เทอมนี้เราไม่มีเรียนวิชา TU100, 103, 106 นะคะ เพราะเราเซ้มได้จากการสอบ TU Greats (ใครสงสัยลองค้นในกูเกิ้ลไม่ก็ทวิตเตอร์เด้อ) ทำให้วิชาที่จะลงเรียนมีน้อย เราเลยคิดจะลงวิชาเรียนของปี 2 และวิชาโทเลย เพราะจะได้ไม่เสียเวลา วิชาที่เราเรียนมี 6 ตัว และนั่นคือหายนะค่ะ
1. AS201 KOREAN CULTURE AND INNOVATION (A)
วิชาเสรีตัวแรกที่เราลงเรียน พูดง่ายๆ เป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นสื่อบันเทิง เครื่องสำอางค์ ระบอบปิตาธิปไตยในเกาหลี ลงเรียนเพราะมีแต่คนแนะนำว่าเก็บ A ง่าย (และคิดว่าเราก็จะเก็บวิชาเสรีง่ายๆ ต่อไปเพราะวิชาคณะกับวิชาโทหัวจะปวดของจริง 5555) ส่วนตัวตอนไปเรียนสบายมากค่ะ อาจารย์ก็จะผลัดเปลี่ยนเวียนมาสอนในสาขาที่ตัวเองถนัด สิ่งที่เราทำก็คือฟัง ฟัง ฟัง และฟังค่ะ เทอม 2 เราถึงขั้นโดดเกือบทุกคาบเพราะมันแค่เข้าไปฟังเฉยๆ ไม่ได้ออกข้อสอบ เพราะวิชานี้ไม่มีสอบค่ะ แต่จะให้จับกลุ่มกันทำรายงานทั้งมิดเทอมและไฟนอล แต่ก็ถือว่ายากอยู่นะ เพราะอาจารย์ถึงจะดูสบายๆ แต่ตรวจรายงานก็ค่อนข้างเข้มงวดอยู่เหมือนกัน แต่โชคดีมีเพื่อนคอยแบก เก็บ A ไปเลย
2. TU111 THAILAND IN HISTORICAL, SOCIAL AND CULTURAL PERSPECTIVE (B)
วิชาส่วนที่ 2 ของมธ. ค่ะ ลงเพราะคิดว่าเก็บ A ง่าย(อีกแล้ว) เป็นวิชาที่เข้าไปนั่งฟังเหมือนกัน อาจารย์เลคเชอร์สบายๆ แต่คำเตือน ข้อสอบเป็นข้อสอบปรนัยเน้นท่องจำค่ะ ฉะนั้นสิ่งที่อาจารย์พูดทั้งหมดคือสามารถออกข้อสอบได้หมดเลย (ไม่รู้ว่าปีต่อๆ ไป อาจารย์จะออกข้อสอบแบบไหนนะคะ เพราะเมื่อก่อนออกข้อสอบเขียน เดาไม่ค่อยได้) วิชานี้จะสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในไทย ที่ไม่ได้มีแค่คุณงามความดีพระมหากษัตริย์ แต่จะสอนตั้งแต่ยุคที่คนไทยถือกำเนิด ไปจนถึงสิ่งที่ทำให้พระมหากษัตริย์เป็นใหญ่อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าฟังเพลินๆ ก็สนุกค่ะ แต่พอเป็นข้อสอบคือเราสมองไหลไปเลย ตอนทำข้อสอบก็ไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้นด้วยเพราะเทไปให้วิชาอื่นแล้ว ก็ยังดีค่ะที่ยังไม่เอฟ T__T
3. TU105 COMMUNICATION SKILLS IN ENGLISH (B+)
ไม่รูัว่าเด็กปีต่อๆ ไปจะเซ้มวิชานี้ยังไง แต่ใครที่เก่งอังกฤษและไม่อยากเรียนวิชาจุกจิกแนะนำให้หนีวิชานี้ไปค่ะ เป็นวิชาสอนภาษาอังกฤษโคตรพื้นฐานเหมือนเรียนตอนม.ปลาย แต่อาจารย์จะไม่เหมือนกันในแต่ละเซค ใครได้อาจารย์ดีก็โชคดีไป แต่เราไม่รู้จะอธิบายอาจารย์ที่ได้ว่ายังไงดี คือเขานิสัยดีนะ ถามได้ตลอดเวลา แต่เพื่อนในเซคเราเงียบมาก ไม่ค่อยตอบคำถามเขา และมันมีผลต่อคะแนนจิตพิสัยค่ะ ไม่ได้ให้ฟรี (อยากจะกรี๊ดดดดดดด) ส่วนงานสอบอื่นๆ อาจารย์ไม่ได้บอกแนวข้อสบ แต่กับเซคอื่นคือบอกข้อสอบแล้วให้ไปซ้อมเขียนมาเลย เป็นอาจารย์ที่ดีแต่นิสัยเข้มงวดค่ะ เฮ้อ ตามบุญตามกรรม
4. TU104 CRITICAL THINKING, READING, AND WRITING (B+)
วิชาที่เด็กมอท่อหนีไม่พ้น เพราะไม่มีให้เซ้ม ให้เลือกเรียน บังคับลงอย่างเดียว ซึ่งจะแยกเป็นเซคชั่นเล็กๆ ง่ายต่อการดูแล(?) เป็นวิชาที่เรียนไปทำไมก็ไม่รู้ ได้แต่อิหยังวะ และความประสาทแดกเข้ามาแทน ทุกคนจะได้สิทธิ์อาจารย์ประหลาดๆ ครบทุกคน (จากการสอบถามเพื่อนในเซคอื่น)
