ดูเหมือนนิยายรักสุดโรแมนติคแห่งปารีสในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่สโมสรปารีส แซงต์แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอมบรรจงเขียนจะไม่ได้จบอย่าง Happy Ending เสียแล้ว แม้ว่าจะชนะบาร์เซโลน่าในวันดังกล่าวไปกว่า 4-0 แต่ทีมเอเลี่ยนอย่างบาร์ซ่าก็ได้สร้างปาฏิหารย์ให้เหล่ามนุษยชาติได้ประจักษ์แล้วว่า สิ่งที่สูเจ้าเหล่ามนุษย์ทำไม่ได้ เอเลี่ยนทำได้! และได้คว้าชัยให้กับทีมของตนด้วยสกอร์รวมกว่า 6-5 ที่คัมป์นู ในคืนที่ผ่านมา (8 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น)
โดยในเกมนัดล่าสุด ปารีสปราชัยไปถึง 6-1 และมีสถิติที่น่าสนใจว่า บาร์ซ่าสามารถยิงประตู 3 ลูกใน 10 นาทีสุดท้ายได้! ซึ่งเปแอสเชเองก็คงต้องถามตัวเองว่าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร
ภาพการฉลองประตูชัยในช่วงทดเวลาของเหล่าเอเลี่ยน
กระนั้น ในตลอดเวลา 90(+5) นาทีนั้น ผู้เล่นคนหนึ่งของเปแอสเชก็ได้แสดงให้เหล่าแฟนๆปาริเซียง และแฟนบอลทั่วไปได้ชื่นชมและปวดใจเล่นๆถึงฟอร์มของเจ้าตัว ด้วยความอุตสาหะและแรงใจ แรงกายที่มีมากกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่พยายามซัดประตูตีตื้นในช่วงท้ายเกมด้วยสกอร์ 3-1 ผู้ที่ทำให้แฟนๆปารีสฝันไปแล้วว่าได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ..... และเขาจะเป็นใครไม่ได้เลย นอกจาก เอดินสัน คาวานี่
ศูนย์หน้าปารีส แซงต์แชร์กแมง เอดินสันคาวานี่
ตลอดทั้งเกม เราจะเห็นคาวานี่วิ่งขึ้น วิ่งลงไปเล่นเกมบุกและช่วยเกมรับ ทั้งสกัดบอล ล้วงบอล ตามบอลตลอดเวลาอย่างกับว่าพลังงานเหลือเฟือเต็มถังซะอย่างนั้น ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ ดีกว่าแบ็คซ้ายเจ้าประจำอย่างเลแว็ง กูร์ฆซาว่าในเกมนั้นเสียด้วยซ้ำ! ซึ่งถ้าใครมาดูบอลคู่นี้อย่างไม่เคยรู้เรื่องบอลมาก่อน แมชเมื่อคืนคงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วคาวานี่เป็นศูนย์หน้า
มันคงเป็นสไตล์การเล่นของเจ้าตัว ที่ต้องการมีส่วนร่วมกับเกมให้ได้มากที่สุด ยอมลงไปเล่นเกมรับ ยอมแม้กระทั่งวิ่งจากประตูบ้านคนอื่นลงไปสกัดบอลหน้าบ้านตัวเองแทนกองหลัง ซึ่งภาพเหล่านี้ไม่ได้เห็นได้แค่ในเกมนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเกมในลีก และเกมกับทีมชาติต่างๆด้วย
แต่เขาคงลืมไปว่า ตัวเองเป็นกองหน้า และหน้าที่สำคัญของเขาคือการยิงประตู เมื่อโอกาสมาถึง แต่ไม่สามารถคว้ามันไว้ได้ มันก็คือความผิดของเขาทั้งสิ้น
