Timeless
@BKADI_8812
Paring:NCT MARKMIN
Twitter:@bkadi8812
Warring :
Ps. แด่ความเหงาและความคิดถึงที่ค่อยๆกัดกินหัวใจของฉัน
‘ หวังว่าดินแดนที่เธออยู่ จะไม่เหงาเหมือนฉัน’
'คิดถึงสุดหัวใจ'
นี่คงเป็นความฝัน
เหมือนกับความทรงจำ
ที่มีคุณอยู่ตรงหน้าของผม
มาร์ครู้สึกตัวเองใกล้เคียงกับพวกโรคจิตพวกสโตกเกอร์ขึ้นทุกวัน
เกือบสามปีที่เขาเอาแต่สะกดรอยตามคนตรงหน้าที่รู้แค่อีกคนชื่อแจมินนามสกุลคือนา มาร์คได้ยินเพื่อนเรียกคนตัวเล็กว่านานา มาร์ครู้สึกว่ามันเข้ากับอีกคน
นานา
นาแจมิน
แค่คิดมุมปากของคนยิ้มยากกลับยกขึ้นจนเป็นยิ้มสดใสในทันที
แจมินมีกิจวัตรประจำวันที่จำเจแบบที่วันแรกมาร์คเคยเห็นอีกคนเป็นยังไงวันนี้แจมินก็ยังมีกิจวัตรประจำวันแบบเดิมทั้งๆ ที่ก็ผ่านมาแล้วถึงสามปี อาจจะมีเรื่องเร่งด่วนแทรกเข้ามาบ้างให้ตารางชีวิตมันแปลกใหม่แต่โดยรวมคนตรงหน้าเขาก็ยังดำเนินชีวิตด้วยตารางชีวิตแบบเดิมเสมอ
วันนี้รถบัสที่แจมินโดยสารไปเรียนผู้คนบางตา
เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์
แจมินไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปใช้ชีวิตเร่งรีบเบียดเสียดกับผู้คนที่ออกไปเรียนบ้างไปทำงานบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วน แจมินทักทายคนขับรถบัสแบบที่ทำทุกวันอย่างสุภาพ เดินตรงไปหาที่นั่งบริเวณด้านหลังซึ่งผู้คนบางตา มาร์คที่เดินตามหลังขึ้นมาก็เลือกที่นั่งหลังคนตัวเล็กซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาแกะสายหูฟังที่พันกันเป็นกระจุกอย่างใจเย็นโดยไม่สนใจใครคนอื่นรวมถึงมาร์คที่นั่งอยู่เบาะข้างหลังและใช้สายตาทั้งหมดโฟกัสภาพของแจมินเอาไว้ไม่วางตา
หูฟังคลายปมที่พันกันจนเป็นกลุ่มก้อนในตอนแรกดึงสมาร์ทโฟนออกมาเสียบแจ็คเข้าไป กดรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกหน้าจอ
มาร์คทวนรหัสผ่านเหล่านั้นตามนิ้วเรียวของแจมินที่เลื่อนกดแป้นตัวเลขบนจออย่างแม่นยำ
หน้าจอปลดล็อกพร้อมยิ้มของมาร์คที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ไม่เปลี่ยนเลย
ภาพพักหน้าจอของแจมินเป็นรูปดอกforget me not
มาร์คจำได้ว่าครั้งแรกที่แอบมองหน้าจอโทรศัพท์ของแจมินก็เป็นภาพพักหน้าจอภาพนี้
นึกสงสัยว่าภาพนี้มีความหมายฝังใจอะไรกับคนตัวเล็กหรือเปล่า
หรืออาจจะแค่ขี้เกียจจะเปลี่ยนเลยใช้มันมานานขนาดนี้
มาร์คไม่รู้ว่าเพลงที่แจมินฟังเป็นเพลงประเภทไหนแนวไหน เขาไม่แน่ใจว่านักร้องคนโปรดของแจมินเป็นใคร แม้มาร์คจะพยายามเงี่ยหูแอบฟังแค่ไหนก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากหูฟังเลยจะสะกิดถามก็คงพิลึกไม่หยอก
พวกเขารู้จักกันซะที่ไหน
ถามว่าแจมินรับรู้ถึงการมีตัวตนของมาร์คหรือเปล่ายังไม่มั่นใจเลย
สิ่งที่มาร์คทำได้คงมีแค่การนั่งมองอีกคนที่ทอดสายตามองภาพวิวข้างนอกรถจนถึงจุดหมายปลายทาง
