เมื่อมหาสงครามระหว่างเหล่าเทพแห่งแอสการ์ดกับยักษ์น้ำแข็งแห่งโยทันไฮม์อุบัติขึ้น 'บอร์' ราชาแห่งแอสการ์ด ได้กรีฑาทัพเข้ากวาดล้างเหล่ายักษ์น้ำแข็งถึงโยทันไฮม์ แต่ระหว่างที่รบกันอยู่นั้น บอร์ถูกแช่แข็งและสาปให้กลายเป็นหิมะจนหายตัวไป

'โอดิน' บุตรของบอร์ จึงได้ขึ้นมาเป็นราชาผู้นำทัพแอสการ์ดเข้ากวาดล้างเหล่ายักษ์น้ำแข็งรวมถึงสังหาร ‘ลุยวี่’ ผู้เป็นราชาลงได้

หลังสงครามสงบลง โอดินได้สำรวจโยทันไฮม์และเขาก็พบกับเด็กชายเผ่ายักษ์น้ำแข็งคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์ผิดแปลกไปจากยักษ์น้ำแข็งทั่วไปที่มีผิวสีน้ำเงินและร่างสูงใหญ่ เด็กคนนี้มีร่างกายเท่ากับชาวแอสการ์ด ผิวกายก็ไม่ใช่สีน้ำเงิน โอดินจึงเก็บมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและตั้งชื่อให้ว่า ‘โลกิ’

แต่เนื่องจากโอดินมี ‘ธอร์’ เป็นบุตรชายอยู่แล้ว โลกิจึงเหมือนตกอยู่ภายใต้เงาของธอร์เสมอมา เพราะธอร์ทั้งแข็งแกร่ง สง่างาม น่าเกรงขาม ต่างจากโลกิที่ตัวเล็ก ร่างกายอ้อนแอ้น อ่อนแอ โลกิจึงอิจฉาธอร์ และเจ็บปวดอย่างยิ่งที่ตัวเองเป็นเพียงทายาทลำดับสอง โลกิเลยไม่อยู่นิ่ง คอยหาเรื่องก่อกวนธอร์และป่วนเหล่าฮีโร่เสมอ

แม้จะไม่มีพละกำลังอย่างพี่ชายหรือบรรดาฮีโร่ แต่เขาก็ใช้เวทมนตร์ (ที่ไม่ค่อยจะร้ายแรงนัก) และฝีปากเจ้าเล่ห์ในการโกหกปลิ้นปล้อน พูดจาโน้มน้าวหาประโยชน์ให้ตัวเองอยู่เสมอ เขาแสดงพฤติกรรมโหดเหี้ยมเพียงเพราะต้องการกำจัดธอร์ให้ออกจากแอสการ์ด และให้ตัวเองได้สิทธิในการครองบัลลังก์อย่างชอบธรรม

• ด้วยความอยากครองบัลลังก์ โลกิจึงพาอสูรเซอร์เทอร์และยักษ์สแก็กมาบุกแอสการ์ด โดยตั้งใจจะให้พวกมันมาฆ่าทั้งธอร์และโอดิน แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะแผนการล้มเหลว

• โลกิเป็นผู้นำทัพเหล่าร้ายจากโลกมนุษย์ไปบุกแอสการ์ด! และเป็นจุดกำเนิดสงครามซีจอันเป็นเหตุการณ์ปะทะกันครั้งใหญ่ของเหล่าฮีโร่ในโลกมาร์เวล

ตัวร้ายหลายๆ ตัวไม่ได้ร้ายมาแต่ต้น พวกเขามักมีอดีตที่แสนเศร้ามาชักนำเข้าสู่เงามืดเสมอ ‘โลกิ’ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาตัวร้ายที่ถูกชะตาชีวิตพัดพาให้มาทำเรื่องร้ายๆ

สถานะในครอบครัวของโลกิดูด้อยกว่าพี่ชายที่หล่อกว่า ล่ำกว่า พ่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะรัก แล้วดันมารู้ความจริงว่าคนที่เราใช้ชีวิตมาด้วยตั้งแต่จำความได้เป็นศัตรูกับเราอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่โลกิจะสติแตกเตลิดเปิดเปิง

