ตั้งแต่ใช้ชีวิตในธรรมศาสตร์มา 4 ปีในฐานะของนักศึกษา และบวกกับอีก 1 ปีกำลังจะเข้าปีที่ 2 ในฐานะของนักวิจัยและผู้ช่วยอาจารย์ สิ่งหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้ตลอดช่วงระยะเวลาของการเปิดภาคการศึกษาที่ 1 ในทุก ๆ รอบ นั่นคือกิจกรรมที่มีชื่อสุดแหวกแนวว่างาน "รับเพื่อนใหม่"
งานรับเพื่อนใหม่ของธรรมศาสตร์ ไม่เหมือนกับงานรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ นะครับ เพราะชื่อไม่เหมือน เออ แค่นี้แหละ ต่างแค่ชื่อจริง ๆ เอาเข้าจริงกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ของธรรมศาสตร์ ก็ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาของการสร้างอำนาจผ่านทางภาษา อย่างคำว่ากิจกรรม "รับน้องใหม่" จากตัวคำมันแสดงให้เห็นถึงการกดทับด้วยอำนาจทางภาษา เนื่องจากคำว่าน้อง แสดงให้เห็นถึงสถานะของความที่มีวุฒิภาวะอ่อนกว่า ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารของธรรมศาสตร์ท่านหนึ่ง จึงได้ดำริให้ใช้คำว่า "รับเพื่อนใหม่" แทนการใช้คำว่า "รับน้องใหม่" เพราะคำว่า "เพื่อนใหม่" แสดงให้เห็นถึงสถานะความเท่าเทียมกันทางภาษา แต่พอเอาคำคำนี้ไปใช้จริง ในท้ายที่สุดผู้เขียนก็เห็นว่า "เพื่อนใหม่" ก็แสดงถึงการกดทับทางภาษาอยู่ดี เพราะธรรมศาสตร์มักจะขยายคำว่าเพื่อนใหม่ โดยอาศัยบริบทของคำอย่างเช่น ....."ธรรมศาสตร์ไม่มีน้องใหม่ จะมีก็แต่เพื่อนใหม่ และเพื่อนผู้ที่มาก่อนเท่านั้น"..... คือลองพิจารณาจากคำยังไงสถานะความเท่าเทียมกะนมันก็ไม่มีอยู่ดีนี่หว่า "เพื่อนผู้มาก่อน" กับ "เพื่อนผู้มาใหม่" มันต่างจาก "พี่" กับ "น้องใหม่" ยังไง แต่ก็ช่างมันเถอะ เราไม่ได้จะพูดถึงเรื่องนี้ซะหน่อย
กิจกรรมรับเพื่อนใหม่ ของมหาวิทยาลัย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยกิจกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน
ส่วนที่ 1 จะเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นที่ สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันเดียวกับการรายงานตัวของนักศึกษาเข้าใหม่ ที่ทางมหาวิทนาลัยกำหนดให้แต่ละคณะต้องจัดในวันเดียวกัน เพื่อช่วงเย็นของวันนั้น จะได้จัดกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ได้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่นักศึกษา หรือเพื่อนใหม่มารายงานตัว หลังจากรายงานตัวที่คณะเสร็จสิ้น ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงจนใกล้ตกดิน บรรดาเพื่อนใหม่ก็จะถูกกวาดต้อนมาจากคณะของตน เพื่อให้เข้าไปรวมกันที่สนามฟุตบอล
เมื่อนักศึกษาใหม่ หรือเพื่อนใหม่ทั้งหมดถูกกวาดต้อนเข้ามาในสนามฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อย ทางผู้จัดฃานก็จะแจกข้าวกล่องให้กับเพื่อนใหม่ทั้งหมดได้กินกัน โดยข้าวที่แจกจ่ายไปนั้น จะถูกเรียกว่า "ข้าวธรรมศาสตร์" เพราะเป็นข้าวที่รุ่นพี่ลงไปดำนาปลูกข้าวเพื่อเก็บเกี่ยวให้รุ่นน้อง เอ้ย เพื่อนใหม่ได้กินกัน ผ่านกิจกรรมธรรมศาสตร์ดำนา
ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต หลังจากแจกจ่ายข้าวและบอกที่มาที่ไปของข้าวให้กับเพื่อนใหม่ได้รับรู้ ทางเวทีกลางก็จะมีการจัดกิจกรรมแสง สี เสียง ธรรมศาสตร์ เริ่มตั้งแต่ละครเวทีของมหาวิทยาลัย ที่แสดงถึงเรื่องราวการต่อสู้เพื่อสังคมของนักศึกษาธรรมศาสตร์ การต่อต้านทหารของขบวนการนักศึกษา และฉากที่พีคที่สุดคงหนีไม่พ้น ฉากที่ทหารปลดป้ายมหาวิทยาลัย วิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ออกและกระทืบป้ายนั้นคาตีน ทำให้ชื่อของธรรมศาสตร์เหลือเพียงแค่ธรรมศาสตร์ (แค่นี้ก็สร้างความอินให้กับเพื่อนใหม่ได้อย่างดี) หลังจากการแสดงประวัติธรรมศาสตร์จบลง ก็มีการแสดงงิ้วธรรมศาสตร์ วงดนตรี และอะไรต่าง ๆ ไปตามเรื่องตามราว และสุดท้ายคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ก็จะออกมาร้องเพลง เล่นกีตาร์ ภายใต้การนำของ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
