที่วิ่งหนีไม่ทัน หมาที่ไม่มีใครแถวนั้นเคยเห็นมาก่อน หมาที่จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่เจอมัน เราไม่ได้จะไปทำอะไรมันหรอก แต่เราแค่อยากเห็น แค่นั้น

    เราเล่าเรื่องที่เราไปสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวของอเมริกาแล้วคนสัมภาษณ์ไม่ได้สนใจถึงหน้าที่การงานของเราเท่ากับเรื่องที่เรามีแฟนเป็นคนอเมริกันและที่จะไปนี่ก็ไปเพื่อไปเจอหน้าครอบครัวแฟนแค่สองอาทิตย์แล้วก็กลับ นางไม่ได้ขอดูหลักฐานการทำงาน ใบอนุญาตว่าความ หนังสือรับรองต่างๆ ที่เราเตรียมไป เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติกับคนที่มาขอวีซ่าราวกับว่าเราคือพลเมืองในประเทศโลกที่สามที่อยากจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่อเมริกากันเต็มแก่ นางมี mindset ว่าอเมริกาคือประเทศที่น่าอยู่ ประเทศที่ทุกคนอยากไปทิ้งตัวหรือลงหลักปักฐานที่นั่น อยากจะขำ พวกแกคิดว่าชั้นจะทิ้งวิชาชีพกฎหมายและใบอนุญาตต่างๆ ที่ชั้นแทบจะกระอักเลือดตายกว่าจะสอบผ่านเพื่อให้ได้มันมาเพื่อที่จะไปเป็นพลเมืองชั้นสองอยู่ที่อเมริกาหรอ แกคิดว่าชั้นจะทิ้งระบบสุขภาพอันดีเลิศที่ชั้นสามารถไปหาหมอหรือนัดหมอทุกโรคได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แถมยังเลือกระดับการบริการได้ตามใจชอบแล้วยังถูกกว่าในประเทศแกมากมายอีกหรอ แกคิดว่าชั้นจะทิ้งสิ่งดีๆ พวกนี้ไปเพื่อไปทำงานต๊อกต๋อยที่นู่นหรอ แกกกก จะบอกให้นะ ถ้าชั้นคิดจะทำอะไรแบบนั้นชั้นไม่ตรากตำสอบนั่นนู่นนี่ เรียนโน่นนี่นั่นเพื่อให้ชั้นได้มาอยู่ตรงนี้หรอก ชั้นเสียเวลาชีวิตและสุขภาพจิตไปตั้งเท่าไหร่เพื่อที่ชั้นจะได้มาอยู่ตรงนี้ ถ้าชั้นจะไปชั้นไปตั้งแต่เรียนจบแล้วจ้ะ ไม่รอจนสอบผ่าน มีใบอนุญาต มีการมีงานดีๆ ทำแล้วค่อยมาไปหรอก อย่ามาประสาทและคิดอะไรตื้นๆ เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกโปรแกรมไว้

    หลังจากโดนปฏิเสธ แฟนเราก็ไปเสิร์จหาข้อมูล ก็ได้ความว่า คนไทย (ไม่รู้เฉพาะผู้หญิงรึเปล่า) ที่มีแฟนเป็นคนอเมริกัน หากจะเข้าอเมริกาไปกับแฟนเพื่อไปพบครอบครัวของแฟน ต้องขอวีซ่าคู่หมั้นหรือคู่สมรสเท่านั้น วีซ่าคู่หมั้นคือพอเข้าประเทศไปแล้วเราต้องแต่งงานภายใน 90 วัน แล้วเราก็จะได้กรีนการ์ด ส่วนวีซ่าคู่สมรสก็ตามชื่อค่ะ แต่งงานเป็นผัวเมียถูกต้องตามกฎหมาย ประเด็นคือ ก็กูไม่อยากแต่งงานไง อีห่านี่ อีพวกประสาท -- นี่ไปบ่นให้หมอฟัง หมอก็ยังเกาหัวแกร็กๆ ว่า เออ ก็คุณแค่จะไปเจอครอบครัวแฟน ไม่ได้จะแต่งงาน ทำไมต้องขอแบบคู่หมั้นหรือคู่สมรสอะ งง หมองง เรางง แฟนเรางง งงกันหมด