ความร้ายของโลกิมีพื้นฐานจาก ‘ปกรณัมนอร์ส’ ตัวเขามีลักษณะเป็นเทพเจ้าแห่งการโกหกหลอกลวง เชี่ยวชาญเรื่องเล่ห์กล ตรงข้ามกับ ‘ธอร์’ ที่มีลักษณะเป็นวีรบุรุษนักรบ บ้าพลัง ตรงไปตรงมา ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง ขณะที่โลกิจะนิ่งเงียบ ใช้คำพูดในการหว่านล้อม ดูลึกลับเสียจนไม่รู้ว่าวางแผนอะไรอยู่กันแน่

ประเด็นสำคัญที่ทำให้โลกิกลายเป็นตัวร้ายคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ชายและพ่อ โลกิต้องการให้ ‘โอดิน’ ผู้เป็นพ่อเห็นคุณค่าของตัวเขา เพราะในสายตาโลกิ พ่อสนใจและภูมิใจแต่ธอร์เท่านั้น โลกิจึงรู้สึกต้อยต่ำ คิดว่าตนเองด้อยกว่าพี่ชายมาเสมอ

แต่วีรกรรมความร้ายกาจของโลกิ—โดยเฉพาะกรณีการขึ้นเป็นราชา—จะไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคนวางแผนทั้งหมดก็ไม่เชิง เพราะจังหวะและโอกาสมันเอื้อ โลกิเลยได้ตำแหน่งมาครอง ดูได้จากตอนที่โอดินเถียงกับโลกิจนล้มลงและอาการทรุดจนต้องสละตำแหน่งราชา แววตาของโลกิในขณะนั้นก็มีความตกใจและเสียใจอยู่ เขาไม่ได้ยินดีปรีดา ส่วนครั้งที่โลกิปล่อยยักษ์น้ำแข็งเข้ามาในแอสการ์ดตอนที่จะสถาปนาธอร์ ก็อธิบายได้ว่าเขาทำเพื่อป่วนเล่น ไม่ได้หวังจะทำรัฐประหารแต่อย่างใด

เมื่อรู้ว่าแท้จริงเป็นยักษ์น้ำแข็ง โลกิก็ทำทีไปเข้าพวกกับลุยวี่ ล่อพ่อที่แท้จริงมาแอสการ์ดแล้วลงมือฆ่าด้วยตัวเอง รวมไปถึงเปิดไบฟรอสต์ (ทางเชื่อมสองอาณาจักร) เพื่อทำลายดินแดนน้ำแข็ง เรียกได้ว่าโลกิต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตัวเอง ทำลายดาวทั้งดวงไม่ให้เหลือซาก ซึ่งก็เป็นความพยายามที่จะปฏิเสธอดีตและทำลายรากเหง้าของตัวเอง โดยทั้งหมดนี้อาจพูดได้ว่าเขาทำเพื่อเป้าหมายเดียว คือพิสูจน์ตัวเองในฐานะลูกชายให้โอดินยอมรับ

และที่จริงก็ไม่ใช่แค่โลกิที่ดิ้นรนอยากให้พ่อเห็นคุณค่า แม้แต่ธอร์ก็ยังพูดกับโอดินในตอนท้ายว่า พ่อเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาหวังว่าจะมีสักครั้งที่ทำให้พ่อได้เห็นว่า ตนเองก็มีความหมาย แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว หากเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพ่อก็ตามที

ส่วนบทบาทของโลกิใน The Avengers ที่เข้ามาคุกคามโลกด้วยความเชื่อว่ามนุษย์โดยธรรมชาติแล้วต้องการผู้ปกครองนั้น ลึกๆ แล้วเป็นการแฝงอุดมการณ์ประชาธิปไตยของสหรัฐฯ เอาไว้ โดยมันเป็นการปะทะกันระหว่างแนวคิดที่ไม่เชื่อว่ามนุษย์มีเสรีภาพกับโลกเสรีอุดมคติแบบอเมริกัน ซึ่งฉากที่อเมริกันชนน่าจะซาบซึ้งที่สุดคือฉากที่โลกิบังคับให้คุณตาที่เป็นแค่ประชาชนธรรมดาคุกเข่าลงยอมรับอำนาจของเขา แต่คุณตาไม่ยอมศิโรราบ และพริบตาต่อมาคุณตาก็ได้รับการคุ้มครองจากโล่ลายธงอเมริกา (ของกัปตันอเมริกา!)

และหลังจากนั้น โลกิก็ถูกปู้ยี่ปู้ยำจนไม่เหลือสภาพตัวร้ายที่น่าเกรงขามสักนิดเดียว