สวัสดีทุกคนที่หลงกดเข้ามาอ่านบล็อคนี้ นานมาแล้วที่ไม่ได้เขียนบล็อค ล่าสุดคือเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อวานนี้ เราได้ไปดูหนังเรื่อง Burn the stage the movie ของ BTS มา เลยอยากจะมาเขียนบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึก แรงบันดาลใจหรือข้อคิดดีๆที่ได้จากหนังหรือสารคดีเรื่องนี้กัน
เริ่มตั้งแต่กดบัตรเลย ด้วยความที่เป็นหนังที่ฉายรอบเดียว ดังนั้นการซื้อบัตรให้ทันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากติดเรียนเราเลยฝากน้องในห้องที่ลาเรียนไปกดบัตรมาให้ :P ขอบคุณมากนะน้ำฟ้า น้องไปกดให้ตั้งแต่ห้างเปิดสิบโมง จนถึงเวลากดบัตรคือหกโมงเย็นเลย อาร์มี่(ชื่อแฟนคลับ)น่ากลัวกันมาก55555 ไม่อยากจะนึกภาพวันกดบัตรคอนเลยล่ะ
พอถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน ก็คือเมื่อวานนั้นแหละ เป็นวันฉายหนัง Burn the stage จริงๆสักที เราเลิกเรียนแล้วรีบบึ่งไปเลย แลกบัตรแข็งและของที่ระลึกเสร็จก็นั่งพักสักหน่อยรอเวลาเข้าโรงหนัง บัตรแข็งที่ระลึกสวยมาก และของที่ระลึกได้โปสการ์ดสองใบ ซึ่งเราแอบอิจฉามี่ญี่ปุ่นหน่อยๆ เพราะได้ของที่ดีกว่านี้ แต่ก็โอเค เพราะบัตรแข็งที่สีฟรุ้งฟริ้งนี้มันน่ารักมากเลยล่ะ
พอเข้าไปนั่งแล้วระหว่างรอใจก็เต้นดุ้มๆด้อมๆตื่นเต้นมาก จนพอหนังเริ่มฉายเราก็เหมือนถูกดูดเข้าไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งก็คือ 'ทะเลทราย'
'ทะเลทราย' คืออะไรกันหน่ะ ? เมื่อหนังเริ่มนั้นมีประโยคที่พูดออกมาเกี่ยวกับทะเลทรายกับโอเอซิสมากมาย ตอนนั้นเราไม่เข้าใจเลย ได้แต่คิดว่าคงเป็นแค่บทกลอนซึ้งๆสักหนึ่งบท หรือคำคมจากหนังสือสักเล่ม เพียงเท่านั้นเอง
หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยการเล่าเรื่องราวต่างๆตั้งแต่คอนวิงส์ทัวร์ (Wings Tour)ตั้งแต่เมื่อปี2017จากคอนแรกจนถึงคอนสุดท้าย เราที่เป็นแฟนคลับ มีหน้าที่รอพวกเค้ามาหา ซื้อบัตรและเข้าไปดูพวกเค้าแค่นั้นเอง แต่หนังเรื่องนี้จะแสดงในมุมมองของคนที่ทำงานเบื้องหลัง มุมมองของบังทันและความรู้สึกของพวกเค้า ความสุขและความเหนื่อยล้าที่เราไม่สามารถรับรู้ได้เลย
ตอนเริ่มทำทัวร์นี้นั้นบังทันทุกคนล้วนหวาดกลัวกัน ไม่มีความเชื่อมั่นเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงๆไหม เพียงแต่พวกเค้าก็เลือกที่จะมั่นใจในสิ่งที่พวกเค้าเลือก เรายังจำได้มีฉากนึงที่พี่ก้าพูดว่า จริงๆเหมือนพวกเราคิดว่าพวกเรามีเวลาพักกันมากเวลาทัวร์ เราอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนจะแสดงคอนเสิร์ต อยากรีบๆนอน แต่เอาเข้าจริง ก็ต้องประชุมการจัดท่า ประชุมเรื่องเสียง ซึ่งตอนที่พี่ก้ากำลังพูดอยู่นั้น พี่จิน(?)ก็เดินเข้ามาบอกว่า มาเร็วต้องไปประชุมต่อ 555555 ซิทคอมมาก