แม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว
หัวใจของผมยังคงหวนกลับไปยังวันนั้นซ้ำไปซ้ำมา
มาร์คได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากที่ไหนสักแห่งในช่วงพลบค่ำวันหนึ่ง เป็นเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน อัดแน่นไปด้วยความเสียใจที่ไม่ต้องพูดบอกก็สงสารเจ้าของเสียงร้องไห้จับใจ
ต้องเจ็บปวดมากมายขนาดไหน
ขนาดเป็นคนฟังยังรู้สึกเจ็บปวดหัวใจไปด้วยแล้วความรู้สึกของคนที่เอาแต่ร้องไห้อยู่นั่นจะหนักหน่วงจนใจสลายขนาดไหน
ต้นตอของเสียงเป็นเด็กผู้ชายตัวผอมผิวขาวภายใต้เครื่องแบบนักเรียนสีเหลืองสดใสของโรงเรียนดังกำลังนั่งกอดเข่าซุกหน้าสะอื้นไห้เสียงร้องไห้ดังบีบหัวใจ แต่มาร์คก็ทำอะไรไม่ได้ อยากเอื้อมมือไปปลอบประโลมก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้
เสื้อตัวนอกถูกถอดทิ้งไว้ใกล้ๆป้ายชื่อบนหน้าอกคือ นาแจมิน
เด็กผู้ชายบนรถบัสคันนั้น
สิ่งที่มาร์คทำได้มีแค่การยืนฟังเสียงร้องไห้ของอีกคนอยู่เงียบๆ
แจมินร้องไห้จนตัวโยนก่อนจะสงบลงแล้วร้องเสียงดังขึ้นมาใหม่อีกครั้งเป็นแบบนี้วนไปวนมาตลอดหลายชั่วโมง มาร์คอยากเอื้อมมือไปปลอบโยน อย่างน้อยแค่การลูบแผ่นหลังบางของอีกคนน่าจะทำให้เสียงร้องไห้ที่ปริ่มจะขาดใจนั่นเบาบางและรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยว
มาร์คทิ้งตัวลงนั่งอยู่ไม่ไกล
อย่างน้อยนาแจมินยังอยู่ในโฟกัสสายตาของมาร์คลี
เสียงร้องไห้ยังคงดังอยู่อย่างนั้นแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปเนิ่นนานหลายนาทีจนกลายเป็นหลายชั่วโมงเสียงสะอื้นไห้ยังคงคลอเคล้ากับคำคร่ำครวญราวคนละเมอไร้สติ
‘ปล่อยผมออกจากฝันร้ายสักที’
‘กลับมาหาผมเถอะ’
‘การไม่มีพี่มันทรมานหัวใจเหลือเกิน’
อยู่ๆ น้ำตาก็ร่วงหล่นจากขอบตา ความสงสารจับจิตจับใจทำให้มาร์คร้องไห้เป็นเพื่อนคนตัวเล็กทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุที่ทำให้อีกคนเสียใจ แค่เพราะเสียงร้องไห้และคำคร่ำครวญของนาแจมินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแค่นั้นมาร์คลีก็เจ็บหนึบไปทั้งใจ
เสียงร้องไห้ของนาแจมินยังดังเคล้าคลอคำอ้อนวอนร้องขอ
กับเสียงร้องไห้ของมาร์คที่นาแจมินไม่มีวันได้ยิน
เมื่อผมหลับตาลง
ทันใดนั้นความทรงจำ
ก็พาพวกเราไปยังที่แห่งนั้นอีกครั้ง
เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใส
แจมินอยู่ในร้านขายดอกไม้ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้หลากหลายชนิด มาร์คสะดุดตากับใบหน้านิ่งเรียบแต่นัยน์ตากลับเศร้าเหงาจับใจ
แจมินใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนแบรนด์ชื่อดังสวมทับด้วยแจ็คเกตสีดำคุ้นตา มาร์ครู้สึกว่าเขาก็มีเสื้อยืดยี่ห้อนี้เหมือนกับอีกคน แจมินเดินวนอยู่ในร้านดอกไม้เป็นนานสองนานกว่าจะได้ช่อดอกforget me not กลับออกมา
