เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Academics การเรียนและสาระล้วน ๆdairangporn
LSAC สมัครเอง นักเลงพอ ไม่ง้อใคร ประสบการณ์ตรง เล่าทุกเม็ด ไม่มีกั๊ก
  • สวัสดีค่ะเราเป็นนักเรียนทุน ก.พ. ประจำปี 2562 นะคะ

    เห็นว่าช่วงนี้หลาย ๆ ท่านที่จบนิติศาสตร์ ป.ตรี มา น่าจะกำลังวางแผนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ไม่รู้จะสมัครอย่างไร เลยอยากจะมาอธิบายและแบ่งปันประสบการณ์การสมัครเรียนต่อปริญญาโทสาขากฎหมาย(นิติศาสตร์) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาผ่าน LSAC (Law School Admission Council)ที่หลาย ๆ ท่านอาจงง ๆ เรื่องขั้นตอน ไม่เข้าใจว่าทำอย่างไร

    จริง ๆมีกระทู้พันทิปของคุณ Nmwn เขียนไว้ละเอียดมากพอสมควรเกี่ยวกับ LSAC ลองไปอ่านกันก่อนได้ค่ะ

    https://pantip.com/topic/35649962

    ของเราเป็นปี 2562 ประสบการณ์อะไรต่าง ๆ ที่ประสบมา จะเล่าให้ฟังหมดเลยนะคะ

    เรื่องแรกที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์พลาดแล้วพลาดอีกในเรื่องบัญชี LSAC เป็นความประมาทเลินเล่อของตัวเองล้วน ๆ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์มาก ๆ ถ้านำมาแบ่งปันเผื่อใครเจอปัญหาแบบเดียวกันจะได้ไม่แพนิกนะคะ

    ปัญหาที่ 1 สมัคร LSAC เรียบร้อย แต่ชื่อผิด!!

    Typos เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในการพิมพ์ไม่ว่าจะภาษาไทย ภาษาแม่ของเรา หรือภาษาอังกฤษก็ตามแต่มันไม่ควรมาเกิดกับอะไรแบบนี้นะคะ 5555

    เรามาเห็นว่า ชื่อตัวเองผิด คือมีอักษรตัวหนึ่งที่คลาดเคลื่อนไปจากชื่อจริงซึ่งคิดว่ามาจากความเบลอตอนพิมพ์แล้วตรวจไม่ดี ทำไงล่ะทีนี้ชื่อเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ แต่เราตกใจไม่นานค่ะ วิธีการก็คือ เข้าไปดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอแก้ไข Biological Information ที่นี่ค่ะ

     https://www.lsac.org/sites/default/files/media/05082019_01_bio%20change%20form.pdf

    จากนั้น ปริ๊นต์ออกมาเขียน แล้วสแกนเข้าเครื่องพร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนตัวเองที่สแกนเข้าเครื่องแล้ว ส่งอีเมลไปที่ lsacbio@lsac.org  ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5-7วันทำการ

    คำเตือน :  LSAC Number ของคุณสำคัญมาก เขียนให้ชัดเจนนะคะ เราว่าเราเขียนชัดแล้วทางเจ้าหน้าที่ยังส่งอีเมลมาบอกว่าเลขเราผิดอยู่เลยค่ะ ต้องแคปหน้าจอ LSAC ไอดีไปให้ดู แต่ก็นั่นแหละค่ะ อยู่ในช่วง 5-7 วันแหละค่ะ

    ปัญหาที่ 2 สมัคร LSAC เรียบร้อย แต่วันที่เรียนจบ เขียนผิดเดือน!!

    ในทรานคริปต์ของเราระบุว่าเราจบ 6/2019แต่เราดั๊นไปเขียน 5/2019 ในระบบ เบลอเอง แง ทำไงดีล่ะ

    วิธีการก็คือ เขียนเมลไปแจ้ง llminfo@lsac.org โลดค่ะไม่มีพิธีรีตองมากมาย สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความค่ะ คุยกับเขานะคะว่าข้อมูลผิดตรงไหนอันนี้ตัวอย่างของเราค่ะ

     Dear LSAC staff,

    There was some incorrect information about my post-secondary institution,  xxxxx University. Since I had informed that date attended (ending) was 5 /2019, but after I contacted the university, I found that it was 6/2019 instead. Could you please change the information?

