จริงๆก็แอบเกิน 30 กิโลมานิดหน่อย
การจัดกระเป๋าเดินทางไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะถ้าจะย้ายชีวิตไปอยู่อีกประเทศอีกเมืองด้วยล่ะก็
ซึ่งเราก็เอามาเป็นปัจจัยตอนเลือกสายการบินด้วย
ตอนแรกว่าจะบิน Emirates เพราะราคาไม่แพงมาก
แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นการบินไทย เพราะราคาแพงกว่ากัน 2-3000 แต่บินตรง
ไม่ต้องเปลี่ยนไฟลท์ที่ดูไบเหมือน Emirates และรู้สึกเอาเองว่า การบินไทยจะให้หยวนๆเรื่องน้ำหนักเกินกับนักเรียนมากกว่าสายการบินอื่นๆนิดหน่อย
จากประสบการณ์ตอนไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดาสมัยมัธยมนู่น เลยพอจะได้ไอเดียมาบ้างว่าควรเอาอะไรไปบ้าง อันไหนควรทิ้งไว้แล้วไปหาซื้อใหม่เอาที่นู่นดีกว่า
1. เสื้อหนาว - ซื้อนู่น
แต่ก็เอาไปก่อนเผื่อใส่ตอนถึงแรกๆซักตัวนึง เพราะมันพองกินที่กระเป๋า แถมมักจะหนักอีก
2. เสื้อลำลองทั่วไป - ซื้อนี่
ที่ไทยถูกกว่าอยู่แล้ว แต่อาจจะเพราะเราผอมมากระดับไซส์ xs เมืองอังกฤษน่าจะมีให้เลือกน้อย เลยเอาไปเองดีกว่า
3. ชุดทางการ ออกงาน - ซื้อนี่
ตามเหตุผลข้างบน ถูกกว่าและไซส์ ถ้าจะสั่งตัดก็ได้แบบถูกใจ และพอดีตัวกว่าแน่ๆ
4. ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปลอกผ้านวม - ซื้อนี่
เนื่องด้วยคอลเลจเราแจ้งมาว่านักเรียนต้องจัดหาชุดปูเตียงเองนะ เพราะจะมีให้แค่หมอน ผ้านวม ฟูก
เราเลยจัดการเอาไปเองก่อนเลย 1 ชุด เพราะถึงจะหาซื้อได้จากตรงนู้น
แต่มันต้องวุ่นวายไปซักให้สะอาดก่อนจะวางใจนอนได้สบายใจ
เอาไปเองได้ความสะอาดพร้อมกลิ่นหอมๆ (555555) แล้วค่อยซื้ออีกชุดที่นู่นเผื่อเปลี่ยนสลับกันก็ได้
5. เครื่องอาบน้ำ - ซื้อนู่น
หนัก และราคาก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น แบกไปเฉพาะขวดจิ๋วๆใช้วันแรกๆพอ
6. เครื่องปรุงอาหารไทย - ซื้อนี่ บางส่วน
แบกไปได้เฉพาะอาหารที่ไม่เป็นเนื้อสัตว์ อย่างหมูแผ่น กุนเชียงนี่หมดสิทธิ์
คราวนี้เราแบกไปเฉพาะเครื่องต้มยำอบแห้ง ผงลาบ ไรงี้ซะส่วนใหญ่
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำกินเองมั้ย หรือจะไปพึ่งโรงอาหารตลอดไป
ส่วนอย่างอื่นที่ซูเปอร์จีนมีขายหมด ขวดน้ำปลา ซอสหอยนางรม อะไรพวกนี้
เคมบริดจ์จะเปิดเทอมค่อนข้างช้าเทียบกับมหาลัยอื่น
ที่ส่วนมากแล้ว มักจะเปิดเทอมตอนเดือนสิงหา-กันยา
แต่เคมบริดจ์จะเปิดต้นเดือนตุลา
ดังนั้นจำนวนความหนาแน่นของนักเรียนที่เดินทางในช่วงนั้นค่อนข้างที่จะเบาบางไปเยอะ
คอลเลจของเราให้เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 30 กันยา แต่เราตัดสินใจเดินทางไปถึงวันที่ 29 กันยา
เพราะมีน้องนักเรียนเคมบริดจ์จะบินไปวันนั้นพอดี เราเลยขอติดไปด้วยเผื่อกันหลง และขอไปนอนด้วยที่คอลเลจของน้องเค้าคืนนึง
ไฟลท์ของการบินไทยจะบินตีหนึ่ง ถึงตอนเช้า 7 โมงที่อังกฤษพอดี
แต่ไฟลท์แอบดีเลย์นิดหน่อยตอนจะลงฮีทโทรว์ เพราะการจราจรหนาแน่น
กัปตันเลยต้องบินวนไป 2-3 รอบ ก่อนจะได้คิวลง สรุปแล้วก็ลงถึงประมาณ 8 โมง ดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง
หลังจากผ่านตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นก็ตุเลงเข็นรถเข็นไปยังที่ Central Bus Terminal เพื่อรอขึ้นโค้ชตอน 10.05
ตรงดิ่งไปเคมบริดจ์เลย โค้ชจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงเพราะขับวนรับผู้โดยสารหลายเมืองหน่อย ในขณะที่รถไฟจะใช้เวลาแค่ 50 นาทีจากลอนดอน แต่ด้วยสัมภาระอันมหาศาลโดยมวลน้ำหนัก
เราไม่น่าจะรอดกับการแบกกระเป๋าหนัก 30 โลไปทางรถไฟแน่นอน
หลังจากนั่งโค้ชจนก้นระบม ประมาณบ่ายโมงกว่าก็ถึงเคมบริดจ์
ตอนแรกเข้าใจว่ารถโค้ชจะจอดที่สถานี bus terminal แบบจริงจัง ปรากฏมันไปจอดที่ข้างสวน (มารู้ทีหลังว่าชื่อ Parker's Piece) ซึ่งอยู่ไกลจากคอลเลจของน้องธารีพอสมควร เราก็เลยใช้เงินแก้ปัญหา เรียกแท็กซี่กันไปต่อให้ถึงที่เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in