เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Break The Silence - Document Seriespaniiit
ตอนที่ 4: SPEAK YOURSELF
  • ผมมั่นใจว่าเมมเบอร์มีเรื่องให้ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันด้วยตัวเอง ณ ช่วงเวลานั้น ผมมั่นใจครับว่ามันมีแน่นอน แต่ว่า BTS นั้นเป็นกลุ่มคนที่พูดภาษาเดียวกัน เพราะงั้นเราเลยสื่อสารกันได้ดี ผมคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญเลยล่ะ เพราะพวกเราเข้าใจกันและกัน มันเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาปิดกั้นสิ่งต่างๆ เราพูดคุยกันในกลุ่มพวกเราเองถึงแม้ว่าจะเราไม่เห็นด้วยในบางสิ่ง เราเลยสามารถพูดคุยกันได้ครับ ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้ - นัมจุน


    พูดตรงๆเลยนะครับ ผมรู้สึกกดดันมากแม้ว่าผมจะไม่ได้แสดงออกไปก็ตาม มันกดดันมากเลยครับแต่ผมก็พยายามที่จะไม่กังวลเกี่ยวกับมัน ผมคิดอยู่บ่อยๆว่า “นี่ก็เหมือนคอนเสิร์ตอื่นๆแหละ” เลยไม่รู้สึกตกตะลึงกับเอเนอร์จี้มากมายข้างนอกสเตเดี้ยมนั่น และก็ไม่รู้สึกกลัวที่จะยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย นั่นคือสิ่งที่ผมบอกตัวเองอยู่บ่อยๆครับ - เจโฮป


    ณ ตอนนั้นผมคิดว่าสิ่งต่างๆที่เราได้ฝึกฝนมามันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเลยครับ มันไม่ใช่ว่าเราเตรียมตัวกันมาอย่างแจ่มแจ้งนะครับ ผมคิดว่าทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านการแสดงของเรา และทุกๆทักษะที่เราเฝ้าฝึกฝนมันอยู่ตลอดเวลา มันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติกับคอนเสิร์ตนี้เลยครับ ผมคิดว่านี่มันเป็นสิ่งพิสูจน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความสำคัญของการมีประสบการณ์เลยครับ - เจโฮป


    การได้มองผู้คนนับหมื่นๆคนจากบนเวลามันเป็นอะไรที่มีความสุขมากเลยครับ มันเป็นภาพที่สวยงามมาก มันเหมือนกับว่าเรากำลังชมพระอาทิตย์ที่สวยงามมากๆกำลังลับขอบฟ้า การที่ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกที่มีความสุข ตื่นเต้น ดีใจผ่านการกระทำหรือคำพูดได้นั้นเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยครับ และ ณ ตอนนั้นที่ผมรู้สึกว่ามันยากที่จะแสดงความรู้สึกของผมออกไป นัมจุนฮยองได้พูด(บนเวที)ว่า “พวกคุณคือความฝัน พวกคุณคือความสุขของพวกเรา” ผมก็คิดว่า เขาสามารถสื่อสารทุกอย่างออกมาได้อย่างชัดเจนได้ยังไงกันนะ? ก่อนที่ผมจะรู้ตัวผมก็ระเบิดความรู้สึกออกมาเลยครับ แล้วผมก็ร้องไห้หนักมาก - จีมิน


    “นัมจุนอา ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายพูดว่าอะไรแต่ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงใจในข้อความนั้นเลยล่ะ” - เจโฮป


    ข้อความในบทเพลงคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจมาเขียนดนตรีครับ เพราะผมเติบโตมากับการฟังเพลงอะไรแบบนั้น ไม่นานมานี้มีคนบอกว่าเพลงต่างๆที่เราฟังสมัยวัยรุ่นและวัย 20s มันมีผลกระทบมากมายต่อคุณในระหว่างที่คุณกำลังเรียนรู้กับชีวิต ผมอ่านเจอมาว่าเพลงที่คุณฟังในช่วงต้นๆของชีวิตนั้นมันมีความหมายมากๆ นั่นจึงเป็นความสำคัญของดนตรีที่สร้างคุณค่าให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผมไม่รู้หรอกครับว่าตอนนี้มันเป็นยังไงแต่ว่าแต่ก่อนมันเป็นแบบนั้น การที่เราสามารถทิ้งข้อความดีๆไว้กับใจพวกเขาได้มันจึงเป็นอะไรที่มันเยี่ยมยอดไปเลยครับ - ยุนกิ


    จริงๆแล้วมันไม่ใช่ข้อความที่พวกเราอยากจะถ่ายทอดมันออกไปหรอกนะครับ ผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอแหละ บางคนก็อาจจำนำเรื่องนี้กลับมาพูดอีกก็ได้ว่า “ในเพลง No more dream คุณบอกให้ผู้คนมีความฝัน และตอนนี้คุณกลับมาบอกว่าคุณไม่มีความฝัน” เขาอาจจะแบบว่า “คืออะไรอะ?”-- ในตอนนั้นผมอายุ 19 ปีเองครับ ถ้าจะบอกว่า “ตอนอายุ 19 ปี ผมต้องมีความฝัน แต่เมื่อผมได้มันมา ผมก็ไม่ต้องมีมันอีก” มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปนะครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าความฝันของผมคืออะไร ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็ยังฝันอยู่เลยครับ - นัมจุน