แจมินมากับเพื่อนผู้ชายสองคน คนหนึ่งตัวสูงไล่ๆ กับแจมิน ส่วนอีกคนดูตัวเล็กที่สุด ใบหน้าน่ารักคล้ายเหมือนคนงอแงโดนขัดใจโครงหน้าไม่เหมือนคนสัญชาติเดียวกันกับเขา และหุ่นที่ดูบอบบางกว่าอีกสองคน
มาร์คเห็นเพื่อนของแจมินสองคนเถียงกันตั้งแต่ที่แจมินยังอยู่ในร้านดอกไม้จนแจมินออกมาก็ยังไม่วายฟาดไม้ฟาดมือใส่กัน แจมินเอ่ยปราม ทั้งคู่จึงหยุด แจมินโดนเพื่อนประกบ ทั้งสองคนชวนแจมินคุยตลอดระยะทางเดินออกจากร้านดอกไม้ เนื้อหาเป็นพวกเรื่องเรียนเรื่องสภาพอากาศ ข่าวสารบ้านเมือง แม้แต่เรื่องพวกนักร้องดังขวัญใจ แจมินก็แค่พยักหน้าตอบบ้างส่ายหน้าตอบบ้าง รับคำสั้นๆ เหมือนคนไม่อยากคุยบ้าง แต่เพื่อนสองคนที่เดินข้างๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจใดๆ ยังคงสรรหาเรื่องราวมาเล่ามาถามมาชวนคุยไม่หยุด
มาร์คได้เจอแจมินที่ร้านดอกไม้ร้านเดิมอีกครั้งพร้อมกับผู้ชายสองคนที่เจอกันเมื่อครั้งที่แล้ว
เป็นภาพเดิมที่วนกลับมาฉายซ้ำๆ อยู่แบบนั้นมาตลอดสามปี
วันนี้แจมินย้อมผมใหม่ จากก่อนหน้านี้ที่เป็นสีดำถูกกลบทับด้วยสีน้ำตาลสว่างยิ่งขับใบหน้าคนตัวบางให้สว่างดูสดใสมากขึ้นจะติดแค่นัยน์ตากลมที่ยังคงฉายแววแสนเศร้าไม่จาง
เหมือนครั้งแรกไม่มีผิด
แจมินใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายกราฟฟิกสีพาสเทลสวมทับด้วยคาดิแกนสีกรมท่า อากาศเย็นๆ หลังสิ้นสุดหน้าฝน อดคิดว่าเจ้าตัวจะหนาวมั้ยทั้งๆ ที่ใส่เสื้อบางขนาดนั้น
Forget me not
แจมินกลับออกมาจากร้านด้วยดอกไม้ประเภทเดิมจนเพื่อนคนหนึ่งที่ตัวสูงที่สุดเอ่ยปากถาม
แจมินไม่ตอบคำถามของเพื่อน ก้มมองช่อดอกไม้ในมือนิ่งเนิ่นนาน ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเป้ที่น่าจะเป็นของเจ้าตัวมาสะพายก้าวขาเดินหนีไปโดยไม่พูดจาจนเพื่อนสองคนหันมองหน้ากันเลิกลักแล้วจึงวิ่งตามไปติดๆ
มาร์คมองตามจนทั้งสามคนเดินหายไปที่มุมตึกตรงสุดถนน
ถ้าวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อาทิตย์หน้า หรือเดือนหน้า
ถ้ามาร์คกลับมารอแจมินที่ร้านดอกไม้ร้านนี้
เขาจะได้เจอแจมินอีกมั้ยนะ
เย็นวันหนึ่งที่ฝนตก
แจมินยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
วันนี้อยู่ๆ ฝนก็ตกทั้งๆ ที่ฤดูฝนควรหมดไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยาแล้ว โลกชักจะแปรปรวนจนฤดูกาลผิดเพี้ยนไปหมด ดีที่แจมินและมาร์คพกร่มติดมาด้วยเลยไม่ต้องตัวเปียกกลับบ้าน
แจมินสะพายกระเป๋าเป้ไว้ที่หลัง เหมือนอีกคนจะเพิ่งกลับจากโรงเรียน ด้วยเครื่องแบบที่ไม่ได้แต่งเรียบร้อยมากนัก มือข้างซ้ายที่ประคองร่มเพื่อบดบังละอองฝนที่เบาเม็ดตกลงมาจากเมื่อหลายชั่วโมงก่อน มือขวากำมือถือเอาไว้แน่น เสียบหูฟังตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกเหมือนทุกครั้งที่แจมินอยู่ตามลำพัง และนัยน์ตาเศร้าเหงาคู่เดิมกำลังจับจ้องไปที่ตัวเลขซึ่งนับถอยหลัง
