“___เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน”“___ระยะทาง เป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์”
เราทั้ง 2 คน คงจะ H O L D กันต่อไปไม่ไหวในวันใดวันหนึ่งเพราะเหตุผลหลายๆอย่างที่คนสองคนต้องอดทนทั้งต่อกันและกันและต่อตัวเอง มันเหนื่อย
H : High in responsibilities
O : Over thinking
L : Long distance relationship
D : Desperate
“___เราเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ก็เห็นรักกันดีดี”
เออใช่แหละ เรารักกัน เราผูกพันธ์ หรือไม่ก็ อีกคนหนึ่งรักอีกคนแค่ผูกพันธ์ อะไรอีรุงตุงนังไปหมด แต่ที่แน่ๆเราไม่ได้รักเขามากพอเหมือนที่เขารักเรา แล้วใครหล่ะที่เรารัก คำตอบนั้นง่ายมากเลย “เรารักตัวเอง มากกว่าที่เรารักเขาและมากกว่าอะไรทั้งหมด” นี่แหละเป็นสาเหตุที่เรายอมแยกทางเดินกับเขาเมื่อวันนั้น เพื่อพาตัวเองมาสู่ฝัน ไกลถึงเมืองแขกนี่
ระยะทาง สังคมใหม่ๆทำให้เขาไม่ไว้ใจเรา แน่หล่ะเราก็ไม่ไว้ใจตัวเอง ชีวิตลูกเรือและ Life Style ที่เรารักทำให้เขาคลางแคลงใจและคิดมาก แล้วเราจะเดินต่อได้อย่างไร ต่างคนต่างอึดอัดเพราะต่างคนก็อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข
แต่คนเราไม่สามารถทนทรมานเพราะอยากให้อีกคนมีความสุขไปได้ตลอด
และนี่แหละที่เราคิดว่าเป็นรอยแผลที่เกิด หรืออาจจะเกิดขึ้นมานานแล้วในความสัมพันธ์ของเรา แต่เราไม่ค่อยจะเปิดปากพูดกัน เพราะกลัวจะเสียกันไป ก็เท่านั้นเอง
หลังจากผ่านเรื่องราวดราม่าทั้งหมด มาวันนี่เรา Commit Open Relationship มันจะพาเราไปสู่จุดไหนนะ วันหนึ่งเราจะกลับมาแต่งงานกัน หรือแยกย้ายกันไป รู้แหละว่าทั้งสองคนเตรียมใจกันไว้แล้ว ก็รอแต่เวลาและสถาณการณ์ หรือโชคชะตาพาไปแล้วกันนะ
แต่ถึงยังไง ยังไง ยังไง ยังไง
Its okay baby if I still the best you had.
และเขาก็ยังคงเป็นคนที่รู้มุมถ่ายรูปที่ดีที่สุดให้เราเสมอ
#รักมากแต่ยากจะอยู่ด้วย
“___สุดท้าย อาชีพแอร์ให้อะไรเรามากแต่ทำลายความสัมพันธ์ของเราจริงเหรอ”
ไม่ใช่อาชีพนี้หรอกที่จะทำลายความสัมพันธ์ของเรา
แต่คือตัวเราทั้งสองคนเองต่างหาก ที่จะเป็นคนทำลายหรือรักษามันไว้ ขึ้นอยู่กับเรา กับเราล้วนๆจ่ะแม่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in