    My LSAC ID is Lxxxxxxxx.  

    Sincerely,

    ชื่อจริงตัวเอง

    ใช้เวลาไม่นานเช่นกันค่ะเร็วกว่าตอนเปลี่ยนชื่ออีก  ใช้เวลา 3 วันเองค่ะ

    เรื่องต่อมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับบัญชี LSACอยู่นะคะ แต่จะเกี่ยวกับการสมัครมหาวิทยาลัยและเอกสารค่ะ

    อันดับแรกที่ควรทำเมื่อสมัครบัญชี LSACแล้ว คือ กรอกข้อมูลค่ะ ทีนี้จะเห็นมันจะมีช่องที่สำคัญ มาก ๆ ๆ ๆ (ๆ ล้านตัว) คือ ส่วน Credentials ด้านบนประกอบไปด้วย Transcripts, Letters ofRecommendation และ English Proficiency ค่ะ ซึ่งในส่วน English Proficiency นั้น ถ้ามีคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL/IELST ที่อายุไม่เกิน 2 ปีอยู่แล้วก็กรอกเลยค่ะแต่ถ้ายังไม่มีคะแนนสอบหรือคะแนนเก่าหมดอายุแล้ว รออ่านขั้นต่อไปนะคะ เพราะเราก็สอบหลังสมัคร LSAC Account 55555

    แล้วจะจัดการไงต่อ? เริ่มแรก คือ Transcriptsค่ะ จุดเริ่มต้นที่พีคและตาแตกที่สุด 55555

    ก่อนอื่น ต้องเช็คก่อนนะคะ คำถามว่า Do you have, or are you in the process of earning, your first degree in law? ต้องมีคำตอบเป็น I have, or am in the process of earning, a degree in law  ไม่งั้น ไม่มีสิทธิ์เรียน LL.M.นะคะ เพราะ เขากำหนดเลยว่า ต้องมี LL.B. (ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต) ในมือ 1 ใบ  

    จากนั้นเลื่อนลงมาส่วน FIRST DEGREE IN LAW INSTITUTION กด Transcript Request Form มันจะขึ้นหน้าต่างเล็ก ๆ เป็น PDF กดปริ๊นต์เลยค่ะส่งให้มหาวิทยาลัยกรอกแล้วแนบ Transcript ของเราส่งไปรษณีย์ไปให้ทาง LSAC ที่อเมริกา (ที่อยู่ผู้รับจะอยู่ใน Transcript Request Form อยู่แล้ว) ขั้นตอนนี้ ต้องรัดกุมมาก ๆ นะคะมหาวิทยาลัยต้องส่งไปรษณีย์ปิดผนึกพร้อมประทับตรามหาวิทยาลัยไว้ข้างหลังซองมหาวิทยาลัยเราทำพลาดไปรอบแรก LSAC ปฏิเสธไม่รับโดยอธิบายมาในอีเมลของเราว่าส่งมาไม่ถูกต้องต้องมาแก้ไขกันวุ่นวายทีเดียวค่ะ

    ส่วน POST SECONDARY INSTITUTIONS ATTENDED คือมหาวิทยาลัยที่เราเรียนและได้รับปริญญาบัตรมา อาจจะไม่ใช่สาขากฎหมายก็ได้เผื่อใครมีปริญญาตรีมากกว่า 1 ใบนะคะ ใครมีก็ทำแบบเดียวกันกับ FIRST DEGREE IN LAW INSTITUTION ไม่มีก็ไม่ต้องนะคะ อย่างเรา เราเรียนปริญญาตรีอีกใบที่อีกสถาบันหนึ่งและไม่ใช่สาขากฎหมายด้วย ก็เลยต้องปริ๊นต์ Transcript Request Form ส่งให้มหาวิทยาลัยนั้นด้วยค่ะ 

    ส่วน SECONDARY SCHOOL (HIGH SCHOOL) ตรง Certificate or diploma กรอกว่า Matayom VI สำหรับคนจบ ม.6  นะคะ 

