ระหว่างจัดกระเป๋าเตรียมข้าวของต่างๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า อุ้ย ยังมิได้จองตั๋วและหาข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการหางานที่นู้นและเรื่องที่พัก (ใช่จ้า เห่อจัดกระเป๋าก่อนโดยที่ไม่ดูสี่ดูห้า) เลยดึงสติตัวเองด้วยการเริ่มหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศนิวซีแลนด์ ความรู้ทั้งหมดที่มีตอนนี้คือ เป็นประเทศที่มีแกะเยอะกว่าจำนวนประชากร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหน หรือเค้าแค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าแกะเยอะเฉยๆ และเมืองหลวงคือ โอ๊คแลนด์ มีข้อมูลแค่นั้นเลยจริงๆ
เริ่มต้นแบบง่ายๆโง่ๆเลย พิมพ์ว่า New Zealand ใน Google วิกิพีเดีย เด้งขึ้นมาในมุมขวามือ ว่า นิวซีแลนด์มีเมืองหลวงชื่อเวลลิงตัน ……. อ่า อุย อ่า เอาอีกละ กูไปเอาความรู้ความเข้าใจและความมั่นใจอะไรแบบนี้มาจากไหน รู้สึกผิดต่อประเทศนิวซีแลนด์ขึ้นมาทันทีและสมองก็คิดไปว่า กูเคยไปโชว์โง่เรื่องเมืองหลวงที่ไหนบ้างน้า แต่ก็ช่างมัน ตอนนี้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้วก็อ่านต่อไปทำให้เข้าใจได้ว่า ไม่ได้มีแต่เราคนเดียวที่เข้าใจว่า โอ๊คแลนด์คือเมืองหลวง สาเหตุมันเกิดจากประชากรในโอ๊คแลนด์มีจำนวนประชากรมากกว่าเมืองหลวงและมีพื้นที่เยอะกว่าหลายเท่าตัว เลยทำให้ธุรกิจใหญ่ๆส่วนมากก็ตั้งอยู่ที่เมืองนี้เลยทำให้เมืองนี้มีโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเมืองหลวง เช่นเดียวกันกับประเทศออสเตรเลีย ที่คนมักเข้าใจว่าเมืองหลวงคือซีดนีย์ แต่จริงแล้วคือแคนเบอร์รา หลังจากศึกษาข้อมูลคร่าวๆแล้วก็ไม่ลังเลที่จะเลือกไปเมืองโอ๊คแลนด์ก่อนเลย ด้วยภาษาที่ไม่ได้แข็งแรงแบบคล่องปื๋อ เลยเลือกเมืองที่น่าจะหางานง่ายที่สุดในความคิดเรา ได้เมืองละก็ดูสิ ไปช่วงไหนเดือนไหนดี ฤดูกาลของประเทศนี้มีสี่ฤดู ร้อน ร่วง หนาว ผลิ แล้วร้อนที่นี่คือ 24 25 องศา ไม่ลังเลเลยไปหน้าร้อนนี้แหละ ร้อนเค้าก็คือกำลังดีของเรา หน้าร้อนของที่นี่จะอยู่ช่วงประมาณเดือน ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ เราเลยล็อกไว้ว่าประมาณปลายๆพฤจิกาแล้วกัน ปลายๆใบไม้ผลิ อากาศน่าจะหนาวนิดๆแดดอ่อนๆ ผ่านไปอีกขั้นตอนในการวางแผนเดินทาง ก็คิดตามลำดับว่าอะถึงที่นู้นลงจากเครื่องแล้วยังไงต่อ หัวข้อต่อไปที่ต้องจัดการคือ เรื่องที่พัก ด้วยความที่ไปแบบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่โตมาก และด้วยความที่ ณ ตอนนั้น ยังไม่รู้สึกว่า Hostel คือทางของเรา ยังมีความแอบกลัวและกังวลอะไรเล็กๆน้อยๆไปหมด ฟิวคนใสใสที่ยังไม่เคยเปิดโลก เลยคิดว่างั้นก็ต้องหาที่พักไว้ก่อน ก่อนที่จะไปถึงที่นู้น อย่างน้อยถึงนู้นแล้วก็รู้ว่าเราจะไปไหนต่อจะได้ไม่ เคว้งคว้างเกินไปในเมืองที่เรายังไม่เคยไป ในความคิดเรามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้เปิดโลกใหม่ๆแต่ควรค่อยๆเริ่มไม่ควรแบบเออไปถึงค่อยว่ากันว่าเอายังไง ไปตายเอาดาบหน้าขนาดนั้น จริงๆเราเป็นคนที่ลุยนะไปไหนไปกันได้หมด แต่การที่เราไปในสถานที่ใหม่ๆคนแตกต่างออกไป ภาษาที่ใช้ก็แตกต่าง มันควรมีการวางแผนที่ดีพอสมควร ไม่งั้นมันจะเกิดฟิวแบบกูมาทำไรที่นี่วะ เอาจริงถึงจะวางแผนดีแค่ไหนเมื่อเจอเรื่องที่ทำให้อึดอัดใจความรู้สึกนี้มันจะมาแน่นอน แต่อย่างน้อยเราก็ดึงสติตัวเองได้ว่า เอ้ย อย่างน้อยกูมีแผนว่าจะเอายังไงต่อ ไม่ใช่แบบว่าง ปล่อยเบลอไปหมด มันทำให้เรากลายเป็นคนกลัวการเดินทาง และไม่เอ็นจอยกับมัน ทั้งๆที่การเดินทางสำหรับเรานั่นมาทำให้เกิดความตื่นเต้น เกิดความกูต้องผ่านมันไปให้ได้ในทุกๆครั้งไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in