พวกเค้าทัวร์ตลอดเวลา ยิ่งทัวร์มากเท่าไหร่ ยิ่งเกิดการบาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติซึ่งพวกเราทุกคนรู้ดี แต่ทุกครั้งที่เห็นเค้าเจ็บปวดหรือบาดเจ็บ แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้รู้ดีเท่าไหร่นักหรอก โดยเฉพาะแฟนคลับอย่างเราๆ คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากภาวนาให้พวกเค้ากินอิ่มนอนหลับพักผ่อนเยอะและสุขภาพแข็งแรง
มีฉากดราม่า คือตอนที่จีมินทำพลาดในโซโล่ตัวเอง แล้วเฟลมากๆ พี่ๆทุกคนพยายามปลอบน้อง พี่จินบอกว่า "จีมิน ทำได้ดีอยู่แล้ว จีมินหน่ะ เก่งที่สุด" แต่น้องก็ยังเฟลมากๆ จนเดินไปในห้องพักที่มีแทอยู่ แทถามจีมินว่า "เป็นอะไรไหม" ปกติจีมินจะไม่เมินแทเลย แต่รอบนี้น้องกลับเมินเฉย จนแทต้องเดินมาลากจีมินออกไปนอกห้องและกลับมานั่งที่เดิม มันอาจจะเป็นฉากธรรมดาๆ แต่สำหรับเรา มันอบอุ่นดีนะอบอุ่นในแง่ของความเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่ายมากๆ เป็นห่วงจนอยากรับฟังปัญหา เผื่อจะสามารถแบ่งเบามาได้บ้าง นั้นมันน่ารักมากเลยไม่ใช่หรือไงกัน ?
มีประโยคนึงที่นัมจุนพูดไว้ว่า 'สิ่งที่พวกเรากลัวไม่ใช่ความผิดพลาดแต่คือการบาดเจ็บ'
เพราะยิ่งพวกเค้าต้องเต้นต้องขึ้นแสดงบ่อยมากขึ้นทำให้หลีกเลี่ยงความบาดเจ็บนั้นไม่ได้เลย ฉากที่พี่ม่อนเจ็บขาจนต้องใส่เฝือก ฉากที่จองกุกเหนื่อยจนไม่ไหวแต่ยังเต้นต่อจนจบคอน ฉากที่จีมินล้มแต่ยังบอกว่าไม่เป็นไร มันทำให้เรารู้ว่าเบื้องหน้าที่สวยงาม มักจะมีความเจ็บปวดเสมอ
จองกุกได้พูดไว้หนึ่งประโยค ที่ทำให้เป็นเหตุผลตอนที่น้องเลือกจะแสดงต่อตอนนั้น ว่า “ตั้งแต่มาเป็นบังทัน ผมก็เลิกนึกถึงตัวเองไปเลย เพราะเราเป็นเหมือนชิ้นส่วนนึงในวง ถ้าขาดเราไป ชิ้นส่วนจะไม่สมบูรณ์ วงก็จะไม่สมบูรณ์” หลังจากที่น้องพูดจบ ทำให้เราได้อะไรมากมายจากคำพูดน้องจริงๆ เด็กคนนึงที่เลือกจะเดินในทะเลทราย นี้ ไม่รู้จุดมุ่งหมาย ไม่รู้ปลายทาง แค่เค้าก็ช่างเข้มแข็งจนน่าใจหายซะจริง แต่ก็ไม่แปลกใจเลย เพราะเค้ามีอีก 6 คน ที่พร้อมจะเดินไปพร้อมกันๆกับเค้าเสมอ