    จบแล้วค่ะ สำหรับส่วน Transcripts

    ต่อมา Letters of Recommendation (LOR) ค่ะ ก่อนอื่นต้องไปติดต่ออาจารย์ให้อาจารย์ที่สนิทสนมกันรบกวนให้ท่านเป็นคนเขียนให้บางมหาวิทยาลัยต้องการจากอาจารย์ 2 คน บางมหาวิทยาลัยต้องการ  3 คน

    อันดับแรก กด Add Recommender แล้วมันจะให้เราเลือกว่า เราจะ Waive access การเข้าอ่าน Letters of Recommendation หรือไม่ จากนั้นเราก็กรอกข้อมูลอาจารย์ให้ถูกต้อง

    มี 2 แบบให้เลือก คือส่งแบบกระดาษทางไปรษณีย์ กับ ส่งแบบ electronics เราเลือกใช้แบบ electronics ให้อาจารย์ส่ง LOR ไปให้ LSAC โดยขออาจารย์ให้ท่านเขียนแบบไม่เจาะจงมหาวิทยาลัยให้(แต่อาจารย์เราก็ทำแบบกระดาษเผื่อไว้นะคะ เผื่อไปใช้สมัครประเทศอื่นแต่สำหรับอเมริกา เราใช้แบบออนไลน์นี่แหละค่ะ สะดวกกับทางอาจารย์ด้วยไม่ต้องส่งไปรษณีย์ให้วุ่นวาย)   

    สำหรับคนที่อยากส่งแบบ electronics ต้องเขียนส่วน e-mail อาจารย์ให้ถูกต้องชัดเจนนะคะ เพราะ LSACจะส่งอีเมลให้อาจารย์โดยตรงและอาจารย์จะส่ง letters ทางอีเมลให้ทาง LSAC ค่ะ

    Description (max 30 characters)  เราเขียนว่า for all law schools ไปค่ะ แต่ถ้าสำหรับบางท่านที่อยากเจาะจงก็เขียนไปได้ค่ะ เช่น For Yale University only, For Stanford University only, For University of Pennsylvania only ฯลฯ  (ทั้งนี้ เราไม่ได้สมัคร 3 มหาวิทยาลัยข้างต้นไปนะคะ แค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ 555)

    Number of letters from this recommender : เลขของจดหมาย หมายความว่า สมมติเราให้อาจารย์ชื่อ A ส่งถึงมหาวิทยาลัยก ก็เป็นเลข 1 และอาจารย์ A ส่งถึงมหาลัย ข ต้องเป็นเลข 2ถึงแม้จะเป็นอาจารย์คนเดียวกันก็ตาม เพราะว่า เมื่อเอกสารส่งถึง LSAC เราจะเป็นคน Assign letters เองค่ะว่า มหาวิทยาลัยไหนใช้letters เลขที่เท่าไหร่

    สำหรับคนเลือกส่งแบบกระดาษโดยไปรษณีย์ ทาง LSAC จะส่งแบบฟอร์มเอกสารให้อาจารย์เซ็น เมื่ออาจารย์เซ็นเสร็จให้ใส่ไปพร้อม LOR แล้วใส่ซองปิดผนึก ให้อาจารย์เซ็นปิดผนึก ใส่ซองรวมกันส่งไปให้ LSAC

    ส่วนสุดท้าย English Proficiency ค่ะ ส่วนนี้เราเลือกสอบ TOEFL ใครจะสอบ TOEFL ต้องมีบัญชีกับ ETS ก่อนนะคะ 

    สมัครที่ https://www.ets.org/toefl 

    แล้วก็เลือกวัน เวลา สนามสอบค่ะ 

    ส่วนจะให้ส่งคะแนนไปที่ไหนนั้น ให้กรอก 8395 ค่ะ เป็นโค้ดของ LSAC ที่ทาง ETSจะส่งคะแนนมาให้ 

    แล้วเราต้องมาอัพเดตกับทางบัญชี LSAC ด้วยค่ะว่าสอบไปเมื่อไหร่ คะแนนจะส่งเข้าระบบ LSAC หลังจากประกาศผลสอบประมาณ 3-5 วันทำการค่ะ