    ตอนแรกเราก็คิดแล้วว่าเราจะไม่ขอวีซ่าเข้าประเทศห่านี่อีกแล้ว เปลืองตัง 5,000 กว่าบาทที่เสียไป เพื่อไปยืนต่อคิวรอโง่ๆ นานแสนนาน โดนถามคำถามเสือกๆ ให้เราตอบแล้วก็มาตีหน้าเศร้าบอกเราว่า sorry, you're not qualified for non-immigrant visa. เสียเวลาทำงาน อีดอก เสียค่ารถ เสียอารมณ์ เสียทุกอย่าง หอกหัก จนตอนนี้เริ่มแค้นแล้วรู้สึกว่าอยากจะสมัครอีกรอบเพื่อที่จะไปด่าคนสัมภาษณ์ แค่นั้นจริงๆ อยากจะหมายหัวเราก็ทำไป เรื่องของแก ชั้นไม่แคร์จ้า -- หมอถามเราว่า เอาจริงๆ แล้วเราอยากไปไหม เราบอกเราไม่อยากไปเลยสักนิด อเมริกาไม่ใช่ประเทศที่เราอยากไปเท่าไหร่แล้วตอนนี้ ถ้านิวยอร์คก็โอเค แต่แฟนเรามันอยู่ดีซี เมืองแม่งไม่มีอะไรเลยนอกจากสถานที่ทางการเมืองและพิพิธภัณฑ์ แม้เราจะรักพิพิธภัณฑ์ แต่เราต้องเสียตังเป็นหมื่นๆ และลางานเกือบเดือนเพื่อพิพิธภัณฑ์หรอ โอเค เราอยากเจอครอบครัวแฟน แต่มันก็ไม่คุ้มอะ เราทำเรื่องขอวีซ่าเพราะแฟนอยากให้เราไป เรายังไม่พร้อมจะไปเที่ยวไหนไกลขนาดนั้น หนี้เราเยอะมาก เราไม่อยากเสียตังไปเที่ยวในที่ไกลๆ แพงๆ ที่เราไม่อยากไป หมอก็บอกงั้นก็ดีแล้วนี่ที่คุณไม่ได้วีซ่า เราก็บอกก็จริง แต่ที่เราโกรธคือการปฏิบัติต่อเราของเจ้าหน้าที่กงสุล หมอก็บอกอือ เข้าใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าหมอเข้าใจจริงๆ รึเปล่า

    เราเล่าเรื่องที่เราไปสัมภาษณ์งานที่นึง เราจะไม่พูดชื่อบริษัทในนี้ เราบอกหมอไปแต่เราจะไม่บอกพวกเธอ ในเว็บนางลงประกาศไว้ว่าอยากได้ legal adviser แล้วก็บอกหน้าที่ๆ ต้องทำมาซึ่งดูโอเคมากสำหรับเรา เราทำสิ่งต่างๆ พวกนั้นได้สบายมาก ส่วนเรื่องสวัสดิการน่ะหรอ อะโหหหหหหหหหหห วิเศษวิโส แบบนึกว่าบริษัทกูเกิลอะ เก๋ๆ สบายๆ ชิลลลลล ทำงานในสภาพแวดล้อมดีๆ ที่ไม่กดดัน ไม่เครียด อะไรทำนองนั้น เวลาทำงานก็ยืดหยุ่นได้ นี่แบบดี เลยสมัครไป 

    แต่พอวันไปสัมภาษณ์เท่านั้นแหละ แค่เห็นหน้าออฟฟิศก็ไม่อยากจะเข้าไปแล้ว พอเดินเข้าไปยิ่งแล้วใหญ่ ภาพที่จินตนาการไว้ว่ามันจะต้องคูลๆ เก๋ๆ แบบออฟฟิศของคนสมัยใหม่แม่งคือไม่มีเลย ทุกอย่างเละเทะ ไม่มีระบบ เสียงดังโวยวายกันตลอดเวลา คอกทำงานเบียดๆ แน่นๆ  โอเค ทุกคนดูสบายๆ กับการแต่งกาย แม้กระทั่ง HR ก็ยังใส่ชุดออกกำลังกายแบบชุดวอร์มแขนยาวขายาวและรองเท้าแตะมาสัมภาษณ์เรา comfy ดีค่ะ แต่แบบ แก เหมือนเราแต่งตัวมาดีเกินไป เราเหมือนแกะดำในนั้น เราดูแปลกแยกมาก เรางง เราทำตัวไม่ถูก เราไม่อยากได้งานนี้ เราไม่ได้บอกไปตรงๆ ว่าเราไม่อยากได้งาน แต่เราก็บอกไปตรงๆ ตอนที่เค้าบอกว่าเค้าต้องการคนด่วนว่าเรามาให้ทันทีไม่ได้ เรายังมีคดีค้างที่ต้องรับผิดชอบอยู่กับที่เก่า มันเป็นนัดสืบพยานแล้ว เราส่งต่อให้ทนายคนอื่นไม่ได้ หวังว่าคุณจะเข้าใจ เค้าก็ฟังแล้วก็บอกว่าเราเค้าจะติดต่อกลับในอาทิตย์ถัดไป -- อ้อ อีกที่อึ้งแดกมากคือ flexible hour มีให้กับพนักงานตำแหน่งอื่นค่ะ legal adviser นี้จะไม่ flexible นี่อยากจะถามกลับไปว่า แล้วจะใส่มาทำติ่งอะไร แต่ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนใส่ คืองง สับสนไปหมด ทุกอย่างวุ่นวาย ในออฟฟิศวุ่นวาย เราว่าในหัวเราวุ่นวายแล้วนะ แต่ในออฟฟิศนี้คือเหมือนอยู่ในตลาดนัดที่ไม่มีเครื่องขยายเสียงอะ 

