เมื่อคืนพระจันทร์วันเพ็ญเดินทางมาถึง สิ่งที่ผู้คนต่างหวาดกลัวกำลังคืบคลานเข้ามาชาวบ้านละแวกนั้นต่างพากันปิดประตูบ้านรวมไปถึงหน้าต่างความเงียบสงัดทำให้พวกเขาได้ยินเสียงเหตุการณ์ด้านนอกได้อย่างชัดเจน เสียงสุนัขเห่าหอนประสานเสียงจนเด็กเล็กสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ไม่อยู่น้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้มทั้งสองข้างเป็นทางยาว ผู้เป็นแม่รีบยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ได้ทันก่อนที่เด็กน้อยจะแผดเสียงร้องออกมา
ท้องถนนที่ร้างผู้คนมีชายขี้เมาคนหนึ่งเดินโซเซไปตามทางในมือของเขามีไหบรรจุเหล้าหมักซึ่งมักจะยกขึ้นมาดื่มเป็นบางครั้ง สติที่เริ่มเลือนรางไปทุกทีทำให้เขาลืมไปว่าในคืนนี้เขาไม่ควรพาตัวเองออกมาอยู่ด้านนอกเช่นนี้ตรงหน้าเขามีหญิงสาวสวยนางหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ความงามของนางสะกดสายตาของเขาให้หยุดอยู่ที่ใบหน้านั้นโดยลืมไปว่าการที่เจอกับหญิงงามในตอนกลางคืนคือเรื่องที่อันตรายที่สุด
นางเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ แววตากลมโตช่างงดงามเทียบเคียงกับดวงดาวบนฟากฟ้าเมื่อมันทอแสงต้องประกายกับแสงจันทร์
“หากข้าไม่อยู่ที่นี่ก็คงจะไม่ได้เห็นความงามของแม่นาง”
“ความงามของข้าเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่ง หากเจ้าล่วงรู้ถึงตัวตนของข้าเจ้าคงจะรังเกียจ”
“ข้าไม่มีทางรังเกียจหญิงงามแบบท่านได้หรอก”
“เจ้ารีบกลับบ้านเถอะ หากดวงจันทร์ลอยอยู่กลางศีรษะเมื่อไหร่เจ้าจะไม่รอด” นางเอ่ยเตือนก่อนจะเดินผ่านไป กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาตามลมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ชายชี้เมาหันหลังกลับไปมองเพราะคิดเสียว่าอย่างน้อยได้เห็นเพียงแผ่นหลังก็ยังดีแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นใครกลีบดอกไม้สีขาวร่วงหล่นตามพื้นเหมือนนำทางให้เขาไปยังที่ไหนสักแห่ง ชายหนุ่มทิ้งไหเหล้าเอาไว้ข้างทางก่อนจะเดินตามกลีบดอกไม้นั้นไป
สายลมเย็นที่พัดผ่านปะทะเข้ากับใบหน้าเรียบนิ่ง ชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่เพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในค่ำคืนนี้ที่เอวของเขามีดาบเล่มหนึ่งเสียบอยู่เมื่อเห็นว่าใครบางคนปรากฏตัวที่หน้าผาสูงเขาก็รีบกระโดดลงมาก่อนจะซ่อนตัวเองในพุ่มไม้
ชายขี้เมาเดินมาหยุดที่ริมหน้าผาเช่นเดียวกับหญิงสาว เขาไม่สนใจคำเตือนของนางและยังดื้อดึงที่จะเดินตามมา
“ขะ..ข้าแค่ตามหาหญิงสาวแสนสวยนางหนึ่ง”
“ข้าไม่สวยหรอกหรือ!”
“ท่านสวย แต่ไม่น่ามอง” ถ้อยคำสัตย์จริงกำลังนำภัยมายังผู้พูดนางโมโหและไม่สามารถปล่อยชายหนุ่มขี้เมาไปได้ แววตาที่สุดสกาวแปรเปลี่ยนเป็นแววตาของนักล่านิ้วเรียวยาวมีกรงเล็บแหลมคมงอกออกมา นางตะปบเข้าที่แผลอกจนผิวหนังเหวอะหวะรอยยิ้มร้ายกระตุกขึ้นที่มุมปากก่อนจะควักเอาตับและหัวใจออกมาเสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วพร้อมกับของเหลวสีแดงสดที่สาดกระเซ็นเปลี่ยนชุดฮันบกสีขาวบริสุทธิ์ให้กลายเป็นสีแดงสด
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเสียจนชายหนุ่มที่เฝ้ารอจังหวะเหมาะกลับไปช่วยเหยื่อผู้โชคร้ายไว้ไม่ทันนางปีศาจกินตับและหัวใจอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะวิ่งหนีไปทางภูเขาสูงในหมู่บ้าน และนางก็ชนเข้ากับหญิงสาวอีกคนจนได้
“ข้าเปล่านะ และนั่นเลือดนี่ เจ้ากินหัวใจมนุษย์อีกแล้วหรือ”
“ก็ข้าหิวนี่ข้าไม่ใช่เจ้านะแจมินที่จะได้บำเพ็ญตบะโดยการไม่กินมนุษย์น่ะ”
“ที่ข้าทำเพราะข้าอยากเป็นมนุษย์”
“แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นมนุษย์แบบเจ้านี่! เพราะเจ้ารักมนุษย์นั่นเลยทำให้เจ้าทรยศต่อบรรพบุรุษสินะ”
“นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร!! หยุดนะ!”