    มันไม่ใช่ว่าเราทำงานหนักกับการแสดงและพบเจอแฟนๆแค่เพราะพวกเราอยากบรรลุเป้าหมายเหล่านี้นะครับ ดังนั้นถ้าเราทำให้ดีที่สุดต่อไปเรื่อยๆเหมือนที่เราทำกันมาอยู่เสมอ ผมคิดว่าเราสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่มันดียิ่งขึ้นเกินกว่าที่เราเคยจินตนาการเอาไว้ไปได้อีกครับ ผมคิดว่าผลลัพธ์มันก็จะตามมาเอง เพราะงั้นเราก็จะทำให้ดีที่สุดต่อไปครับ - จองกุก


    ความคิดของผมมันเปลี่ยนแปลงไปเมื่อผมโตขึ้น มันคงตลกนะครับถ้าคนยังคงเป็นเหมือนเดิม ใช่ไหมล่ะ? ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ผมคิดว่าการที่เราเปลี่ยนไปยังไงนั้นสำคัญที่สุดครับ - ยุนกิ


    มันมีช่วงเวลาที่ผมรู้สึกหดหู่ครับ ในตอนที่ผมกำลังพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากและตอนที่ผมต้องการใครสักคนมาจับมือผมไว้ บางทีผมก็คิดว่า “ลืมมันซะเถอะ ฉันต้องการเดินบนเส้นทางนี้เองนี่” ผมรู้สึกอะไรแบบนี้อยู่บ่อยๆครับ แต่พอเราเริ่มทัวร์คอนเสิร์ต Love Yourself ผมก็หยุดคิดอะไรแบบนั้นไปครับ การที่ได้เห็นเมมเบอร์มีความสุขเวลาที่ผมมีความสุขนั่นก็ทำให้ผมมีความสุขเหมือนกันครับ ผมเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม แต่ผมคิดว่ามันคือจุดเปลี่ยนสำหรับผมครับ - คิมแทฮยอง


    โชคดีที่ผมทำเพลงด้วยข้อความความที่ผมต้องการจะสื่อออกไปอยู่เสมอ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าผมโชคดีครับ นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมใช้ชีวิตในทิศทางนั้นด้วย มันให้พลังงานบวกน่ะครับ - ยุนกิ


    สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวข้อความมากนัก เวลาที่ผมทำการแสดงและผมรู้สึกพอใจกับเสียงที่มันออกมา นั่นทำให้ผมคิดว่า “ผมร้องเพลงได้ดีจัง เป็นเพลงที่ดีอะไรแบบนี้นะ” ความคิดแบบนี้มันทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและนั่นทำให้ผมรู้สึกดียิ่งขึ้นด้วยครับ - จิน


    นัมจุนฮยองได้บอกบางอย่างกับผมซึ่งทำให้ผมหยุดและคิดทบทวนดูเป็นครั้งแรกเลยครับ...เขาบอกว่าเขาได้ยินเสียงพูดคุยของตัวเองและนั่นทำให้เขาตระหนักในทุกคำที่เขากำลังพูดมากยิ่งขึ้นไปอีก ผมจำได้เลยครับว่าเขาบอกผมแบบนี้ ผมคิดว่าผมเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันในปีที่ผ่านมา นั่นคือความสำคัญของคอนเสิร์ต SPEAK YOURSELF และแนวทางในการหาความหมายของชีวิตของผมด้วย..นั่นคือสิ่งที่ผมตระหนักได้ครับ - จีมิน


    พวกเราหวังว่าสักท่อนหนึ่งในเพลงของเรา ท่าทางที่พวกเราแสดงออกในคอนเสิร์ต หรือบางสิ่งที่เราได้พูดไปในการสัมภาษณ์ จะกลายเป็นช่วงเวลาที่สว่างสไวสำหรับสถานการณ์ต่างๆ เพราะงั้นในการสัมภาษณ์ ตอนที่พวกเราถูกถามว่า “ข้อความของคุณคืออะไร?” มันไม่มีอะไรที่ผมอยากจะพูดอีกแล้วครับ ผมอยากจะรักษาความว่างเปล่านี้และเติมเต็มตัวเองให้กับผู้อื่น เพื่อที่คนอื่นจะได้เห็นและได้รับแรงบันดาลใจที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับผมเลยนะครับ - นัมจุน


    มันไม่ได้เกี่ยวกับการรู้จักมากนัก...ขอบคุณแฟนๆที่ทำให้ได้สะท้อนมองตัวเองและค้นพบตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าพวกเขาสามารถสะท้อนตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้นจากการมองดูพวกเราครับ - จีมิน


    ผมไม่ได้อยากจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่หรือเป็นผู้มีอิทธิพลนะครับ ตราบใดที่ผู้คนมองดูพวกเราแล้วยิ้มและมีความสุข นั่นก็คือทั้งหมดที่ผมต้องการแล้วล่ะครับ - จิน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in