หนังดำเนินไปเรื่อยๆๆ จนมาถึงคอนที่ประเทศไทย คนในโรงกรี้ดกร้าดกันเบาๆพอหอมปากหอมคอ ไม่ได้ฉายอะไรมาก นอกจากวิวประเทศไทย อิมแพคอารีน่า และพี่ม่อนที่เขียนเพลงในห้อง และจองกุกก็ได้พูดอีกประโยคที่ว่า "พวกเค้าดีใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พวกเราทำ นั่นมันอบอุ่นมากเลยนะ" มันทำให้เรารู้ว่าพวกเค้าคอยแอบมองอาร์มี่อยู่เสมอ และนั้นก็อบอุ่นมากเช่นกันนะ จองกุกอา
ดำเนินเรื่องมาจนถึงกลางๆเรื่อง ก็เป็นตอนที่บังทันได้รับรางวัลบิลบอร์ด คำแรกที่แรปม่อนกล่าว ก็จะเป็นอาร์มี่เสมอ มีตอนที่ทุกคนไปช้อปปิ้งกัน พี่ก้าปกติที่จะไม่ออกไปไหน วันนั้นก็ออกไปด้วย เพื่อซื้ออุปกรณ์ทำเพลง 555555 แถมยังกินไวน์จนหน้าแดงไปหมด พี่ก้าบอกว่าปกติไม่ชอบดื่มเวลาแต่งเพลง เพราะมักจะคิดไม่ออก ปวดหัว แต่พรุ่งนี้ไม่มีคอน วันนี้เลยกินได้ พี่!5555 และทุกคนเห่อกับรางวัลนี้มาก มีการแซวตากล้องว่าคุณทำงานให้กับศิลปินบิลบอร์ดแล้วนะ พูดบ่อยจนตอนที่นัมจุนกำลังพูดกับกล้องอยู่นั้น ยุนกิบอกว่าหยุดพูดมั้ง นัมจุนโวบวายบอก ชั้นยังไม่ได้พูดถึงเลยนะ แม้แต่ตัวบียังไม่ทันได้ออกจากปากชั้นเลย น้องๆพากันฮาหัวเราะกันไป ทุกคนในโรงก็ฮาตามๆกัน
มีฉากที่ทุกคนสลับกันร้องเพลงโซโล่ของอีกคนด้วย พี่โฮปร้องของวี วีร้องเพลงจองกุก กุกร้องแรป และตลกสุดคือพี่ก้า ผันตัวไปเป็นโวคอล 55555 (คนอื่นๆเราจำไม่ได้ค่ะ ฮือ)
อีกฉากที่ประทับใจคือตอนที่หลังได้บิลบอร์ดแล้วบังพีดีนิมไปหาน้องๆ พูดคุยกันนิดหน่อย แต่ก็บอกว่า 'พวกคุณอย่าลืมหาความสุขให้ตัวเอง เพราะดนตรีคือสิ่งที่พวกคุณรัก ถ้าคุณไม่มีความสุขคุณจะไม่สามารถทำมันได้ และสำคัญที่สุดอย่าลืมแฟนๆของพวกคุณ' สำหรับเรามันน่ารักมากๆเลยนะ การที่พีดีใส่ใจห่วงใจเด็กในค่ายแบบนี้ และอยากจะแน่ใจว่าเด็กๆของเค้ามีความสุขกับเส้นทางนี้จริงๆ เหมือนมันคือการส่งต่อความสุขในรูปแบบของดนตรี พวกเค้ารับรู้ในความรักของพวกเราและในขณะเดียวกันเราก็รับรู้ได้ถึงความรักของพวกเค้า
จนหนังดำเนินเรื่องมาถึงช่วงท้ายๆ จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้พอจะดราม่าก็จะตลกขึ้นมาซะดื้อๆ โดยเฉพาะคิมซอกจินที่ทำให้หนังเรื่องนี้ตลกขึ้นมา อบอุ่นขึ้นมาและดูธรรมชาติขึ้น มันทำให้เรารักพี่จินมากขึ้นจริงๆ
ตอนนึงที่พี่จินถามจองกุกกับจีมินว่า "2-1 ได้เท่าไหร่ " น้องๆตอบ"หนึ่ง" แล้วซุบซิบๆกัน พี่จินโวยวายบอก "พวกนายงี่เง่ารึไง นายไอคิวเท่าไหร่กันมั้ง" กุก "128" "แล้วนายละ" จีมินตอบ "น่าจะ 128 เหมือนกัน" พี่จินเลยบอกว่า "ทำไมเก่งจังวะ 555555 ฉันแค่ 107 เอง"
โว้ยยยยย พี่จิน!ไปแสดงตลกไหมมม