ดึกป่านนี้แล้วยังไม่ถึงบ้านอีก
นึกเป็นห่วงทั้งๆ ที่ไม่รู้จะห่วงทำไม
กว่าจะรู้ตัวมาร์คก็เดินตามแจมินซะแล้ว
ระยะห่างไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป
อย่างน้อยก็ทำเพื่อความสบายใจของตัวเอง ถึงแจมินจะไม่ได้ร้องขอก็ตามที
บ้านหลังใหญ่จัง
แจมินก้าวเข้าไปยืนใต้ชายคาบ้านหุบร่ม สะบัดละอองฝนให้กระเด็นออก ม้วนเก็บร่มสีฟ้าในมืออย่างเป็นระเบียบ มาร์คเห็นประตูรั้วเปิดออกเผยให้เห็นผู้หญิงที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับแจมินอย่างกับฝาแฝด ใบหน้ายังอ่อนเยาว์เลยไม่แน่ใจว่าเป็นแม่หรือพี่สาวกันแน่
แต่หมดหน้าที่ของมาร์คแล้วล่ะ
นี่เขาเป็นบ้าอะไรถึงเดินมาส่งคนที่ไม่รู้จักตัวเองแบบนี้
ผมพยายามยื่นมือออกไปสัมผัสคุณ
แต่ผมก็ไม่อาจทำมันได้
แจมินลงจากรถโดยสารสายประจำเดินเข้าไปในซอยซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับป้ายรถเมล์
ร้านขายดอกไม้ที่แจมินแวะเป็นประจำ
มาร์คจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอแจมินคือวันที่13 สิงหาคม
แต่แจมินจะให้ความสำคัญกับวันที่13 เสมอ
ไม่ใช่แค่ในวันที่ 13 ในเดือนไหนเดือนหนึ่ง
แต่เป็นวันที่ 13 ของทุกๆ เดือน มาตลอดสามปี
โดยเฉพาะวันที่ 13 ของเดือนสิงหาคม
แจมินจะซื้อดอก forget me not
ความหมายคือ อย่าลืมฉัน
อาจจะเป็นใครสักคนที่สำคัญมากๆ
นึกอิจฉาคนที่จะได้รับดอกไม้ช่อนี้จากแจมิน
มาร์คเดินตามแจมินออกจากร้านขายดอกไม้ ทิ้งระยะห่างที่จะไม่ทำให้แจมินรู้ตัว
ระยะห่างที่แจมินยังอยู่ในสายตาของมาร์คเสมอ
ร้านกาแฟเล็กๆ ร้านประจำที่แจมินจะแวะเสมอในวันที่13
เจ้าของร้านจะเป็นญาติของแจมิน น้องชายคนสุดท้องของคุณพ่อแจมิน คุณบยอนแบคฮยอนที่ไม่น่าเชื่อว่าหน้าเด็กแบบนั้นจะอายุสามสิบกว่าไปแล้ว
มาร์คไม่ชอบกินกาแฟเพราะมันขมและทำให้นอนไม่หลับซึ่งตรงข้ามกับแจมินที่รักกลิ่นกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ
จำได้ครั้งหนึ่งแจมินซัดกาแฟไปสามแก้วติดจนคุณแบคฮยอนบ่น แต่เห็นหน้าตาใสซื่อไม่ค่อยจะพูดแบบแจมิน ดื้อตาใสมากๆ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แบบนั้นยิ่งเหมือนยั่วโมโหเข้าไปใหญ่
กาแฟแก้วที่สี่ถูกยกมาเสิร์ฟหลังจากนั้นทันที คุณแบคฮยอนที่บ่นยังไม่ทันจบคำจบความก็ได้แต่ส่ายหัวระอาเบื่อจะต่อความกับคนดื้อเงียบอย่างแจมินเลยปล่อยเลยตามเลย
แจมินก้าวออกจากร้านกาแฟของคุณแบคฮยอนตอนเกือบจะสิบเอ็ดโมงพร้อมถุงกระดาษซึ่งมีสัญลักษณ์ร้านกาแฟของคุณอายังหนุ่มติดมือ พร้อมช่อดอกforget me not ที่ซื้อก่อนหน้านี้ มาร์คยังคงทิ้งระยะห่างจากนาแจมินไม่ให้มากจนคลาดสายตาและไม่สาวเท้าเดินไปใกล้ให้เป้าสายตารู้ตัว จังหวะย่างก้าวที่พร้อมจนเป็นจังหวะเดียวกัน