“ข้าขอโทษนะ” แล้วนางก็วิ่งหายเข้าไปในป่าทึบทิ้งแจมินไว้กับความเงียบและสายลมยามค่ำคืน
“แจมิน..” น้ำเสียงทุ้มลึกเอ่ยเรียกจากด้านหลัง หญิงสาวหันกลับไปมองเพราะนางจำเสียงนี้ได้ดี
“เจโน” เธอเรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา ชายหนุ่มมองคนรักอย่างไม่เชื่อสายตา
“เจ้าคือปีศาจจิ้งจอก”
“คือข้า....”
“และเจ้าคือผู้ที่ฆ่าชายขี้เมาเมื่อครู่”
“ไม่! นั่นไม่ใช่ข้า ข้าสาบานได้”
“ได้โปรดอย่าโกหกข้าอีกเลย แค่โกหกว่าเจ้าเป็นมนุษย์ข้าก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”
“แต่ข้า..ฮึก....ไม่ได้ฆ่าใคร..ฮึก” น้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยบัดนี้มันไหลลงอาบแก้มแม้ว่าใบหน้าจะเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาแต่ความงามของแจมินก็ยังคงอยู่เจโนที่ยืนมองอยากเดินเข้าไปดึงอีกฝ่ายเข้ามาซบทีอกแต่เขาก็ทำเพียงแค่ชักดาบออกมา
“แล้วเลือดที่ตัวเจ้าล่ะ”
“ฮึก....เพื่อนข้า.. เจ้าเชื่อข้านะ ข้าไม่ได้ฆ่าใคร”
“หากข้าไม่มาเจอเจ้าในสภาพนี้ ข้าคงเป็นรายต่อไปที่เจ้าจะควักตับและหัวใจออกมากิน”
แจมินส่ายหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
“เจ้าโกหก”
“ฮึก...ใช่ ข้าโกหกที่ข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้าน ข้าโกหกที่เป็นมนุษย์แต่ข้าไม่เคยโกหกว่าข้ารักเจ้า!! ฮือ....ได้โปรด เชื่อข้านะ”
“ข้าเสียใจที่ได้รู้จักกับปีศาจชั่วร้ายแบบเจ้าเสียใจที่รักเจ้าจนหัวปักหัวปำและคงเสียใจหากข้าไม่กำจัดเจ้า
“กริ๊ด!” ดาบคมปักเข้าที่กลางลำตัวควันสีฟ้าค่อย ๆ ลอยออกมาราวกับเป็นไอวิญญาณ เขาหลับตาลงพร้อมกับปล่อยให้สายธารแห่งความเสียใจไหลซึมออกมาแทนความรู้สึก
ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าแจมินยังคงอยู่แต่ไม่สามารถออกมาปรากฏกายเพราะติดอยู่ในดาบเล่มนั้นซึ่งเจโนได้นำไปวางไว้ในวิหารของวัดที่ผู้คนต่างเคารพนับถือส่วนตัวเขาก็จมกับความผิดหวังและเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงถ้อยคำสุดท้ายยังคงดังก้องแม้ว่ายามหลับเขาก็ได้ยินเสียงหวานแต่เจือไปด้วยความเสียใจนั้นอย่างชัดเจน
จนกระทั่งที่ชายหนุ่มเข้าพิธีแต่งงานทุกอย่างดำเนินไปตามปกติจนเขาล้มป่วยและจากไปตามอายุขัยที่เหมาะสมก่อนจะสิ้นลมหายใจเขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นและมันยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขารับรู้ได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาอยู่แบบคนที่ไร้หัวใจเพราะแท้จริงแล้วหัวใจของเขาได้จากไปตั้งแต่คืนนั้นเสียแล้ว “ข้ารักเจ้า...แจมิน” พึมพำเพียงแผ่วเบาก่อนจะปิดเปลือกตาลงและหายไปในห้วงของความรู้สึก
หนึ่งพันปีต่อมา
หญิงสาวนั่งชันเข่าอยู่ริมแม่น้ำซึ่งอยู่บริเวณภายในวัด นางมองเงาสะท้อนตนบนผืนน้ำก่อนจะยิ้มออกเพียงเล็กน้อยอีกไม่กี่อึดใจความทุกข์ทรมานของการถูกจองจำไว้ที่นี่จะหมดไป นางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้แสงจากดวงจันทร์มันช่างเหงาและเปล่าเปลี่ยว ความรู้สึกเมื่อพันปีก่อนยังอยู่และไม่เคยจางหายนางรอให้มันถึงเวลาเพื่อกลับไปชำระแค้นกับบุรุษผู้ซึ่งเป็นทั้งคนรักและฆาตกร
“รอข้าหน่อยนะเจโน”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in