เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Storyfebturday
กลิ่นจันทร์ (Danhoon)
  • BGM : ซ่อนกลิ่น  By Palmy



    ใครสักคนเคยบอกว่า “เวลา”จะเยียวยาทุกสิ่ง  

    คงจริงกระมัง

    15 ปีผ่านไป

    มันทำให้เขานึกถึงใบหน้านั้นได้อย่างรู้สึกผิดน้อยลง

    คลื่นความคิดคำนึงถึงสิ่งนี้ปลุกให้ “เดโช” ตื่นจากภวังค์ในร้านเหล้าดองเพิงหมาแหงนที่ซุกตัวเงียบๆในป่าคอนกรีตแห่งนี้

     

    ป่าคอนกรีตที่เขาเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปครบ 52 ชั่วโมง

    “ไหนไอ้หนุ่ม มึงเล่าให้กูฟังหน่อย” เสียงเข้มหลุดมาจากมุมข้างหลังของร้านของลุงมีเจ้าของร้าน

    “เรื่องไหนล่ะลุง” เดโชหันไปมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยแววตาเลื่อนลอยก่อนจะกรอกหล้าในแก้วเป๊กเข้าปากรวดเดียว

    “ก็ต่อจากเมื่อวานนั่นแหละ”

     

    เดโชในวัย 37 ปี ย้อนนึกถึงใบหน้าตัวเองที่เมื่อ 15 ปีที่แล้วใครๆก็จะต้องบอกเขาว่า “น่ามอง” ทว่าบัดนี้ตัวเขาเองแทบไม่อยากส่องกระจก ไม่ใช่เพราะหน้าที่หมองคล้ำขึ้น  ผิวพรรณที่ไม่สดใสเหมือนตอนเป็นหนุ่ม ริ้วรอยบนใบหน้าที่เพิ่มขึ้นทุกก้าวย่าง

    ที่เขาไม่อยากส่องกระจกไม่ใช่เพราะเหตุผลเหล่านั้น

    หากแต่เป็นแววตาของเขา

    เขากลัวแววตาของตัวเอง

    หึ!

    เดโชแค่นหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปถามชายแก่ผมสีดอกเลาที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เก่าคร่ำคร่า

    “ลุงอยากรู้ไปทำไม”

    “กูอยากรู้จากปากมึง ไม่ใช่จากข่าวในทีวี”

    เดโชชะงักไปเล็กน้อย แววตาเศร้าลึกกลับมาครอบครองดวงตาเล็กยิบหยีอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจากไปง่ายๆ

    --------

    “เขินเหรอจันทร์” ถ้อยคำเหมือนจะยั่วล้อคนรักจากปากของชายหนุ่มวัยเต็มยี่สิบสอง

    “โธ่! เดล่ะก็ อายเป็นมั้ย คนเยอะแยะ” เสียงอุบอิบโผล่พ้นจากการก้มหน้า

    “จันทร์ เงยหน้าขึ้นมาก่อน” เดทำเสียงขึงขังในขณะที่อีกฝ่ายยังคงกุ้มหน้างุด

    “อะไรเล่า” วงหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตากับเจ้าของร่างสูงที่เกาะกุมมือแน่น

    “เราคิดว่าแค่จูบเมื่อกี๊...มันไม่พอ” เดโชโพล่งออกไป

    “เดอยากทำต่อเหรอ...งั้นก็กลับหอกัน”  

    อาจจะเป็นความรู้สึกเหมือนกัน ไม่พอเหมือนกัน – ที่ทำให้เจ้าของแก้มนวลใสตอบออกไปแบบนั้น

     

    “เราไม่ได้อยากแค่จูบ”

    .

    .

    .