แจมินก้าวเท้าขวา
มาร์คก็ก้าวเท้าขวา
แจมินแกว่งมือซ้าย
มาร์คก็แกว่งมือซ้าย
อยากจับมือนาแจมินชำมัด
มาร์คได้แต่คิดเท่านั้นแหละ เพราะขืนทำจริงคงโดนฝากรอยช้ำไว้ที่ไหนสักที่บนหน้าแน่ๆ ตัวเล็กๆแบบนั้นเอาเรื่องอย่าบอกใครเลย
มาร์คเดินตามหลังแจมินไปเงียบๆ เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เพราะแค่ได้อยู่ใกล้ๆ นาแจมินในระยะนี้ก็มากเกินพอสำหรับคนอย่างเขาแล้ว
ผมยังรักคุณอยู่
แต่ท้ายที่สุดผมก็ไม่อาจพูดมันได้
จุดหมายปลายทางของแจมินอยู่ไม่ไกลจากร้านคุณแบคฮยอนนัก
รั้วเหล็กที่เหมือนจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากทำให้สีที่แท้จริงหลุดลอกไปตามกาลเวลา มาร์คก้าวเท้าตามแจมินที่ผ่อนจังหวะย่างก้าวช้าลงจากคราแรก สายตาลอบมองผ่านซี่รั้วเหล็กเข้าไป
สถานที่ที่ปลุกให้มาร์คลีตื่นจากความฝันแล้วพบกับความจริงที่ปวดใจ
แจมินหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าทางเข้า
มาร์ครู้สึกเจ็บในอกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ เข้ามาถ่วงจนเจ็บแน่น
แจมินก้าวผ่านซุ้มทางเข้าไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจ
แจมินหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อของคนที่เป็นเจ้าของช่อดอกforgetme not
ไหล่เล็กของแจมินกำลังสั่นสะอื้น
“ผ...ผม”
มันไม่เป็นไร
“ผมมาแล้วนะครับ”
มันจะผ่านไป
Mark Lee
13 08 2015
ผมตื่นจากความฝันที่เเหมือนกับความจริง
กลืนกินวันอื่นๆไปให้เหมือนกับฝันร้าย
ในโลกของผมที่ไม่มีคุณ
สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือการฝันถึงคุณเท่านั้น
นาแจมินเกลียดวันที่ 13 สิงหาคม
จะมีใครบนโลกที่เกลียดวันเกิดตัวเองได้เท่ากับเขาคงไม่มี
ช่อดอก forget me not ถูกวางลงตรงหน้าป้ายหินอ่อนที่มีชื่อของคนที่ทำให้แจมินเกลียดวันเกิดตัวเองพร้อมน้ำตาที่สะกดกลั้นไว้ไหลลงจากขอบตาราวกับเขื่อนแตก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ไหลทะลักเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ พยายามเอื้อมมือที่สั่นเทาเต็มไปด้วยแรงสะอื้นปัดป่ายเศษใบไม้แห้งที่ปกคลุมสถานที่เปรียบดังบ้านของคนที่เป็นดังหัวใจออกจนหมดดูสะอาดตา เค้กชอคโกแลตและชาร้อนของโปรดของมาร์คลีถูกหยิบออกมาจากถุง
สำหรับแจมินมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป
เร็วจนตั้งรับไม่ทัน
แจมินเปิดกล่องเค้กชอคโกแลตและฝาปิดแก้วชาร้อนออก
“ท ทา ทาน ให้อ ร่อยนะครับ”
ในวันเกิดที่นาแจมินควรมีความสุขที่สุด
13 สิงหาคม 2015
‘ทำใจดีๆ นะแจมิน’
เสียงสั่นเครือของพี่จีฮุนยังติดตรึงอยู่ในห้วงความรู้สึกของแจมินไม่จางหาย
แจมินที่กำลังตั้งใจแกะห่อของขวัญวันเกิดที่ได้รับจากครอบครัวและเพื่อนๆ ถึงกับต้องละมือ
‘มีอะไรเหรอพี่จีฮุน?’
รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ทำได้แค่ตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อขับไล่ก้อนกระอักกระอ่วนที่กำลังตีรวนในอก
ความเงียบน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
‘มาร์ค ’
แจมินไม่เคยรู้สึกว่าการได้ยินชื่อของมาร์คจากพี่จีฮุนจะทำให้ใจหายได้ขนาดนี้
‘...ไม่อยู่แล้วนะ’
วันเกิดที่ไม่มีความสุขเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
อ้อมกอดปลอบประโลมของอาแบคฮยอนย้ำชัดว่าสิ่งที่พี่จีฮุนบอกคือเรื่องจริงหลังจากวันเกิดปีที่ 16
นาแจมินจะไม่มีมาร์คลีอยู่ข้างกายอีกแล้ว
ฝันร้ายนี้
ความทรงจำนี้
แจมินก้าวขาแทบไม่ออกตอนเดินเข้ามาเจอครอบครัวของมาร์คที่หน้าห้องฉุกเฉิน ภาพคนในครอบครัวของมาร์คที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ดังระงมไปด้วยเสียงร้องไห้เจ็บปวดภาพของคุณพ่อที่กำลังปลอบประโลมคุณแม่ทั้งๆที่ตัวเองก็คงเจ็บปวดไม่น้อยยิ่งตอกย้ำให้เด็กชายที่เพิ่งอายุ 16ปีรับรู้ว่าการสูญเสียคือเรื่องจริง
พี่ชายของมาร์คเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาอาบแก้มขึ้นมาเห็นแจมิน
“พพิ พี่ แ จ แจฮยอน” เอ่ยเรียกชื่อพี่ชายคนสนิทอย่างยากลำบาก
“อือือ อืม” แจฮยอนรับคำด้วยน้ำเสียงและความเจ็บหนึบไปทั้งใจไม่ต่างกัน
“พพิ พี่ พี่ม มาร์ค” อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นเมื่อชื่อของคนที่เป็นดั่งดวงใจของคนทั้งคู่ถูกเอ่ยออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้รุนแรง นอกจากคนในครอบครัวที่บอบช้ำ คนตัวเล็กในอ้อมกอดของแจฮยอนก็คงเจ็บปวดมหาศาลเช่นกันเสียงร่ำไห้ที่ดังสลับกับคำอ้อนวอนคร่ำครวญของคุณแม่บ่งบอกให้รู้ว่าการจากไปของมาร์คเป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครรับไหว
“ไม่เป็นไร”
ทั้งๆที่รู้ว่าเป็น แต่แจฮยอนก็คิดไม่ออกว่าในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียแบบนี้เขาควรพูดอะไรให้ความเศร้าที่กัดกินใจทุกคนเบาบางลง
เสียงร้องไห้ของแจมินน่าสงสารจับใจ แจฮยอนทำได้แค่กระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้วเงียบฟังความเสียใจที่แจมินกำลังบอกเขาให้ชัดเจนที่สุด
แ่ม้ันว่ามันจะหมุนวนไปมา
ผมจะกลับไปยังความฝันนี้
ที่ที่ผมสามารถพบคุณได้
ไม่มีความคิดถึงใดบนโลกที่โหดร้ายเท่ากับการคิดถึงคนที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
แจมิน
อาแบคฮยอนบอกว่ามันเป็นแค่เพียงฝันร้าย
เหมือนตอนเด็กๆที่แจมินชอบฝันร้ายหลังจากการกินขนมหวานเกินปริมาณปกติ หรือการฝันร้ายหลังการดูการ์ตูนหรือหนังสยองขวัญ แจมินจะสะดุ้งตื่นตอนฝันร้ายเริ่มคืบคลานเข้ามา แม้จะร้องไห้จนปวดใจแต่กอดของอาแบคฮยอนจะทำให้แจมินสงบลง
ครั้งนี้แจมินก็เชื่อว่ามันคือฝันร้าย
สักวันแจมินจะถูกปลุกให้ตื่นแล้วพบว่าการไม่มีมาร์คลีเป็นเรื่องโกหก
“ผม...”
“คิ ด คะ คิดถึง.”
ก้อนความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอกทะลักออกมาเป็นสายน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
มือหนาที่ไม่สามารถสัมผัสปลอบโยนแต่ก็ยังพยายามเอื้อมคว้าหวังแค่ความรักที่มาร์คลีมีอยู่จะส่งผ่านสัมผัสเจือจางให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้
ข้างหลังของนาแจมินมีมาร์คลีอยู่ตรงนี้เสมอ
ความคิดถึงกัดกินใจแจมินให้ปวดหนึบ
คิดถึงเหมือนกัน
เป็นคำตอบรับที่นาแจมินไม่มีวันได้ยิน
“ไ ได ได้ ยิน มั้ย”
ความรักของมาร์คลีและนาแจมินเหลือเพียงคราบน้ำตาที่แสดงใ่ห้รู้วู้่ึาความรู้สึกืของพวกเิขาทั้งหมดคือเรื่องจริง
- END -
Date : 23/10/2018
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in