เรามีความสุขได้ประมาณ เกือบปี ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกตัวว่าเราเริ่มเครียดมากขึ้น เรารู้สึกว่า เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่นะแต่เราก็พยายามประคองตัวเอง เพราะรู้ว่าถ้ามันไม่จมไปกับมันมันก็ดึงเราไปไม่ได้ ลึกๆเราก็คิดว่า มันมีความเป็นไปได้ที่โรคซึมเศร้ามันจะกลับมาอีกครั้งเพราะว่า เราหยุดยาเร็ว คือตอนนั้นก็เข้าใจว่า 6 เดือนครบ แต่เราเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า หายดีแล้วต่ออีก 6 เดือน หรืออาจจะ 1 ปี เราชะล่าใจ เราพยายามพึ่งตัวเองเราพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้คิด เราหาอะไรทำ เราไม่อยากกลับไปกินยา ก็ตอนนั้นมันก็มีเรื่องเครียดเครียดเยอะมากทั้งเรื่องที่บ้าน เรื่องเงิน แล้วก็เรื่องงาน มันมากมายไปหมด เราก็เป็นพวกที่ เก็บไว้กับตัว หมอเคยบอกว่าเรามีลักษณะ แบกโลก กดดันตัวเอง เราชอบอดทนเราคิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะทุกครั้งเราก็อดทนแล้วก็ผ่านมันไปได้ เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด จนมันเริ่มกลับมา อาการเราแย่กว่าเดิม (ตอนเป็นครั้งแรกเรากินยานอนหลับแค่ช่วง 2 อาทิตย์แรก เพราะเรานอนหลับได้) รู้สึกว่าเหมือนเรานอนไม่เต็มอิ่ม สะลึมสะลือเราไม่อยากไปทำงานเราเบื่อทุกสิ่งทุกอย่างทำงานช้าลง ก็ร้องไห้ทุกวัน sensitive มาก รู้สึกว่าทำอะไรก็แย่ไปหมด ไม่อยากให้มีพรุ่งนี้ เราอยากตายมากกว่าเดิมเราคิดวนเวียนอยู่ว่าเมื่อไหร่จะตาย จนสุดท้ายเราทนไม่ไหว เราเลยไปหาหมอแต่ครั้งนี้ต้องไปโรงบาลรัฐบาล เราเพิ่งรู้มาว่ามันมีวันเสาร์อาทิตย์ เราก็ใกล้กับที่บ้านแม่ มันก็เลยสะดวก ราคาก็ ถูกมากเมื่อเทียบกับตอนที่ไปหาเอกชลประมาณ เกือบ 10 เท่า อาจจะรอนานแต่มันก็โอเคนะรอได้ไม่ถึงขนาดไปหาหมอ ประกันสังคม เราได้คุยกับหมอ เราก็ต้องการให้หมอฟังแล้วก็บอกว่าแม่เราก็เป็นอยู่ เขาเลิกนี้มันก็ เกี่ยวกับพันธุกรรมด้วย เหมือนเดิมเรา ได้ยามากิน เป็นยาที่ดีเหมือนกันกับที่เราเคยกินแต่ว่ามันมีไซด์เอฟเฟคเยอะ เราก็โอเคนะเราก็ได้ยานอนหลับมาเหมือนเดิม ตอนนี้เราต้องพึ่งมัน เพราะเริ่มกิน อาการเราก็ ทรงทรงบางครั้งก็แย่ลงไปเลย บางวันนอนไม่หลับต้องเพิ่มยาเป็น 2 เม็ด ตอนเช้าก็จะสะลึมสะลือ พอกินยาคลายเครียดไปตอนเช้าอีกมันก็จะมึนๆและก็พะอืดพะอม