มีฉากที่ไปเที่ยวด้วยกันด้วย ทำบาร์บีคิวกินกัน จีมินถือกระป๋องเบียร์มาวางเต็มไม้เต็มมือ 55555 แล้วก็ทั้งดื่มทั้งเต้นกันอย่างตลกโปกฮาตามสไตล์บังทัน จบด้วยการกระโดดน้ำลงสระ จองกุกตีลังกาตลบหน้าหลังอย่างหล่อ ตัดภาพมาที่พี่จิน โดดแบบลุงๆสไตล์เค้าละคนนี้
ตอนสุดท้ายนั้น กล้องจะถ่ายบังทันที่นั่งให้สัมภาษณ์ทีะคน บอกความรู้สึกของแต่ละคน
"เราจะไม่สามารถส่งพลังให้แฟนๆได้เลย ถ้าหากเรานั้นไม่ได้รับพลังนั้นก่อน" จองกุก
"ผมอยากแสดงให้อาร์มี่ได้เห็นว่าเราเจ๋งแค่ไหน" แทฮยอง
"พวกเราจะเป็นเหมือนเดิมตลอดไป" จีมิน
"ถ้าจะให้ขออะไรอีก มันคงจะมากเกินไป" เจโฮป
"ผมตื่นมาทุกเช้า แม้ว่าจะเหนื่อยแต่กลับสดชื่นทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาครับ" จิน
"ถ้าพวกเราช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของพวกคุณลงจาก100 เหลือ 99,98,97......ได้ เท่านั้นก็เกินพอแล้วครับ" นัมจุน
"คิมซอกจิน คิมนัมจุน จองโฮซอก พัคจีมิน คิมแทฮยอง จอนจองกุกและมินยุนกิ บางครั้งชื่อพวกเราก็ฟังดูแปลก จิน อาร์เอ็ม เจโฮป วี จองกุก ชูก้าและบีทีเอส ถึงจะเปลกแต่ก็เป็นอีกตัวตนนึงของเรา" ยุนกิ
และหนังเรื่องนี้ก็จบลง ด้วยข้อความที่บังทันอยากจะบอกพวกเราอาร์มี่เสมอว่า
"Special thanks to our wings,Army
อาร์มี่
ขอบคุณที่สุดที่เป็นปีกให้เรา "
เมื่อหนังจบ ชั้นก็เข้าใจทะเลทรายเมื่อตอนแรกนั้นแล้วละนะ
'ฉันเปรียบดังทะเลทราย ที่ต้องการมหาสมุทร พอฉันได้ดื่มมันเข้าไป ฉันกลับกระหายมากขึ้น'
หลังจากหนังจบลง พวกคุณเข้าใจคำว่า'ทะเลทราย' รึยังละ? ลองฟังเพลง SEA-BTS ดูอีกที เพลงของบังทันหน่ะ ไม่เคยเป็นแค่เพลงหรอกนะ
ทะเลทรายก็เสมือนจุดๆนึง ที่บังทันเคยยืนอยู่ตรงนั้น แห้งแล้ง เวิ้งว้างและไม่มีจุดสิ้นสุด แต่เมื่อพวกเค้าเริ่มออกเดินทาง ก็ได้พบกับพวกเรา 'โอเอซิส' ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง ใช่และนั้นคืออาร์มี่ จนพวกเราค่อยๆก่อตัวทีละเล็กละน้อย ในที่สุดจึงกลายเป็นมหาสมุทร ชุ่มช่ำเวิ้งว้างและไม่มีจุดสิ้นสุด เฉกเช่นทะเลทราย แต่กลับแตกต่างกันอย่างมหาศาล เพราะมหาสมุทรจะคอยโอบกอดทะเลทรายที่นอนอยู่บนพื้นทะเล เช่นเดียวกับที่ทะเลทรายก็จะคอยปลอบโยนมหาสมุทรในทุกๆที่ทุกๆความเวิ้งว้างทุกๆความโศกเศร้า ทุกๆความสุข ทุกๆความหวัง ความสัมพันธ์นี้ไม่มีชื่อเรียกและไม่มีจุดสิ้นสุด
END talk : แด่ ฉัน พวกเขา และเรา ขอให้มีความสุขกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกนี้นะ เจอกันใหม่ อาจจะในคอน ห้างสรรพสินค้า กรุงเทพ ประเทศไทย หรือสักที่บนโลกใบนี้ อาจจะใต้มหาสมุทรหรือในความฝัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in