ให้กับเพื่อนใหทม่ได้ฟัง และคณะผู้บริหารก็กล่าวต้อยรับเพื่อนใหม่เข้าสู่รั้วเหลืองแดงอย่างเป็นทางการ กว่าจะจบงานก็ปาเข้าไป ตี 1 ตี 2 บางปีมีปัญหากับผู้ปกครองชองเพื่อนใหม่กันเลยทีเดียว อย่างปีของผู้เขียน กว่าจะเสร็จงาน กว่าจะลากร่างของตัวเองกลับมาที่รังสิตได้ ก็ปาไปตี 3 แล้ววันถัดมายังมีกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ที่รังสิตอีก (ตายกูตาย)
ส่วนที่ 2 กิจกรรมรับเพื่อนใหม่ที่รังสิต กิจกรรมนี้จะแตกต่างจากกิจกรรมส่วนที่ 1 ที่เพิ่งนำเสนอไป เพราะกิจกรรมนี้ไม่บังคับ ใครใครเข้าร่วมก็เข้าได้ หรือใครใคร่ไม่เข้าร่วมก็ได้เช่นกัน แหม่ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เป็นเพื่อนใหม่ มันจะมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแหละ ผู้เขียนเลยตัดสินใจเข้าร่วมเสียเลย จำได้ว่ารับเพื่อนใหม่ที่รังสิตนั้น จะจัดขึ้นในช่วงเย็นและลากยาวไปเลิกกิจกรรมเอาอีกทีก็ตอน 7 โมงเช้าของอีกวัน
ตอนนั้น จำได้ว่าหลังลงทะเบียนเข้างาน เราทุกคนจะถูกจับแยกกับเพื่อน ๆ ออกไปเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งกลุ่มที่เร่ถูกยัดลงไปเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้ไปอยู่กับใคร จะว่าไปก็คงคล้าย ๆ กับการให้เพื่อนใหม่ต่างคณะได้ทำความรู้จักกัน เอาเข้าจริงตอนที่เราเจอหน้าคนไม่รู้จักครั้งแรก ใครจะไปกล้าวี๊ดว้าย ใส่ใครก็ไม่รู้ ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงแรกของการถูกยัดไปอยู่ข้าง ๆ ใครบางคนช่างเป็นเวลาที่ทรมานยิ่งนัก เพราะจะลุกขึ้นเต้นก็ไม่กล้าเกรงใจคนข้าง ๆ มัน แต่พอ 3 ชั่วโมงผ่านไปเท่านั้นแหละ กูไม่ทนแล้วเว้ย ลุกออกมาโบยบินเลยจ้า พอหันไปเจอสายตาอีคนข้าง ๆ นางก็ลุกออกมาโบยบินเช่นกัน (โถ่วอีห่านป่า รู้งี้ชวนออกมาโบยบินตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว) กิจกรรมรัลเพื่อนใหม่ในส่วนนี้ ดำเนินไปด้วยการแสดงโชว์ของชุมนุม ชมรมต่าง ๆ มากมายของธรรมศาสตร์ ทั้ง กองสันฯ โฟร์คซอง ทียูแบรนด์ ฯลฯ เรียกได้ว่าคืนนั้นเต้นกันหัวโยก เอวเคล็ด สมองบวมกันเลยทีเดียว ยังเท่านั้นยังไม่พอ พอถึงเวลาสักตี 2 ก็จะมีวงดนตรีดังมาเล่นให้กับทุกคนได้ยืนบนเก้าอีกแล้วโยกกันจนตกเก้าอีก และปีกลับขึ้นมาโยกแล้วตกลงไปใหม่ จำได้ว่าคนข้าง ๆ เป็นแบบนี้วนอยู่ 4-5 รอบ (คือมึงมีความพยายามมากค่ะ) และพวกเราเพื่อนใหม่ก็โยกวนกันไปจนถึงเช้า เมื่อถึงเวลาประตูเปิด งานเลิก เพลงจบ บรรดาซอมบี้เพื่อนใหม่ก็แห่กันออกจากประตู และเดินลากร่างไร้สติกลับไปที่พักของตัวเอง บางคนไปไม่ถึงหอล้มตายกลางทางก็มีมาก หรือบางคนกำลังจะถึงห้องอยู่แล้วล้มตายบนบันไดก็มี โถ่วชีวิตเพื่อนใหม่ ตายกันตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม
และกิจกรรมที่เล่ามาทั้ง 2 ส่วนนั้นเป็นเพียงกิจกรรมอันน้อยนิด เมื่อเทียบกับกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ที่มีแยก แตกออกไปของแต่ละคณะ เมื่อเราเข้าไปร่วมกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ของคณะ เราก็จะถูกจัดอยู่ใหม่หมวดของน้องใหม่อยู่ดี ไม่เห็นจะได้เป็นเพื่อนใหม่เลย ในทางปฏิบัติ มันจะมีเพื่อนใหม่คนไหนเดอนไปตบกระบานเพื่อนเก่า และพูดว่า ไงสัสเพื่อนเก่าสวัสดี ซึ่งเอาเข้าจริง เพื่อนใหม่มันก็คือน้องใหม่อยู่วันยังค่ำ ยกเว้นซะแต่เพื่อนใหม่มันจะเป็นเพื่อนเก่าของเราที่ซิวมาจากมหาลัยอื่น แบบนั้นมันคงไม่ลำบากใจที่จะเอาตีนเขี่ย ๆ เราแล้วพูดว่า ไงสัสเพื่อนเก่าไปกินเหล้าที่ไหนกันดี
หมายเหตุ
(1) งานวันแรกที่ท่าพระจันทร์ ส่วนมากจะเรียกกันว่า "วันปฐมนิเทศ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in