โอเคเข้าเรื่อง มันคือวิชาภาษาไทยตอนม.ปลาย อาจารย์ที่สอนก็เหมือนถอดแบบมาตอนม.ปลายเดี้ยะ สำหรับเด็กสังวิทที่เรียน sa110 จะงงค่ะ เพราะวิธีการเขียนมันต่างกันมาก สิ่งที่ได้จากการเรียนคือความทุกข์ทรมานค่ะ เป็นวิชาที่เกลียดที่สุดในเทอมนี้เลย ดีอย่างเดียวคือไม่มีสอบ
5. SO216 APPLIED STATISTICS FOR SOCIAL RESEARCH (A)
เรียกสั้นๆ ว่าวิชาสถิติค่ะ เป็นวิชาบังคับเรียนในคณะ ส่วนใหญ่จะไปลงตอนปี 2 กัน แต่เรามันเลือดนักสู้ ลงตอนนี้เลย ก่อนลงก็เตรียมใจมาว่าวิชานี้เหมือนเรียนวิชาสถิติม.ปลายเลยนะ นู่นนี่นั่น สรุป มันไม่ใช่ค่ะ มันเหมือนเรียนวิชาวิจัย (ฮา)
ท้าวความว่าอาจารย์ที่สอนคนเก่าเขาไปเรียนที่ต่างประเทศ ทางคณะหาตัวคนสอนไม่ทัน คนที่ใกล้ตัวที่สุดคืออาจารย์ที่สอนภาควิจัยเป็นหลัก (ก็สถิติน่ะ คือๆ กัน) ซึ่งเขาจะสอนแค่เทอมนี้เทอมเดียว ปีอื่นก็ให้อาจารย์ที่เก่งเรื่องสถิติจริงๆ มาสอน (ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนนี้ไม่เก่งนะ แต่มีคนอื่นที่เชี่ยวชาญกว่า 5555) ไม่รู้ว่าดีกับตัวเซคเรามั้ย เพราะสิ่งที่อาจารย์สอนคือแทบไม่ต้องใช้คณิต เพราะให้โปรแกรมทำให้หมด อาจารย์จะสอนวิธีการใช้โปรแกรมเป็นหลัก เสริมด้วยการเขียนวิจัย แน่นอนว่าต้องกระชับอย่าเวิ่นเว้อไม่งั้นจะโดนหักคะแนน ช่วงแรกๆ เราตั้งใจเรียน หยุมหัวกับอาจารย์ตลอด(อาจารย์คุยง่ายค่ะ คุยกันเป็นเพื่อนได้เลย) แต่เทอม 2 กิจกรรมเยอะ + เหลิง คิดว่ายังไงก็รอดก็เลยเทๆ ไปบ้าง สรุปตอนสอบแทบไม่รู้เรื่องเลยว่าเรียนอะไรไป แต่โชคดีที่อาจารย์เมตตาค่ะ สาธุ
6. JA315 CRIME VICTIMS AND FAMILY VIOLENCE (B+)
วิชาโทตัวแรกของเรานั่นเอง วิชานี้อยู่ในคณะสังคมสงเคราะห์ เอกสังคมสงเคราะห์ในกระบวนการยุติธรรม จากการที่เราไปศึกษามา วิชาเรียนใกล้เคียงกับศาสตร์ของอาชญาวิทยา เราเลยเลือกโทวิชานี้ และไม่ค่อยมีใครพูดถึงวิชาในเอกนี้ซักเท่าไหร่ เราเลยอยากออกมาเล่าให้ฟังว่าประสบการณ์ที่เรียนมันเป็นยังไง
วิชานี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจะเรียนเกี่ยวกับเหยื่ออาชญากรรมซึ่งจะพ่วงด้วยการช่วยเหลือทั้งนิติศาสตร์และสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ (ฉะนั้นมีกฎหมาย ไม่ต้องแตกตื่น) มีวิทยากรพิเศษมาบรรยาย มีงานกลุ่มให้สรุปคดีโดยให้เหยื่ออาชญากรรมเป็นตัวหลัก เสริมด้วยทฤษฎีที่เราเรียน ข้อสอบมิดเทอมก็เหมือนตอนที่ทำงานกลุ่ม ส่วนตัวคิดว่าเป็นวิธีการเรียนแบบทางตรงคือเรียนแบบไหนมาก็ตอบแบบนั้น แต่ให้ถูกตามที่อาจารย์สอนก็พอ เป็นอะไรที่เราชอบค่ะเพราะไม่ต้องนอกกรอบเยอะ 555
ช่วงที่ 2 จะสอนเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว อาจารย์เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่เคยไปช่วยเหลือด้านนี้มาจริงๆ การเรียนค่อนข้างสบายกว่ามากเพราะอาจารย์ไม่ได้ต้องการคำตอบที่ถูกต้องขนาดนั้น แต่จะฝึกเราให้วิเคราะห์ตามอาจารย์ มีวิทยากรพิเศษมาบรรยายและงานกลุ่มเหมือนๆ กัน แต่ที่พิเศษคืออาจารย์จะให้ฝึกทำเคสความรุนแรงในครอบครัวจริงๆ แถมข้อสอบออกกว้างมากเหมือนให้ตอบจากสิ่งที่เราเรียนมาทั้งหมดตามความเข้าใจ แต่เนื่องจากสมองเราไหลไปตามสถิติและกฎหมาย เลยรู้สึกว่าเขียนอะไรไม่รู้เรื่อง TOT ช่วงนั้นเรากังวลนิดหน่อยเพราะเข้าเรียนคาบแรกอาจารย์ก็ขู่เลย เพราะวิชานี้อิงกลุ่ม คนได้ A มีไม่ถึง 10 คน แต่เซคเรามีคนเรียน 100 กว่าคน แปลว่ามีสิทธิ์ F แน่ๆ แต่เราได้ B+ ดีใจแบบงงๆ เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in