โดย อาจารย์ทนนท์ ชาญชิตโสภณ
บันทึกเมื่อ 12/9/2560
หากมีข้อความใดที่ผิดไปจากพระคัมภีร์หรือต้องแก้ไขข้อมูล ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นในบทความนี้ได้เลยนะคะ
เมื่อกษัตริย์โยรัมโกรธพระเจ้า เขาจึงสั่งให้ทหารมาจับเอลีชา เพื่อรองรับความโกรธของตัวเอง เมื่อทหารมาถึง เอลีชาก็ได้บอกกับทหารว่า
แต่เอลีชาทูลว่า “ขอฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ แป้งอย่างดีถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล
และข้าวบาร์เลย์สองถังหนึ่งเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย”
2 พงศ์กษัตริย์ 7:1
จากพระคำตอนนี้ ทำให้เห็นถึงราคาอาหารที่ถูกจนน่าประหลาดใจ ทั้งที่เมืองกำลังพบกับภาวะกันดารอาหาร ดังนั้น ทหารของโยรัมจึงไม่เชื่อ
แล้วนายทหารคนสนิทของพระราชาตอบคนของพระเจ้าว่า
“ถ้าแม้พระยาห์เวห์ทรงสร้างหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้หรือ?”
แต่เอลีชาบอกว่า “ดูสิ ท่านจะเห็นกับตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กิน”
ทหารนายนี้ เป็นตัวอย่างของคนที่สิ้นหวัง และขาดความเชื่อ และสุดท้ายชีวิตของเขาก็เป็นไปตามที่เอลียาได้กล่าวไว้ว่า เขาจะได้เห็นแต่ไม่ได้กิน
ฝ่ายกษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายทหารคนสนิทให้เป็นนายประตู
และประชาชนก็เหยียบไปบนเขาตรงประตู
เขาจึงสิ้นชีวิตตามซึ่งคนแห่งพระเจ้าได้กล่าวไว้ในวันเมื่อกษัตริย์เสด็จลงมาหาท่าน
สิ่งที่เราได้จากทหารคนสนิทของโยรัม คือ คนสิ้นหวังจะหยุดตัวเองไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เขามักพูดให้คนอื่นหมดหวังไปด้วย
คนสิ้นหวังชอบพูดถึงข้อจำกัดและความเป็นไปไม่ได้ คนมีความหวังจะถามหาทางออกอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไร ความหวังที่แท้จริงจะออกมาตอนที่เราสิ้นหวัง และเราจะเรียนรู้ได้จากสถานการณ์นั้น
มีคนโรคเรื้อนสี่คนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง พวกเขาพูดกันว่า “เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า?
ถ้าเราพูดว่า ‘ให้เราเข้าไปในเมือง’ การกันดารอาหารก็อยู่ในเมือง และเราก็จะตายที่นั่น
และถ้าเรานั่งที่นี่เราก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้นจงมาเถิด ให้เราเข้าไปในค่ายของคนซีเรีย
ถ้าเขาไว้ชีวิตของเรา เราก็จะรอดตาย ถ้าเขาฆ่าเรา ก็ได้แต่ตายเท่านั้นเอง”
คนโรคเรื้อน เป็นกลุ่มคนที่สังคมรังเกียจในสมัยนั้น แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีปัญหาในชีวิตของตนเองอยู่แล้ว แต่พระเจ้าก็สามารถใช้เขาได้ และเขาเต็มใจรับใช้พระเจ้า
บทเรียนจากคนโรคเรื้อน คือ เราสามารถเป็นพระพรให้กับคนอื่นได้ แม้ตอนที่เรายังมีปัญหาในชีวิต เพราะจากสถานการณ์ของคนโรคเรื้อน เขาเหมือนคนที่ใกล้ตายจากความกันดาร ดังนั้น เขาจึงมองไปที่ค่ายของคนซีเรียและคิดว่า ถ้าเดินไปที่นั้นแล้วเขาฆ่าเราก็ตาย แต่ถ้าเขาไว้ชีวิตเราก็รอด ซึ่งดีกว่าการนั่งจมปลักอยู่ที่เดิม
ปัจจุบัน เมื่อเจอปัญหานั้น หลายคนเลือกที่จะถอยหลังกลับไปอยู่ที่เดิม หรือกลับไปอยู่ใน safe zone และพื้นที่ที่มีคนยอมรับเราอยู่เสมอ แต่อย่าลืมว่า การที่เราอยู่แต่ในเซฟโซนนั้น อาจจะไม่ใช้เซฟโซนจริง ๆ ก็ได้
หากออกไปใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าสั่ง อาจต้องพบปัญหาที่ทำให้เจ็บ แต่พระเจ้าต้องการให้เรามองและคิดไปข้างหน้า มากกว่าการถอยหลังกลับมาอยู่ในจุดเดิม
คือ พระเจ้าจะใช้ปัญหาสร้างชีวิตของเราให้เติบโต จงกล้าเคลื่อนชีวิตของตนไปข้างหน้า เพราะพระเจ้าได้จัดเตรียมหนทางไว้ให้เราแล้ว เราสามารถฟังเสียงพระเจ้าได้จากการเร้าจิตใจ และให้คลายความกังวลกับผลที่จะได้รับ พระเจ้าได้จัดเตรียมเส้นทางไว้ เพื่อรอคนที่กล้าเดินออกไปในทางที่พระองค์เตรียมไว้ให้เสมอ
เราสามารถใช้ชีวิตเพื่อทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้กับคนมากมายในอนาคต และทุกความเป็นไปไม่ได้ จะมีความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกเสมอ
เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย
เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป
โยชูวา 1:9
ถ้าวันนี้คุณกำลังพบกับปัญหาอะไรก็ตามในชีวิต และไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับมัน เราขอหนุนใจว่า ให้วางปัญหานั้นไว้กับพระเจ้า วางความกังวลและอธิษฐาน อย่าจมอยู่กับความเครียดหรือความเสียใจ
เพราะพระเจ้าสถิตย์อยู่กับคุณทุกที่
หากต้องการฟังคำเทศนาเพิ่มเติม สามารถกดฟังได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย
ขอพระเจ้าอวยพรทุกคน ขอบคุณค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in