มองอย่างผิวเผินการกระทำของแม็กนีโตก็มีความย้อนแย้ง เพราะวิธีคิดที่เขาพยายามสถาปนาโลกที่ปกครองโดยมิวแทนต์ในฐานะเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งกว่าก็เป็นวิธีคิดแบบเดียวกันกับแนวคิดเรื่องความเป็นอารยันที่นาซีใช้กำจัดชาวยิวอย่างที่เขาเคยโดน ด้วยความเชื่อที่ว่ามนุษย์ผมทองตาสีฟ้าเหนือกว่ามนุษย์สายพันธุ์อื่น!
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การที่มนุษย์พิจารณามนุษย์กลายพันธุ์ว่าอาจเป็นอันตรายต่อ ‘มนุษย์ปกติ’ ก็นับว่าเป็นการแบ่งแยกสายพันธุ์ระหว่าง ‘ไม่กลายพันธุ์’ ’ กับ ‘กลายพันธุ์’ เช่นกัน
สำหรับมนุษย์แล้วสายพันธุ์อื่น (ที่ไม่ใช่มนุษย์) ที่ดูว่าเป็นภัย ก็จะถูกมนุษย์ผู้สูงส่งเริ่มบริหารจัด ‘ระดับการมีมนุษยธรรม’ ให้ผกผันไปตามที่มนุษย์แต่ละสายพันธุ์จะได้รับประโยชน์ (แม้ว่าอีกสายพันธุ์หนึ่งจะมีรูปลักษณ์ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ปกติก็ตาม) ซึ่งในที่สุดก็ชวนให้คิดถึงสิ่งที่มนุษย์ถือวิสาสะกระทำต่อสายพันธุ์อื่นๆ อีกชั้นหนึ่ง
ดังนั้น ด้วยความซับซ้อนของเรื่องและการเสนอคำถามที่ยากจะตอบ จึงยากที่จะตัดสินว่าในที่สุดแล้ว สายพันธุ์ไหนกันแน่ที่เป็น ‘ตัวร้าย’ หรืออาจต้องขบคิดมากไปกว่านั้นว่า เราใช้สายตาจากสายพันธุ์หรือจุดยืนใดมองคนอื่น?
ในแง่หนึ่ง สิ่งที่ผลักดันแม็กนีโตคือการถูกคุกคามควบคุมจากมนุษย์ (และการสูญสิ้นศรัทธาในตัวมนุษย์) สิ่งที่เขาทำอาจเป็นการพยายามปกป้องสายพันธุ์ของตัวเอง ถ้าฟังอย่างนี้ก็อาจจัดได้ว่าไม่ผิด รวมถึงพวกเราเองในฐานะมนุษย์ก็อาจได้ย้อนนึกถึงความอหังการของเรา ที่กล้าประกาศว่าตัวเองอยู่เหนือสายพันธุ์อื่น ทั้งพืช ทั้งสัตว์
ซึ่งสายพันธุ์อื่นๆ นั้นอาจจะกำลังมองมนุษย์ในฐานะตัวร้ายตัวสำคัญบนโลกใบนี้อยู่ก็เป็นได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in