-3.5 ครึ่งหลัง-
"เด็กคนนี้เป็นลูกข้า ข้าคลอดเขาเองกับมือ เจ้าเชื่อหรือไม่"
เว่ยอู๋เซี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มเกลื่อนหน้า สื่อความว่าเขาอยากกลั่นแกล้งหลานจ้านผู้ที่จริงจังไปเสียทุกเรื่องให้โมโหเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่หอตำราแห่งกูซูหลาน ทั้งส่งคำพูดหยอกเย้าก่อกวนทุกวิถีทาง แม้ถูกคาถาปิดวาจาจนแทบหายใจไม่ออกก็ยังเขียนขอร้องกระทั่งวาดรูปเหมือนงอนง้อเขาก็ทำ หนักข้อก็แทรกหนังสือวังวสันต์ไว้ในพุทธคัมภีร์อย่างไม่กลัวบาปกรรม หวังเพียงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของหลานวั่งจีเขาก็มีความสุข
แต่วันเวลาเหล่านั้นมิอาจหวนคืนอีกแล้ว...
หลานวั่งจีไม่หันมามองเว่ยอู๋เซียน ยังคงกำหมัดแน่น หยาดโลหิตสีสดตกลงพื้นห้องอย่างเงียบงัน คล้ายว่าถ้าโทสะยังไม่คลาย เขาจะไม่หันกลับมามองเว่ยอิงให้อีกฝ่ายได้เห็นท่าทีของเขาในตอนนี้เด็ดขาด
"หลานจ้าน มือเจ้า ไอ้หยา ข้าแค่ล้อเล่น ไม่นึกว่าเจ้าจะคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้!" เว่ยอู๋เซี่ยนว่าพลางแตะมือของหลานวั่งจี เขาพยายามดึงอีกฝ่ายให้หันกลับมามองเขาแต่ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจเดินออกไปเรียกเสี่ยวเอ้อร์เพื่อขอยาและผ้าพันแผล จากนั้นก็เดินกลับมาดึงวั่งจีให้ออกห่างจากเตียงที่มีอาเยวี่ยนหลับอยู่ สังหรณ์ร้ายอย่างหนึ่งเตือนเขาว่าในเวลานี้หลานจ้านไม่ควรอยู่ใกล้เจ้าก้อนแป้งน้อยของเขา "มา มา มานั่งนี่ ให้ข้าดูแผลหน่อย"
เว่ยอู๋เซี่ยนรับกล่องยามาจากเสี่ยวเอ้อร์แล้วโบกมือไล่ให้ออกไปเพราะรู้นิสัยหลานจ้านดีว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับเขามากเกินความจำเป็น เมื่อเห็นฝ่ามือที่ยังกำแน่นเริ่มสั่นเบาๆ เว่ยอู๋เซี่ยนจึงต้องแกะนิ้วของหลานวั่งจีออกทีละนิ้วอย่างทุลักทุเล ใช้ผ้าสะอาดเช็ดเลือดออกแล้วโรยยาสมานแผลไป ปากก็พร่ำบ่นไปด้วย "หลานจ้านนะหลานจ้าน เจ้าก็รู้ว่ามือของเจ้าสำคัญมาก ถ้าไม่มีมือคู่นี้ เจ้าจะดีดฉินจับกระบี่ได้อย่างไร รู้จักรักถนอมร่างกายตนเองเสียบ้าง ร่างกายนี้บิดามารดามอบให้อย่าได้ทำอะไรให้เป็นห่วง..."