    ทั้งนี้ เพื่อความสมบูรณ์ในบัญชี LSAC เราต้องรีบดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายเงินในบริการที่ LSAC มีให้ คือ Credential Assembly Service (CAS) ได้แก่ บริการจัดส่งเอกสารไปให้มหาวิทยาลัย หรือ Document Assembly Service (DAS) และ บริการจัดทำเอกสารประเมิน Transcript ให้เป็นระบบอเมริกัน International Transcript Authentication and Evaluation Service (ITAES)  ให้เร็วที่สุดนะคะ ไม่จ่ายเขาไม่ทำ ดำเนินการช้านะคะ

    Credential Assembly Service (CAS)

       - Document Assembly Service (DAS) $85

       - International Transcript Authentication andEvaluation Service (ITAES) $135

       สำหรับนักเรียน International อย่างเราๆ ควรจ่ายทั้ง 2 บริการนี้เพื่อความสะดวกสบายในกระบวนการสมัครนะคะจะได้ดำเนินรวบรวมเอกสารสำคัญและประเมินทรานสคริปต์ได้อย่างไม่มีปัญหาวิธีจ่ายเงินคือ Add to Cart แล้วจ่ายผ่านบัตร VISA,MASTERCARD ใด ๆ ก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเป็นบัตรเครดิตเพราะของเราจ่ายด้วยบัตรเดบิตค่ะ ทั้งสองอย่างนี้ จ่ายครั้งเดียวจบ ครบทุกบริการจะสมัครเรียน LL.M. ที่อเมริกาสักกี่ครั้งก็ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้อีกแล้วนะคะ ครอบคลุมตลอดชีพบัญชี  

    ถ้าจะจ่ายก็มีเพียงค่าใบสมัครแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งจะแตกต่างกันไป และค่า Law School Report Fees มหาวิทยาลัยละ $30 ค่ะ (ReportFees คือ รายงานกระบวนการส่งเอกสารไปมหาวิทยาลัยที่เราสมัครนะคะ LSACจะเป็นคนจัดการให้ เช่น สมมติเราสมัคร 2 มหาวิทยาลัย คือมหาวิทยาลัย A กับ มหาวิทยาลัย B มหาวิทยาลัยA จะมีค่าใช้จ่ายส่วนของค่าใบสมัคร $xx + Report Fees$30 มหาวิทยาลัย B ก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนของค่าใบสมัคร $yy + Report Fees $30 )ค่าใช้จ่ายรวมก็จะเป็น xx+30+yy+30 =เงินที่ต้องจ่ายค่ะ สำหรับค่า Report Fees นั้น จะอยู่ในส่วนAdd to Cart ของ LSAC อยู่แล้ว ส่วนค่าสมัครจะขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยว่าจะให้จ่ายอย่างไรค่ะเช่น บางมหาวิทยาลัยจะรวมอยู่ใน Add to Cart และ หักจากบัตรเครดิต/เดบิตพร้อมกับReport Fee เลย บางมหาวิทยาลัยให้ไปกรอกข้อมูลในเว็บก่อนเป็นต้น ค่ะ

    ที่เหลือก็เป็นกระบวนการหามหาวิทยาลัยและกรอกใบสมัครค่ะถ้าใครมีมหาวิทยาลัยในดวงใจก็ไปที่เว็บของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ เลยค่ะทางมหาวิทยาลัยจะเชื่อมไปยัง LSAC อัตโนมัติให้เรากรอกใบสมัครส่วนใครยังไม่รู้จะไปไหน ใน LSAC มีระบบให้ค้นหามหาวิทยาลัยด้วยนะคะมีคีย์เวิร์ดแบ่งตามชื่อมหาวิทยาลัย และมลรัฐที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ ตั้งอยู่ค่ะ ที่สำคัญถ้าเกิดเลือกได้แล้วว่าจะไปไหน ก็กรอกใบสมัครโลดค่ะ อย่าลืมเช็ค Deadline และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ปรากฏใน LSAC ด้วยนะคะ เช่นบางมหาวิทยาลัย กำหนดให้ส่งเอกสารที่เป็นของมหาวิทยาลัยนั้น ๆแนบไปด้วยทางไปรษณีย์ เช็คให้รอบคอบนะคะ

    ขอให้ทุกท่านได้ตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่คาดหวังไว้ค่ะ

     

     

     

     

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in