อย่างที่บอกไปว่าเมื่อทำงานโรงงานปลา ทั้งตัวคือติดกลิ่นปลา เสื้อผ้าผมคือกลิ่นเค็มมาก เลยทำให้หลังจากกลับมาจากที่ทำงานต้องอาบน้ำสระผมทุกวัน แรกๆไม่ได้ซักผ้าทุกวันแต่ด้วยความอยู่ที่อยู่มันเป็นฟิวคอนโด คืออากาศมันก็ไม่ได้ถ่ายเทมากเท่าไร มีวันนึงกลับมาจากที่ทำงานเข้าห้องตัวเองกลิ่นความเค็มอบอวนมากทั้งห้อง เลยเอาผ้าไปซักและกลิ่นมันยังติดห้องอยู่บวกกับเสื้อผ้าทิ้งไว้หลายวันขนาดซักแล้วกลิ่นมันก็ยังอยู่แบบอ่อนๆ เราเลยคิดว่างั้นเอาตะกร้าผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ที่ระเบียงที่ที่อากาศถ่ายเทแล้วกัน อย่างน้อยห้องก็จะได้ไม่เหม็น เหมือนทุกอย่างจะลงตัว มีอยู่วันนึงนางบอกให้เราย้ายตะกร้าเราเลยบอกเหตุผลไป นางก็ยังไม่อยากให้เอาตะกร้าไว้ตรงนั้นอยู่ดี เราเลยโอเค งั้นเราคงต้องซักผ้าทุกวัน การซักผ้าทุกวันไม่ใช่ปัญหาของเราเลยเพราะมันง่ายดายมากก เลิกงานมาโยนเข้าเครื่องระหว่างอาบน้ำ อาบน้ำไดร์ผมเสร็จคือผ้าซักและอบแห้งเรียบร้อยพอดี แฮปปี้มากกแบบเออกูเมเนจเวลาดีมาก
ผ่านไปสักพักนางบอกไม่ซักผ้าตอนเราเลิกงานได้ไหม อันนี้เข้าใจได้นะมันคงเช้าไปเสียงมันรบกวนนาง เราก็ขอโทษไป และเปลี่ยนเป็นกลับมาอาบน้ำสระผมและตั้งนาฬิกาประมาณเก้าโมงตื่นมาเอาผ้าเข้าเครื่อง หลังๆไม่ต้องตั้งปลุกละ ประมาณแปดโมงนางทำอาหารอินเดียแสนอร่อยและกลิ่นอาหารปลุกเราในทุกๆเช้า(อย่าเข้าใจเราผิดเราชอบอาหารอินเดียนะ แต่พอทำในคอนโดอะกลิ่นมันรุนแรงมากกกกกก)ก็เหมือนจะเข้าที่เข้าทาง แต่มีอยู่วันนึงนางมาปิดเครื่องซักผ้าทั้งๆที่เราซักอยู่ นางบอกเสียงมันดัง แต่แบบตอนนั้นคือแปดโมงแล้ว แล้วนางก็กำลังจะออกไปทำงาน เราเลยแบบ อ่าวละจะให้กุซักตอนไหนหวะ แล้วมันดังรบกวนใครในเมื่อนางก็กำลังจะออกไปทำงานและก็มีแต่เราที่อยู่บ้านถ้าจะรบกวนก็คือรบกวนตัวกูเอง ตอนนั้นคืองงในงง แต่มาคิดทีหลังนางน่าจะไม่พอใจที่เราซักผ้าทุกวันเปลืองน้ำเปลืองไฟงี้ แต่คือเราจ่ายค่าเช่าปกติและตรงเวลาไม่เคยจ่ายช้าเลย ถ้าฟิวขออยู่ฟรีก็ว่าไปอย่าง และอีกปัญหานึงนางชอบนอนแบบไม่ปิดประตูห้อง เพราะถ้าจะไปห้องครัวทำอาหารต้องเดินผ่านห้องนาง คือนางก็เป็นคนเปิดเผยเกินไป๊ แล้วนางอยู่กับแฟนไง เราก็แบบมึงอาจจะไม่อึดอัดแต่กูอึดอัดเด้อออ กลายเป็นเวลาจะเดินไปห้องครัวรู้สึกเกรงใจทุกครั้งที่ต้องเดินผ่าน ละอีกใจนึงก็เถียงกับตัวเองว่าจะเกรงใจทำไม มึงมาเช่าเค้าอยู่ไม่ได้มาขออยู่ฟรี แล้วไม่รู้เพราะอะไร อยู่ๆนางก็ทำตึงใส่ไม่ค่อยพูดจากับเราถามคำตอบคำ แบบเปลี่ยนไปแบบรู้สึกได้
