BGM : ซ่อนกลิ่น By Palmy
ใครสักคนเคยบอกว่า “เวลา”จะเยียวยาทุกสิ่ง
คงจริงกระมัง
คลื่นความคิดคำนึงถึงสิ่งนี้ปลุกให้ “เดโช” ตื่นจากภวังค์ในร้านเหล้าดองเพิงหมาแหงนที่ซุกตัวเงียบๆในป่าคอนกรีตแห่งนี้
ป่าคอนกรีตที่เขาเพิ่งกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปครบ 52
“ไหนไอ้หนุ่ม มึงเล่าให้กูฟังหน่อย” เสียงเข้มหลุดมาจากมุมข้างหลังของร้านของลุงมีเจ้าของร้าน
“เรื่องไหนล่ะลุง” เดโชหันไปมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยแววตาเลื่อนลอยก่อนจะกรอกหล้าในแก้วเป๊กเข้าปากรวดเดียว
“ก็ต่อจากเมื่อวานนั่นแหละ”
เดโชในวัย
ที่เขาไม่อยากส่องกระจกไม่ใช่เพราะเหตุผลเหล่านั้น
หากแต่เป็นแววตาของเขา
เขากลัวแววตาของตัวเอง
หึ!
เดโชแค่นหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปถามชายแก่ผมสีดอกเลาที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เก่าคร่ำคร่า
“ลุงอยากรู้ไปทำไม”
“กูอยากรู้จากปากมึง ไม่ใช่จากข่าวในทีวี”
เดโชชะงักไปเล็กน้อย แววตาเศร้าลึกกลับมาครอบครองดวงตาเล็กยิบหยีอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจากไปง่ายๆ
--------
“เขินเหรอจันทร์” ถ้อยคำเหมือนจะยั่วล้อคนรักจากปากของชายหนุ่มวัยเต็มยี่สิบสอง
“โธ่!
“จันทร์ เงยหน้าขึ้นมาก่อน” เดทำเสียงขึงขังในขณะที่อีกฝ่ายยังคงกุ้มหน้างุด
“อะไรเล่า” วงหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตากับเจ้าของร่างสูงที่เกาะกุมมือแน่น
“เราคิดว่าแค่จูบเมื่อกี๊...มันไม่พอ” เดโชโพล่งออกไป
“เดอยากทำต่อเหรอ...งั้นก็กลับหอกัน”
อาจจะเป็นความรู้สึกเหมือนกัน
“เราไม่ได้อยากแค่จูบ”
.
.
.
“เราอยากนอนกับจันทร์”
----
ไม่ใช่ครั้งหรือสองครั้ง หากแต่สิบ หรือยี่สิบ บางทีอาจจะสามสิบ สี่สิบ
เดไม่เคยนับเพราะจำนวนนับไม่เคยพอกับความต้องการไม่รู้อิ่มของเขา
ยาเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุดในโลกคงไม่ใช่เฮโรอิน กัญชา หรือยาลับนับแสนล้านในโลกมืด
หากแต่เป็น "กลิ่นของจันทร์" ที่เขาเสพติดจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร
เขาเสพติดความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากบางนั่น
เหมือนย้อนกลับไปวัยเด็กน้อยที่วิ่งไปรอซื้อไอติมหน้าบ้าน
ลิ้มรสเดิมซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อ
รสรักของจันทร์มันทำให้เขาเป็นบ้า
---
“แล้วไง ก็รักกันดีนี่” ลุงมีมานั่งข้างเดโชเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีก็ได้กลิ่นลมหายใจกลิ่นละมุดเน่า
“ก็...ไม่รู้สิลุง ไม่รู้มันมาถึงจุดนี้ได้ไง”
---
“เด เราเหนื่อย วันนี้ไม่เอาแล้วนะ”
“เหนื่อยหรือเบื่อ”
“หาเรื่อง”
“จันทร์ เราไม่ได้มีอะไรกันมาเป็นเดือนแล้วนะ”
“สำคัญเหรอ”
“ทำไมพูดแบบนี้วะ”
“เออ จะเอาก็เอา
----
“กูเดาว่า หลังจากนั้น พวกมึงก็ทะเลาะกันรุนแรง มึงเลยโมโห เออเข้าใจได้”
“ใครบอกล่ะลุง ไม่ได้ทะเลาะ แล้วที่ผมทำไปก็ไม่ใช่เพราะบันดาลโทสะ”
“เออว่ะ เพราะเหตุมันเกิดหลังจากนั้นเป็นเดือนนี่ อย่างที่กูอ่านข่าว”
เดโชเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางดูผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะถอนหายใจเบาๆ มองหน้าผู้ฟังที่ดูตั้งอกตั้งใจเหลือเกิน
“ผมคิดมาดีแล้วต่างหาก”
“แต่มึงก็บอกศาลว่า มึงโกรธมันจนไม่มีสติ”
.
.
.
“ก็แค่...วิธีเอาตัวรอด”
.
.
.
เงียบอยู่ชั่วขณะก่อนเดโชจะลุกขึ้นวางแบงก์สีม่วงไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่า
“ไม่ต้องทอน ที่เหลือทิป ค่าที่ลุงช่วยฟัง”
ก่อนจะเดินออกจากร้านอย่างเงียบเชียบ
น่าแปลกที่ลุงมีสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กๆบนหน้าคร้ามนั่น หลังจากที่สองวันมานี้เดโชเอาแต่ทำหน้านิ่ง
---
“ไอ้มี มึงคุยกับไอ้หมอนั่นอีกแล้วเหรอ”
“ลูกค้าก็เอาใจหน่อยสิวะ ว่าแต่มึงกลับมาตอนไหนเนี่ย”
“เมื่อกี๊ไงไอ้แก่
“กลัวอะไรวะ”
“โอ๊ยยยย!!!
----
ลมอ่อนพัดโชยมา
น้ำตาก็ไหลริน
เหลือเพียงกลิ่นหัวใจ
คลุ้งไปกับความเหงา
รักยังไม่จางไป
ตรึงติดชิดดวงใจ
ยังหอมรัญจวนชวนให้ฝัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in