    เราอยากนอนกับจันทร์”

     

    ----

    ไม่ใช่ครั้งหรือสองครั้ง หากแต่สิบ หรือยี่สิบ บางทีอาจจะสามสิบ สี่สิบ  ห้าสิบ

    เดไม่เคยนับเพราะจำนวนนับไม่เคยพอกับความต้องการไม่รู้อิ่มของเขา

    ยาเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดในโลกคงไม่ใช่เฮโรอิน กัญชา หรือยาลับนับแสนล้านในโลกมืด

    หากแต่เป็น "กลิ่นของจันทร์" ที่เขาเสพติดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร

    เขาเสพติดความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากบางนั่น ลีลาที่ร้อนแรงและเร้าใจขัดกับหน้าตาอันอ่อนโยนและไร้เดียงสาของจันทร์ทำเขา“ติดกับ” จนไม่อยากไปไหน ไม่นับรวมสัมผัสบนผิวนุ่มลื่นหลังอาบน้ำใหม่ๆ จมูกเขากดจูบซับซ้ำบนไหล่นวลและลงท้ายกับบทรักที่เสมือนหนังรีเมคที่สร้างซ้ำๆแต่เปลี่ยนแปลงในรายละเอียด 

     

    เหมือนย้อนกลับไปวัยเด็กน้อยที่วิ่งไปรอซื้อไอติมหน้าบ้าน


    ลิ้มรสเดิมซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ

     

    รสรักของจันทร์มันทำให้เขาเป็นบ้า

     

    ---

    “แล้วไง ก็รักกันดีนี่” ลุงมีมานั่งข้างเดโชเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็ได้กลิ่นลมหายใจกลิ่นละมุดเน่า

    “ก็...ไม่รู้สิลุง ไม่รู้มันมาถึงจุดนี้ได้ไง”

     

    ---

    “เด เราเหนื่อย วันนี้ไม่เอาแล้วนะ”

    “เหนื่อยหรือเบื่อ”

    “หาเรื่อง”

    “จันทร์ เราไม่ได้มีอะไรกันมาเป็นเดือนแล้วนะ”

    “สำคัญเหรอ”

    “ทำไมพูดแบบนี้วะ”

    “เออ จะเอาก็เอา!

     

    ----

    “กูเดาว่า  หลังจากนั้น  พวกมึงก็ทะเลาะกันรุนแรง มึงเลยโมโห เออเข้าใจได้”

    “ใครบอกล่ะลุง ไม่ได้ทะเลาะ  แล้วที่ผมทำไปก็ไม่ใช่เพราะบันดาลโทสะ”

    “เออว่ะ เพราะเหตุมันเกิดหลังจากนั้นเป็นเดือนนี่ อย่างที่กูอ่านข่าว”

     

    เดโชเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางดูผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะถอนหายใจเบาๆ มองหน้าผู้ฟังที่ดูตั้งอกตั้งใจเหลือเกิน

    “ผมคิดมาดีแล้วต่างหาก”

    “แต่มึงก็บอกศาลว่า  มึงโกรธมันจนไม่มีสติ”

    .

    .

    .

    “ก็แค่...วิธีเอาตัวรอด” 

    .

    .

    .

    เงียบอยู่ชั่วขณะก่อนเดโชจะลุกขึ้นวางแบงก์สีม่วงไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่า

    “ไม่ต้องทอน ที่เหลือทิป ค่าที่ลุงช่วยฟัง”

    ก่อนจะเดินออกจากร้านอย่างเงียบเชียบ 

    น่าแปลกที่ลุงมีสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนหน้าคร้ามนั่น หลังจากที่สองวันมานี้เดโชเอาแต่ทำหน้านิ่ง

     

    ---

    “ไอ้มี มึงคุยกับไอ้หมอนั่นอีกแล้วเหรอ”

    “ลูกค้าก็เอาใจหน่อยสิวะ  ว่าแต่มึงกลับมาตอนไหนเนี่ย”

    “เมื่อกี๊ไงไอ้แก่  มึงน่ะกูบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่ง มึงไม่กลัวเหรอ”

    “กลัวอะไรวะ”

    “โอ๊ยยยย!!! ติดคุกเป็นสิบๆปีข้อหาฆ่าหั่นศพนี่นะ กูไม่เอาด้วยล่ะ”

    ----

    ลมอ่อนพัดโชยมา


    น้ำตาก็ไหลริน


    เหลือเพียงกลิ่นหัวใจ


    คลุ้งไปกับความเหงา


    รักยังไม่จางไป


    ตรึงติดชิดดวงใจ


    ยังหอมรัญจวนชวนให้ฝัน

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in