    หลังจากออกมาจากตึก เรารู้สึกดีกับตัวเองมาก รู้สึกว่าเราจะไม่ทำงานนี้ เราไม่อยากทำ แล้วเราก็ไม่หวังให้เค้าโทรมาในอาทิตย์ถัดไป แล้วในอาทิตย์ต่อมาก็ไม่มีใครจากบริษัทนั้นโทรมาหาเราจริงๆ ซึ่งเราก็โอเค แต่เมื่อสองสามวันก่อน HR ของบริษัทส่งเมลมาบอกว่า ขอบคุณที่มาสัมภาษณ์กับเรา แต่ขอโทษด้วย เราจะไม่รับคุณเข้าทำงานในตำแหน่งนี้เพราะเจอคนที่มีคุณสมบัติที่ตรงกับตำแหน่งนี้มากกว่าคุณ บลาบลาบลา อยากถามว่าส่งมาทำไม ไม่ต้องส่ง นี่ก็ดิ่งไปเลยสิวันนั้น แบบ เออกูมันห่วย รู้แล้ว ไม่ต้องมาย้ำ

    หมอถามว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้ อะไรทำให้เราเครียดสุด เรื่องไหนหนักสุด เราบอกว่าเรื่องแมว แล้วหมอก็กุมขมับ คือเรื่องอื่นๆ มันก็แค่ทำให้เราหัวเสียไง แต่เรื่องแมวมันแบบ สร้างบาดแผลที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหายไว้ให้กับเรา

    หมอสรุปว่าเรื่องพวกนี้คือ triggers ที่ไปก่อกวนตะกอนที่มันนอนก้นอยู่ให้ฟุ้งขึ้นมา เรื่องแมวอาจจะเป็นเรื่องหลัก แล้วมีเรื่องอื่นๆ เกิดขึ้นในเวลาใกล้ๆ กันมาเสริมให้มันฟุ้งกระจายต่อ หมอมองว่ามันเป็นความเครียดที่น่าจะมีในระยะสั้น ซึ่งใช้เวลาสักพักมันน่าจะหายไป

    หมอถามว่าเรามีความคิดอยากตายไหม เราบอกว่ามี หมอบอกให้อธิบาย เราก็บอกว่า เราไม่ได้อยากฆ่าตัวตาย คืออาจจะมีแวบๆ แหละ สั้นๆ แวบๆ มา แต่หลักๆ คือไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากโดนทำให้ตาย อยากเป็นโรคหรืออยากให้เกิดอุบัติเหตุแล้วตายๆ ไปให้พ้นๆ สิ่งดีๆ ในชีวิตมันต่อสู้กับสิ่งเหี้ยๆ อันมากมายมหาศาลในชีวิตไม่ได้จริงๆ ความตายและความไม่แน่นอนมันอยู่ตรงหน้าเรา มันไม่เกิดกับตัวเรา แต่มันพร้อมจะเกิดกับสิ่งที่เรารัก โลกพร้อมที่จะพรากสิ่งที่เรารักไปจากเราเสมอ โลกไม่เคยปราณีเราเลย เราทำอะไรผิด เราไม่เข้าใจ


    เหมือนเราไม่สมควรที่จะมีความสุข...แม้จากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างแมวอ้วนๆ ส้มๆ ที่มานอนให้เราเกาพุงและเล่นด้วยทุกวัน เราก็ยังไม่สมควรที่จะได้รับมัน

    หมอให้ยา stresam (etifoxine) 50 mg. มากินเสริมกับยาหลัก ให้กินสามครั้งต่อวันนานหนึ่งเดือนซึ่งก็พอดีกับนัดอันเก่าที่เรามีอยู่ หมอบอกว่ามันจะทำให้เราผ่อนคลายลง แต่อาจจะง่วงๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้เกิดกับทุกคน ก็โดนไป 90 เม็ด ค่ายา 1350 รวมค่าหมอและอะไรต่างๆ ก็ 2 พันกว่า ซีดค่ะ เศร้ากว่าเก่าเลยทีนี้
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in