ผมเริ่มวันอันปกติสุขของผม (ปกติสุขในสภาพอารมณ์เฉาใกล้ตาย ถ้าเทียบกับมนุษย์ปกติก็นับว่าค่อนข้างแย่) ด้วยการแต่งตัวไปเรียน เอาจริงๆ อาทิตย์แรกของการเรียนก็มีเพียงการบรรยายอธิบายรายวิชา ผมไม่ได้เข้ารับน้องของทางคณะเพราะปัญหาทางสภาพอารมณ์ของผม และไม่ได้ต้องการรุ่น เพราะมีปณิธานที่จะย้ายก้นอุ้ยอ้ายของตัวเองไปสู่ย่านบางเขนในอนาคตอันใกล้ ผมดูต้องเป็นคนที่ซีเรียสกับเรื่องบ้าๆนี้ แต่กลับกัน เพื่อนๆที่เข้ารับน้องของผมสองคน กำลังเครียด คนนึงก็ป่วยอีกต่างหาก ผมก็สงสารพวกเขาหน่อยๆ แหละนะ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกระโจนทั้งตัวลงไปด้วย แต่ที่ผมทำคือ ยื่นหูไปฟังสักหน่อยละกัน
งานแรกของวิชาประจำคณะอัดเข้ามาตั้งแต่อาทิตย์แรก แต่กลับกลุ่มที่เข้ารับน้องต้องทำงานของรับน้องไปด้วย นั่นคือปัญหาสำคัญที่เพื่อนผมกังวล เพราะเวลาที่น้อยจนไม่ได้นอน ความเครียดถาโถมจากการกดดันของรุ่นพี่ เอาเป็นว่าแย่ทั้งสุขภาพกายและใจ เลยมีความคิดที่จะออกจากการรับน้อง ทำให้ต้องเครียดอีกต่อกับการดีลกับเพื่อนๆที่เหลือที่รับน้อง ที่พยายามจะเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนทั้งสองผมกลับไป แต่อย่างที่ผมบอกครับ วันนี้มันวันปกติสุขของผม มีเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายกะจะซักกางเกงใน นอนชิลๆ ออกไปซื้ออุปกรณ์กับเพื่อนทั้งสองคน (ที่กำลังกล่าวถึงอยู่) แล้วกลับมาตากกางเกงใน
แต่ปัญหาเกิดตรงที่ระหว่างกลับจากซื้ออุปกรณ์ เพื่อนจากคณะก็โทรมาเกลี้ยกล่อม ให้ไปหารุ่นพี่ที่คณะอะไรซักอย่าง ผมฟังไม่ถนัด แต่ที่หนักๆคือ ผมต้องนั่งตึงกับทั้งสองคนที่กำลังตึง ทุกอย่างมันตึงไปหมดครับ สองคนนั่งเงียบ นัยน์ตาแสดงออกอารมณ์บางอย่าง แต่ผม โคตรจะนิ่ง ร่างกายผมนิ่งไปด้วย แต่ใจแสนจะกระวนกระวาย เพราะกางเกงในผมยังอยู่ในเครื่องซักผ้าที่หอ แต่ช่วงเวลาอันตึงเครียดนี้ก็ทำให้ผมได้ตกตะกอนอะไรหลายๆอย่าง มันสืบเนื่องไปถึงอนาคตเลยนะ ว่าถ้าถึงขณะที่ผมได้ย้ายไปอีกมหาลัย แล้วมันมีรับน้องอย่างนี้ ผมจะรับมือยังไง โดนที่ไม่มีเพื่อน ขนาดอยู่นี่มีเพื่อน เพื่อนๆผมยังหอบจับเลย มันทำให้ผมได้ตระหนักว่า เมื่อถึงบางจุดที่เราต้องเลือก แล้วมันมีข้อดีกับข้อเสียร้ายแรงทั้งสองชอย์ เราจะเลือกอะไร ดูอินนะครับ แต่ผมไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ทั้งสองคน ผมมันคนนอก นอกมาตั้งแต่แรก ผมไม่ได้จะเป็นคนที่ยืนต้านกระแสคลื่นลมแห่งการรับน้อง แต่ก็ไม่ไหลตามไปเหมือนกัน การรับน้อง ระบบ SOTUS นั้นเป็นเรื่องที่เหมือนเราจะถกเถียงกันในประเทศ แต่ก็ไม่แก้อะไรจริงจังสักที บางทีเราอาจจะถนัดการเบลอปัญหามากกว่าแก้ในระยะยาว
กลับมาที่เรื่องส่วนตัวของผม สภาพตอนนี้ก็ปกติ (ปกติที่ต่ำกว่ามาตรฐาน) ยังนอนตื่นกลางดึกเป็นปกติ นอนไม่หลับปกติ แต่ก็ยังพอมีอะไรให้ขำบ้าง เช่นบทนำที่มีคนเข้ามาเยอะเพราะดันเอารูปเชสเตอร์ ไปตั้งเป็นปก ผมขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด ตอนนี้ลบปกไปแล้ว โรคภูมิแพ้ก็ยังอยู่ สภาพตอนนี้ วิธีเดียวที่พอจะผ่อนคลายจิดใจได้ก็คือดิ้นท่าเดียวกับไทเลอร์ โจเซฟ ใน MV เพลง Holding On To You ที่ผมเอามาช่วยดึงสติ และแสดงความศรัทธาที่ยึดมั่นกับตัวเองเสมอ ผมเหมือนจะโอเค ไม่แน่ใจว่ามันเป็นอาการชินหรือเปล่า หวังว่าจะผ่านสัปดาห์แรกที่นานเหมือนเป็นปีได้ ตอนนี้ผมเหนื่อยแล้ว ผมขอตัวไปตากกางเกงในก่อนนะครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in