ขณะที่กำลังพันแผลให้อีกฝ่าย มือที่บาดเจ็บนั้นของหลานวั่งจีก็ทาบที่อกซ้ายของเขา เว่ยอู๋เซี่ยนเงยหน้ามองหน้าหลานวั่งจีอย่างตระหนก พลันได้เห็นแววตาที่ระคนเจ็บปวดของเขา
แววตาเดี๋ยวกับตอนที่หลานจ้านไม่อาจเกลี้ยกล่อมเขาให้กลับไปกูซูพร้อมกันได้
"หลานจ้าน"
"...เจ้าก็เช่นกัน รู้ว่ามีคนห่วง จะได้ไม่แบกรับอะไรเพียงลำพังอีก"
เว่ยอู๋หลุบตาลงต่ำ มีคำพูดมากมายที่เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายรับรู้...แต่รับรู้แล้วได้อะไร? ถึงแม้จะรับรู้ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ สู้ปล่อยให้ผ่านเลยไปเสียยังจะดีกว่า "ข้ารู้ แต่ตอนนี้มือเจ้าสำคัญกว่า ดีที่เล็บจิกเข้าไม่ลึกมาก ใส่ยาพันแผลสักสองสามวันพอแผลตกสะเก็ดก็หาย"
หลานวั่งจีพยักหน้ารับรู้ ก่อนยกมือที่ได้รับการรักษาขึ้นมอง จากนั้นจึงมองไปยังเตียงนุ่ม อาเยวี่ยนนอนอยู่ในส่วนด้านในของเตียง มีผ้าห่มพับทบกันกลิ้งตกเตียง ท่าทางไร้เดียงสาเฉกเช่นกับผู้ที่เลี้ยงดู...เขาเห็นดังนั้นจึงค่อยคลายโทสะลง "เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลยนะ ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร?"
"เด็กคนนี้เป็นลูกของญาติห่างๆของเวินหนิง แซ่เวิน ชื่อเยวี่ยน" เว่ยอู๋เซี่ยนที่เตรียมคำตอบเป็นอย่างดีเอ่ยตอบอย่างร่าเริง ขณะที่เปลี่ยนมาใส่ยาที่มือของหลานวั่งจีิอีกข้าง
หลานวั่งจีทำสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อสกุลเวิน แต่เว่ยอู๋เซี่ยน
"..." เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบวาจา ในเมื่อเว่ยอิงอยากให้เขาเชื่อเช่นนั้นล่ะก็...
"ข้าขอโทษนะหลานจ้าน ข้าเล่นไม่เข้าเรื่อง ทำเจ้าเจ็บตัวจนได้" เว่ยอู๋เซี่ยนเกาแก้มแก้เก้อ
"เรื่องนี้ไม่สมควรล้อเล่น" เขาเอ่ย "อย่าเล่นอีก"
"ได้ๆ หลานเอ้อร์เกออุตส่าห์เตือนถึงขนาดนี้ เว่ยอิงจะไม่แกล้งอีก" เว่ยอิงเอ่ย ท่าทีเกรงอกเกรงใจดูเสแสร้งจนน่าขัน "ว่าแต่หลานจ้าน เจ้าจะกลับเลยหรือไม่?"
"...จะอยู่อีกวัน"
คำเอ่ยเบาๆของหานกวงจวินทำเอาเว่ยอิงกระพริบตาปริบ คนที่เถรตรงราวกับไม้บรรทัดคนนั้นปกติเมื่องานเสร็จก็จะตรงดิ่งกลับกูซูทันที นี่เขาบอกว่าจะอยู่อีกวัน เขาหูฝาดหรือไม่!? "อีกวัน?"
"งานเสร็จก่อนกำหนด เลยคิดว่าจะอยู่ที่อี๋หลิงอีกวัน"
ยิ่งฟังเหตุผลนั้นก็ยิ่งนึกขบขัน เว่ยอู๋เซี่ยนจึงไม่คิดจะทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่กับหลานวั่งจีอีก "ดียิ่ง ข้าเองก็จะกลับล่วนจั่งกั่งพรุ่งนี้เช่นกัน อย่างไรเสียเราไปเที่ยวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ ข้าจะนำทางให้เอง!"
"อืม..." เขาพยักหน้า จากนั้นจึงปรายตามองที่โต๊ะอาหาร "เจ้าไม่ดื่มเหล้า?"