และคนเราพอเริ่มมีเรื่องให้ไม่สบายใจมันก็เริ่มจะมองเห็นแต่ปัญหามองเห็นแต่จุดเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ไม่สบายใจ เลยเริ่มคิดวางแผนหาที่พักใหม่ จะย้ายออกจากตรงนี้ไม่ไหวแล้ว ทำงานมาเหนื่อยๆก็อยากกลับมานอนพักแบบสบายใจ ไม่ใช่แบบทำงานเหนื่อยๆกลับมายังมาเจอเพื่อนร่วมบ้านกดจิตให้เหนื่อยคูณสองคูณสิบไปอีก เลยหาเริ่มหาที่พักใหม่ จนไปเจอห้องที่ดีกว่าและถูกกว่าด้วย เลยไปทำสัญญาอะไรให้เรียบร้อย และกลับมาบ้านบอกนางว่าจะย้ายออกละนะ นางช้อคบวกโมโห นี่เลยบอกไปเลยตรงๆว่าเพราะอะไร ตอนแรกนางเหมือนจะเข้าใจ คือการเช่าห้องที่นี่จ่ายเป็นอาทิตย์และเรามีการมัดจำล่วงหน้าสี่อาทิตย์ก็คือจะออกต้องแจ้งล่วงหน้าเดือนนึง เหมือนนางจะเออออในตอนแรก พอเช้าของอีกวันหลังจากเรากลับมาจากทำงานอาบน้ำเสร็จกำลังจะเข้านอน นางบอกขอคุยด้วยหน่อย และตอนนั้นคือตีห้า..... กุแบบ มาคุยให้มันจบๆ ตอนนั้นฟิวเหมือนโดนรุ่นพี่ลง นางและแฟนแบบใส่เต็มมาก มีจุดพีคนางดึงดราม่าเรื่องซักผ้า นางบอกก็อยากให้ช่วยกันประหยัดไฟ เราอยู่กันแบบครอบครัว และถ้าเธอย้ายไปแล้วฉันต้องแบกรับค่าห้องคนเดียวเลยหรอ เพราะเธอก็รู้ว่าตอนนี้แฟนฉันว่างงาน จังหวะนั้นคือแบบ ก็ไปหางานทำสิกูแจ้งล่วงหน้าเดือนนึงอย่างน้อยถ้าไม่เลือกงานมันมีอะไรให้ทำแน่นอน อันนี้คิดในใจไม่ได้พูดออกไป
เราฟังอย่างเดียวมันเป็นฟิวหมดคำพูดแล้วอะ พอนางมีจังหวะเงียบพักยก เราเลยขอตัวไปนอนนะ ฉันเหนื่อยและง่วงมาก หลังจากหลับตาลง คือฟิวเชือกขาดของจริง บอกกับตัวเองเลยว่ากุไม่อยู่ละจ้าา ตั้งปลุกอีกสองชั่วโมงข้างหน้า ไม่สนใจเงินมัดจำแล้ว จะย้ายออกวันนี้แล้ว ตัดภาพมาอีกทีสิบโมงเช้าลากกระเป๋าใบโตขึ้นเนิน ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งหิว ลาก่อนเพื่อนอินเดียคนแรกของฉัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in