อิคิไก:แก่นความสุขของคนญี่ปุ่น
อ้างอิง: ความสุขโดยสังเกต Podcast/youtube:
เมื่อเกิดคำถามว่า'ทำไมต้องมีชีวิตอยู่' 'เราอยู่ไปเพื่ออะไร'
อิคิ = การมีชีวิต ไก = เหตุผลหรือคุณค่า
อิคิไก จึงหมายถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ หลายๆคนอาจมีเหตุผลในการมีขีวิตอยู่ที่แตกต่างกันออกไป แต่ความสำคัญของมันคือ คนที่มี 'อิคิไก' มักจะมีความสุขและมีพลังในชีวิตมากกว่า
แล้วเราจะหาอิคิไกเจอได้อย่างไร...หนังสือได้ให้คำแนะนำดังนี้
1.การเริ่มจากสิ่งเล็กๆ บางคนอาจมองภาพความฝันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไกลตัว แทนที่จะเพิ่มแรงผลักดันแต่กลับทำให้รู้สึกท้อใจระหว่างทาง เพราะทำเท่าไหร่ก็ยังไกลจากความฝันที่มุ่งหมายไว้
หนังสือได้ยกตัวอย่างร้านซูชิชื่อดังแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นของคุณ จิโร่ ซึ่งเริ่มทำร้านซูชิโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการเลี้ยงชีพ และร้านซูชิเป็นร้านอาหารที่ต้นทุนต่ำ คุณจิโร่ไม่ได้เริ่มทำร้านอาหารด้วยความรัก ไม่ได้เกิดจาก passion แต่เริ่มจากการทำสิ่งเล็กๆอย่างจริงจัง(มากๆ)
คุณจิโร่มีความพยายามอย่างที่จะทำซูชิที่อร่อยและทำให้อร่อยมากขึ้น และอร่อยมากขึ้นจน 'บ้าคลั่ง' คือ อร่อยจนไม่น่าจะหาซูชิที่อร่อยกว่านี้ได้
เค้าหากลวิธีเก็บไข่ปลาแซลม่อนที่ให้มีรสชาติเหมือนกันในทุกฤดู
หาฟางข้าวหลายแบบ รมควันกับเนื้อปลาหลายชนิดเพื่อหารสชาติที่อร่อยที่สุด หรือแม้แต่หาวัดอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดของเนื้อปลาและมือของของคนที่ปั้น ซูชิจะถูกเสริฟ ในช่วงเวลาที่หมาะสมที่สุด เพื่อให้ลูกค้าได้กินซูชิที่รสชาติดีที่สุด
ความจริงจริงจังทำให้เค้าทำสิ่งต่างๆด้วยความเพลิดเพลิน
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่อิคิไกของคุณจิโร่ นั่นก็คือ การตื่นขึ้นมาแต่ละวันเพื่อทำซูชิที่ดีที่สุด
2.การทำตอนเช้าให้เป็นช่วงเวลาที่ดี บางคนบอกว่าชีวิตแต่ละวันของเราจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับช่วงเวลาตอนเช้า ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หลังตื่นนอน สิ่งที่เราทำหรือ คนที่เจอในตอนเช้า
หนังสือเล่มนี้แนะนำให้สบตาใครซักคนที่ผูกพันธ์ กล่าวคำทักทายกันในตอนเช้า วิธีนี้จะทำให้ศูนย์การหลังฮอร์โมนทำงานได้ดีขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น
มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อย ทำกิจกรรมบางอย่างให้เป็นกิจวัตรหรือพิธีกรรม เช่น การดื่มกาแฟ กินขนมที่ชอบเพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเองในตอนเช้า ให้รู้สึกว่าทีสิ่งดีๆตอนเช้า
3.ให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง การพูดและทำตั้งใจทำให้บรรลุผล
หนังสือได้ยกตัวอย่าง ร้านเมล่อนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ปลูกเมล่อน โดยให้แต่ละต้น มีเมล่อนเพียงลูกเดียวเพื่อให้สารอาหารทั้งหมดถูกส่งไปที่ลูกเมล่อนเพียงลูกนั้น เมล่อนลูกนั้นจึงเป็นเมล่อนที่อร่อยและพิเศษที่สุด
เหมือนกับชีวิตของคนเรา ถ้าเราสนใจหลายๆอย่างไปพร้อมกัน พลังงานของเราจะถูกกระจายไปตามสิ่งต่างๆ เราอาจทำได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านั้นอาจไม่มีพลังเท่ากับการพุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของเราเพียงไม่กี่อย่าง เพื่อจัดการสิ่งเรานั้นด้วยพลังทั้งหมดที่เรามี เพื่อให้สิ่งนั้นมีความหมายต่อเรามากขึ้น
4.หนึ่งชีวิตหนึ่งครั้ง เป็นปรัชญาของชาวญี่ปุ่นที่ให้เราปฏิบัติต่อผู้คนหรือสิ่งของที่เราพบเจอเป็นเป็นการเจอกันครั้งเดียวในชีวิต เมื่อเป็นการพบเจอเพียงครั้งเดียวเราย่อมจะสนใจในคนคนนั้นหรือสิ่งๆนั้นมากขึ้น หลายครั้งที่ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบทำให้เรามองข้ามความสวยงาม ความประณีตของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว การเพิ่มความใส่ใจต่อสิ่งรอบตัวจะนำเราไปสู่สถานการณ์ที่มีความหมายที่เราอาจไม่เคยได้มองข้ามมาตลอด
5.การจดจ่อกับสิ่งที่ทำโดยไม่สนใจว่าจะมีคนเห็นหรือไม่
หนังสือได้ยกตัวอย่างบาร์เทนเดอร์คนหนึ่ง ใช้เวลาฝึกฝนการทำเครื่องดื่ม โดยไม่ได้สนใจส่าต้องมีคนเฝ้าดู ต้องมาคนสัมภาษณ์ หรือต้องมีคนมาสนใจ เขาแค่จดจ่อและมีความสุขกับการฝึกฝนของตัวเอง และสิ่งนั้นเป็นเหตุผลที่เค้าอยากมีชีวิตอยู่
6.ให้ทำงานอดิเรกอย่างมี passion การทำงานไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต เรายังมีเวลาว่างหรือเวลาอื่นให้ได้ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่เรารักเพื่อให้ชีวิตได้รับการเติมเต็ม บางคนอาจได้ค้นพบ อิคิไก จากงานอดิเรกของตัวเอง
บางคนมักมีความเชื่อ ว่าเราจะมีความสุขเมื่อเราได้เติมเต็มความฝัน แต่ในความจริงสิ่งนั้นอาจเป็นมายาคติหรือเป็นสิ่งลวงตาที่เราสร้างขึ้นมาเอง เราสร้างภาพมายาหลอกตัวเองว่าเราตะมีความสุขเมื่อเราทำตามความฝันเท่านั้น หากเรายอมเปิดใจมองความจริงมองข้ามภาพลวงที่เราสร้างขึ้นืแม้ไม้ได้ทำตามความฝันเราก็อาจมีความสุขจากสิ่งอื่นที่เราพอใจได้
เพราะความสุขไม่มีแบบสำเร็จเราสามารถทดลองและออกแบบความสุขของตัวเองได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in