แต่พอกินไปได้สัก 2 3 วันมันก็ดีขึ้น หมายถึงอาการข้างเคียงมันน้อยลงเราเริ่มชินกับยา อย่าตอนนี้มันต้องใช้เวลาเท่าที่เรารู้ว่ามันก็อย่างน้อยก็ประมาณเดือนนึง แต่เวลาผ่านไป 2 เดือนกว่า หรือ 3 เดือนเราไม่แน่ใจ อาการเราไม่ดีขึ้นเลย เรา ตอนนี้จำอะไรไม่ค่อยได้ เหมือน ความจำเป็นแย่ลงปกติเราจำได้ดีมาก จริงๆอาการนี้มันเป็นตั้งแต่ก่อนที่จะกินยาแต่พอหลังจากกินยามึงก็รู้สึกแย่ลง และที่แย่กว่านั้นลองเริ่มมีความรู้สึก อยากทำร้ายตัวเอง แล้วเราก็ลงมือทำตอนนั้นเรารู้สึกแค่ว่าเราอึดอัดเราเจ็บเราร้องไห้ก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม อยู่ๆแล้วก็ร้องเราก็อยากจะทำให้ตรงอื่นมันเจ็บเราก็เอาคัตเตอร์มากีดที่ขาตัวเอง จริงๆมันอาจจะไม่ได้เรียกเมื่อกี้ก็ได้มันก็แค่มีเลือดออกมานิดหน่อย เหมือนรอยแมวข่วน เราให้รู้สึก เจ็บบ้างนิดนึงเราไม่ได้อยากตายนะตอนนั้น อย่างที่บอกว่าเรารู้ว่าอาการเรามันแย่กว่าครั้งที่แล้ว อันนี้เราต้องการกำลังใจ เราเลยบอกกับที่บ้านว่าเราเป็น ผลตอบรับดีนะ เรารู้สึกมีกำลังใจ เราบอกกับที่หัวหน้าว่าเราป่วย เราก็รู้สึกว่าเราไม่ต้องอึดอัดเราไม่ต้องแอบกินยาตอนเช้า อย่างน้อยเราก็ ยังรู้ว่ายังมีคนรับรู้เพราะเราเจ็บ แต่ในบางครั้ง มันก็รู้สึกว่า ไม่มีใครเข้าใจเราเลย นอกจากหมอ แม่ แล้วก็เพื่อนเราคนนึงที่เป็นโรคเดียวเหมือนกัน ตอนนั้นมันก็ดีนะ เราช่วยกัน ให้กำลังใจกัน แต่ว่าเราไม่อยากรบกวนมาก เพื่อนเรากำลังดีขึ้น เราไม่อยากเอาขยะไปใส่ให้เพื่อนอีก แม่ก็เหมือนกัน เราฝังใจอ่ะ แม่เราเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เราอยากให้แม่มีความสุข ครอบครัวก็เริ่มดีขึ้น แต่ไม่รู้ทำไม เรายังเศร้าอยู่ ความกลัวตาย การฆ่าตัวตาย บาปต่างๆ เราเริ่มไม่สนใจ เรารู้สึกว่ามันทรมานมาก
เราปรึกษาหมอ เลยได้เปลี่ยนตัวยาตัวใหม่ ช่วงเวลาเริ่มเปลี่ยนยานั้นแย่มากเลยล่ะ เรายังร้องไห้ไม่หยุด บางครั้งก็ร้องที่ทำงาน มันรู้สึกเหนื่อยและหนักขึ้นทุกๆที ไม่มีสมาธิไม่โฟกัสอะไรเลย เราได้คุยกับเพื่อนคนนึง เพื่อนก็ชวนไปปฏิบัติธรรม. ด้วยความหวังดีและเป็นห่วงเรา แนะนำให้ไปทำนู้นนี่นั่น แต่แค่เราลุกออกจากเตียงมันยังยากเลย แค่หายใจยังเหนื่อยเลย เราแอบน้อยใจที่อย่างน้อยถ้าฟังเราพูดปล่อยเราระบายออกมามันคงจะดี ถ้าเขาได้อ่านได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ มันจะดีกว่ามั้ยนะ
เรายังคงทำงานช้าลง มีผิดพลาด เราก็รู้สึกแย่แล้วก็โทษตัวเองอย่างนั้น จนมันรู้สึกว่า ทำเราต้องมีชีวิตอยู่ด้วย ตายดีมั้ยนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in