แม้เจ้าตัวจะยิงได้ 1 ลูก แต่หากหลังจากนั้นพลาดและพาทีมแพ้ไป มันก็ไร้ความหมาย
ตั้งแต่รู้ผลจับฉลากประกบคู่กัน นอกจากแฟนๆปารีส และบาร์เซโลน่าที่ร้องระงมคิดว่าต่างฝ่ายต่างเจองานหิน ก็มีแฟนๆกลุ่มหนึ่งที่ต้องร้องกรี๊ด เพราะไม่อยากให้นักเตะในสายเลือดเดียวต้องมาเจอกันเอง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ประชาชนชาวอุรุกวัย
หลุยส์ ซัวเรส โคตรดาวยิงแห่งบาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นดาวยิงเพื่อนร่วมชาติอุรุกวัยกับคาวานี่ และเพิ่งคว้าดาวซัลโวยุโรปไปเมื่อซีซั่นก่อน เมื่อคืนก็ได้โชฝีเท้าเด็ดดวง ชนิดที่เล่นเอาคาวานี่กลับเข้าไปอยู่ในเงามืด และด้วยสัญชาติญาณแห่งเพชรฆาตของซัวเรสนี้เองที่ทำให้ในทีมชาติคาวานี่ผู้เป็นศูนย์หน้าธรรมชาติก็ต้องระเห็จไปเล่นริมเส้นไปโดยปริยาย
ที่อุรุกวัย ซัวเรสเป็นดั่งพระราชา
ซัวเรสเปรียบเหมือนศูนย์กลางความหวังของชนชาติอุรุกวัย เขาคือตำนานที่ยังคงมีลมหายใจ และยังเตะบอลอยู่ในระดับเวิล์ดคลาส หากจะกล่าวว่าซัวเรสช่วยเขียนแผนที่โลกให้มนุษยชาติรู้จักประเทศเล็กๆที่มีประชากรเพียง 3 ล้านคนอย่างอุรุกวัยก็คงไม่เวอร์วังไปนัก
กอปรกับบาร์เซโลน่าและลิเวอร์พูล(ทีมเก่าของเขา)ที่เป็นทีมมหาชนทีมหนึ่งของโลก #ความซัวเรส ก็ยิ่งทวีคูณความโด่งดังและเป็นที่รักใคร่ไปทั่วทุกหนแห่งในอุรุกวัย
เมื่อย้อนกลับมาดูเอดินสัน คาวานี่ ผู้มีโปรไฟล์เรียบง่ายในดินแดงอิตาลีและฝรั่งเศส ในทีมระดับชาวเมืองอย่างนาโปลีและปารีส แซงต์แชร์กแมง มันก็ย่อมเทียบกันไม่ติดอยู่แล้ว ไหนจะด้วยบุคลิคครุคริที่เจ้าตัวบรรจงปั้นให้เป็นสุภาพบุรุษลูกหนัง ที่ไม่ว่าจะโดน
จกก้นก็ทำตัวแมนๆ ศรีทนได้ ไม่มีความซุปตาร์กับเขาเอาซะเลย มันก็ยิ่งพาให้เขาอยู่ใต้เงาของซุปตาร์ดังๆ รวมถึงซัวเรสทุกครั้งไป
ยิ่งผลงานในโคปา อเมริกา 2 ครั้งหลังสุดที่เขาได้รับหน้าที่เป็นหน้าเป้าแทนหลุยซ์ ซัวเรส ที่ติดโทษแบน (จากการไปกัดไหล่จอร์โจ้ คิเอลินี่ตั้งแต่บอลโลกปี 2014! และในปี 2015 ก็ดันเจ็บยาวจนไม่ได้ลงให้ทีมชาติเลยแม้แต่แมชเดียวในรายการนั้น) เขาก็ยังพาทีมตกรอบตั้งแต่รอบแรก และไม่สามารถยิงได้สักลูก มันยิ่งทวีความห่างชั้นจากเพื่อนร่วมทีมชาติเข้าไปอีก และมันยิ่งทำให้คนอุรุกวัยที่ทั้งชีวิตมีแต่บอลรู้สึกว่า "ไม่ นี่มันไม่ใช่วิธีแห่ง *Garra Charrua คาวานี่มันพวก*ตายซาก!"