"สุราอี๋หลิงเลิศรสไม่เท่าเทียนจึเซี่ยวของกูซูหรอก เลยไม่คิดจะดื่มน่ะ" เขาโกหก ที่ไม่แตะสุราแม้เพียงนิดก็เพราะอาเยวี่ยนหรอก ใครจะอยากให้ลูกอารมณ์ดีทั้งวันเพราะดื่มนมผสมเหล้าที่ไหวเวียนข้นเข้มในกระแสเลือดผู้ให้กำเนิดเช่นเขาล่ะ
"สุราอู่เหลียงเย่ (สุราที่หมักจากข้าวเหนียว ข้าวโพด ข้าว ข้าวสาลี กลิ่นหอมแรง ใสไร้สี ฤทธิ์แรง) ของอี๋หลิงได้ยินว่ารสเลิศไม่แพ้เทียนจึเซี่ยว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่เคยลองดื่ม"
"เจ้ารู้ได้อย่างไร เคยดื่มหรือ?" เขาตาวาว ใจจริงอยากเห็นหลานวั่งจีเมามายสักครั้ง
"ในหอตำรามีบันทึกไว้"
"..."
"..."
เว่ยอู๋เซี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปาก เด็กน้อยที่รู้เรื่องเหล้าเพียงนิดริอ่านมาแนะนำเขาเชียวรึ หึๆ
"หลานจ้าน..."
"พรุ่งนี้ถ้าจะมา ไม่ต้องอุ้มเด็กคนนี้ลงไป" วั่งจีเอ่ยเรียบๆ
"ทำไมล่ะ?"
"เด็กทารกควรได้รับการพักผ่อน ตากแดดตากลมมากจะไม่สบาย" เขาอธิบาย
"ต...แต่ว่า"
"ถ้าเจ้ากังวลเรื่องนม ก็จ้างเด็กรับใช้ป้อนนมแพะให้เขาแทน นมแพะมีสรรพคุณคล้ายกับนมแม่ อย่างไรเสียก็ไม่ทำให้ท้องเสีย"อีกฝ่ายยังอธิบายเกี่ยวกับเด็กไหลลื่นจนเว่ยอู๋เซี่ยนจุปาก
"หานกวงจวิน หานกวงจวิน นี่ถ้าเราไม่รู้จักกันมาก่อน ต้องนึกว่าเจ้าแต่งงานมีลูกแล้วแน่" เว่ยอู่เซี่ยนเดินวนรอบตัวหลานวั่งจี นี่คือหลานจ้านผู้เย็นชาคนนั้นจริงหรือ?
"ในหอตำรามีบอก" เขาเอ่ย
"มีบอกน่ะ ข้าเข้าใจ แต่ทำไมต้องอ่านด้วย?" เว่ยอู่เซี่ยนเอ่ย พลางยิ้มกริ่ม "อา...หรือว่าเจ้าต้องใจเซียนสาวสกุลใดเข้าหรือไม่ ถึงขนาดวางแผนมีบุตรด้วยกันกับนาง"
"..." วั่งจีหันมามองเขา เอ่ยเสียงเรียบ "ไม่มี"
"โธ่เอ๋ย จะเล่นตามน้ำกับข้าสักหน่อยก็ไม่ได้" เว่ยอิงยิ้ม "เอาเถอะ เรื่องอาเยวี่ยนน่ะ ข้าจะคิดดูอีกที แต่ไม่รับปากนะว่าจะทำตามที่เจ้าพูด"
"อืม" เขาพยักหน้า ก่อนมองสำรับที่เย็นชืดหมดแล้ว "กินอิ่มหรือไม่?"
"เพราะเจ้านั่นล่ะ ข้าถึงกินไม่อิ่ม" อีกฝ่ายทำแง่งอน แต่สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มกว้าง "ไม่เป็นไร กับข้าวพวกนี้ ข้าจะ..."
"สั่งใหม่" เขาเอ่ยเพียงสองคำก็เดินไปที่ประตูเรียกเสี่ยวเอ้อร์มา จากนั้นจึงสั่งอาหาร มีไก่นึ่งราดน้ำมันพริก เต้าหู้หม่าโผว น้ำแกงกระดูกหมูตุ๋นรากบัว ...ล้วนเป็นอาหารที่เว่ยอู๋เซี่ยนโปรดปรานทั้งสิ้น
เว่ยอู๋เซี่ยนแม้จะยังไม่เข้าใจว่าหลานวั่งจีมาอยู่ที่อี๋หลิงได้ถูกที่ถูกเวลาได้อย่างไร จะบังเอิญหรือว่าจงใจ แต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่เขารู้สึกดีใจที่ได้พบคนรู้จัก...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in