(Garra Charrua ชนพื้นเมืองของประเทศอุรุกวัย ผู้ยืนหยัดต่อสู้การล่าอาณานิคมจากมหาอำนาจยุโรป)
(Peco Frio แปลตรงตัวว่า หน้าอกเย็น (???) แต่ความหมายจริงๆคือ ไร้จิตวิญญาณแห่งนักสู้ หรือ ตายซาก นั่นเอง)
แน่นอนว่าตัวนักเตะอย่างซัวเรส และคาวานี่ ต่างก็เป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมานมนาน แถมยังเหมือนถูกผูกชะตาอย่างกับนิยายรักให้เกิดปีเดียวกัน เมืองเดียวกัน เล่นบอลมาด้วยกันตั้งแต่ในชุดเล็กที่นาซิอองนาล เอาเป็นว่าทั้งสองมีสายสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่แฟนบอลก็คือแฟนบอล ก็อดนำโปรไฟล์ทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ และมันมักจะเป็นคาวานี่ที่ดูยังไงๆก็ ... พระรองชัดๆ
คาวานี่และซัวเรสเมื่อเล่นให้ทีมชาติอุรุกวัย
และเมื่อมองย้อนกลับไปฤดูกาลที่ผ่านๆมา คาวานี่ที่เล่นในตำแหน่งริมเส้นเคียงคู่กับ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ศูนย์หน้าตัวเก๋าที่ปัจจุบันโยกไปค้าแข้งให้ยักษ์ใหญ่ทีมมหาชนอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแม้ว่าจะเล่นริมเส้นได้ดีประหนึ่งบอร์นทูบี ปีกซ้าย หรือแบ็คซ้าย (จนขนาดได้ฉายาว่า แบ็คซ้ายที่แพงที่สุดในโลก ... ที่จริงๆมันคือคำเหน็บแนม) แต่ภาพติดตาของผู้คนที่มองว่าคาวานี่เป็นหน้าเป้า ก็มองว่าทำไมหมอนี่ถึงยิงประตูไม่เอาอ่าวเอาซะเลยนะ? ทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นปีก แต่ก็ยังถูกนำสถิติไปเทียบกับบร๊ะเจ้าอิบราผู้เล่นศูนย์หน้าจริงๆจังๆ ซึ่งก็ย่อมต้องชิดซ้ายไปตามระเบียบ แม้อันที่จริงสิ่งที่นำมาเปรียบนั้นก็มีส่วนถูกอยู่ เพราะเมื่อไรก็ตามที่คาวานี่มีโอกาสได้โชว์ของเมื่อไร คาวานี่ก็มักทำพลาดไปอย่างน่าเสียดาย #น่าเขก จริงๆนั่นแหละ ซึ่งเมื่อเทียบกับศูนย์หน้าอย่างอิบราแล้ว คาวานี่มันก็แค่พระรอง(ที่ไม่เอาไหน)ชัดๆ
ฤดูกาลนี้เขาได้เลื่อนตำแหน่งมาเล่นศูนย์หน้าอย่างเต็มตัวให้กับสโมสรรัก โดยที่ไม่มีแบ็คอัพเลยแม้แต่คนเดียว! ซึ่งกล่าวกันว่า ปารีส แซงต์แชร์กแมงและกุนซืออูไน เอเมรี่ต้องการจะดึงศักยภาพในตัว(พลังแฝง??)ของนักเตะออกมาให้ได้มากที่สุด (ก็มากเกิ๊น ให้ลงซะทุกรายการ ยังไม่นับทีมชาติ!) ซึ่งมันก็ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ!
มันดูเหมือนจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคาวานี่ ไม่ใช่แค่ในถิ่นปาร์ค เดส์ แพรงส์ แต่รวมถึงในอาชีพค้าแข้งของเขา ที่ก่อนหน้านี้เคยติดทีมยอดแย่ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2015-2016 ที่ปารีสเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยปราชัยให้ทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์รวม 3-2
การรวมตัวของดาวแป้กประจำรายการยุโรป
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฟอร์มอันร้อนแรงของคาวานี่ในตอนนี้มันก็ยังไม่พอให้เขาลบเงาของเพื่อนร่วมทีมชาติอย่างซัวเรส และอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่างอิบราฮิมโมวิชลงได้ เพราะเมื่อมีการจัดโหวตให้เลือกคราใด เขาก็มักจะตกเป็นชอยส์ที่ 2 รองจากสองคนที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ร่ำไป เมื่อผลโหวตไม่เคยโกหกใคร สุดท้ายมันก็คงเป็นตัวคาวานี่เองที่เป็นตัวสำรองของแฟนๆทุกคน
แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยมีทีท่าทุกข์ร้อนอะไรนักกับสถานะนี้
หรือจริงๆแล้วชะตาลิขิตมาให้เขาเป็นได้แค่พระรองกันนะ?
ภาพจากเกมเมื่อคืน เมื่อซัวเรสเข้าไปปลอบใจคาวานี่ที่พาทีมพ่ายแพ้ไปอย่างน่าอดสู
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in