สัมภาษณ์เมื่อ 10 กรกฎาคม 2021 11:00
“อยากมีผลงานแสดงนำร่วมกัน”ฝันที่เป็นจริงของโยชิซาวะเรียว และยามาดะยูกิ ได้ถูกเปิดเผยผ่านการคุยแลกเปลี่ยนอย่างสนิทสนมเกี่ยวกับภาพยนตร์“TOKYO REVENGERS”
โยชิซาวะ เรียว และยามาดะ ยูกิ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นักแสดงดาวรุ่งในขณะนี้แต่พวกเขาได้กลายเป็นนักแสดงผู้ฉุดดึงวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นไปพร้อมกับชื่อเสียงและความสามารถของตัวเองแล้ว จากละคร “Tomodachi Game” (17)ที่ได้แสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก ทำให้มิตรภาพส่วนตัวของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้น จนกลายมาเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ผู้คอยปันแรงบันดาลใจให้แก่กัน ต่อมาก็เป็น “TOKYO REVENGERS” ผลงานล่าสุดที่พวกเขาได้แสดงร่วมกัน(เริ่มฉายวันที่ 9 กรกฏาคม) ในบทไมค์กี้ หัวหน้าขององค์กรนักเลง “โตเกียวมันจิไค” และรองหัวหน้าดราเค่นสายสัมพันธ์อันแท้จริงของทั้งคู่ที่อยู่เหนือบทละครได้ถูกสะท้อนออกมาครั้งนี้จะเป็นการสัมภาษณ์ทั้งสองคนโดยเฉพาะ นึกย้อนกลับไปถึงกองถ่ายที่โปรยปรายด้วยดอกไม้ไฟอันรุ่มร้อนกับเหล่านักแสดงหน้าใหม่อย่างคิตะมูระ ทาคุมิ และฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเสน่ห์ของพวกเขาทั้งสองกัน
ผลงานต้นฉบับคือ “โตเกียวรีเวนเจอร์ส” โดยวาคุอิ เคนที่กำลังถูกตีพิมพ์ใน “นิตยสารโชเน็นรายสัปดาห์” ทาเคมิจิ(คิตะมูระ) ชายหนุ่มผู้หมดแรงบันดาลใจ ไร้อาชีพมั่นคงกำลังอยู่ในจุดตกต่ำที่สุดของชีวิต วันหนึ่งเขาได้ทราบข่าวว่าฮินะ(อิมาดะ มิโอะ)อดีตแฟนเพียงคนเดียวในชีวิต ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุหลังจากนั้นเขาก็ถูกใครสักคนผลักลงรางรถไฟใต้ดิน แล้วจู่ ๆ ก็ข้ามเวลากลับไปสมัยมัธยมปลายจากนั้นจึงได้วางแผนแก้ไขอดีต เพื่อช่วยชีวิตฮินะและเพื่อเปลี่ยนชีวิตอันขี้ขลาดของตัวเอง
“TOKYO REVENGERS” ศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
โยชิซาวะรับบทเป็นไมค์กี้ หัวหน้าแก๊ง “โตเกียวมันจิไค” (เรียกกันว่าโตมัน)ที่ทำให้ฮินะประสบอุบัติเหตุ ส่วนยามาดะรับบทเป็นรองหัวหน้าดราเค่น หรือริวงูจิเคน ลองคิดดูแล้ว อย่างในซีรี่ย์ “Tomodachi Game” หรือละครกลางวัน“Natsuzora” ก็มีบทเพื่อนกันอยู่มากมาย แต่ “TOKYOREVENGERS” ได้เผยเสน่ห์ของการแสดงอันทุ่มเทและสานสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
“ตอนมองกระจกพวกเราก็ชมรูปโฉมของกันและกันไม่ขาดปากเลยครับ (หัวเราะ)” (โยชิซาวะ)
(ภาพ)ไมค์กี้และดราเค่นผู้แผ่ออร่าอันเข้มข้น การถ่ายทอดวิชวลจากผลงานต้นฉบับก็เป็นที่เลื่องลือ
――จากการ์ตูนต้นฉบับที่มีแฟนคลับผู้คลั่งไคล้ ดูเหมือนว่านักแสดงทุกคนก็มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงตัวละคร และประยุกต์การแต่งตัวให้เข้ากับบทบาทอยู่พอสมควรสินะครับ
โยชิซาวะ “เพราะวันแรกเป็นฉากของทาเคมิจิ ดราเค่น และไมค์กี้ ตอนมองกระจกพวกเราก็ชมรูปโฉมของกันและกันไม่ขาดปากเลยครับ (หัวเราะ)”
ยามาดะ “ใช่ ๆ ปกติไม่ค่อยมีเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่ แต่คราวนี้ทุกคนก็คงกังวลแหละเนอะ”
โยชิซาวะ “เพราะไม่ค่อยเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ เลยรู้สึกว่าชมคนอื่นไว้ก่อนแล้วจะได้รับคำชมตอบแทนเอง ประมาณว่า แล้วฉันล่ะเป็นไง?”
ยามาดะ “ตอนเห็นเรียว ผมก็พูดออกมาว่า ‘นั่นมันไมค์กี้นี่นา!’”
โยชิซาวะ “ผมเองก็พูดออกมาว่า ‘นั่นมันดราเค่นนี่นา!’ เหมือนกันครับ (หัวเราะ) ทุกคนสุดยอดกันหมดเลย”
—คุณยามาดะคิดว่าคุณโยชิซาวะกับไมค์กี้มีจุดร่วมกันตรงไหนบ้างครับ
โยชิซาวะเรียวที่แสดงเป็นไมค์กี้ หัวหน้า “โตเกียวมันจิไค” (เรียกกันว่าโตมัน)
ยามาดะ “ความแข็งแกร่งของแก่นแท้ที่ไม่สั่นคลอนครับ ไม่ได้โพล่งออกมาว่า ‘ฉันเป็นแบบนี้!’ แต่ให้ความรู้สึกว่ากำลังซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างในเขาเหมือนไมค์กี้ตรงนั้นครับ อีกอย่างหนึ่ง ไมค์กี้ออกจะกวน ๆ อยู่สักหน่อย ความจริงแล้วเรียวเองก็มีแง่มุมที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันแบบนั้นอยู่เหมือนกันตอนผมอ่านมังงะก็คิดว่า ‘นี่มัน เรียวชัด ๆ เลย!’ ครับ”
โยชิซาวะ “แบบนั้นหรือเปล่านะ?”
ยามาดะ “ที่จริงคิดว่าติดงอมแงมเลยล่ะ ส่วนนักแสดงคนอื่นที่จะเล่นเป็นไมค์กี้ได้ผมนึกชื่อไม่ออกเลยครับ”
โยชิซาวะ “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ!”
――คุณโยชิซาวะคิดว่าคุณยามาดะกับดราเค่นมีจุดร่วมกันยังไงบ้างครับ?
โยชิซาวะ “ตรงที่คอยเฝ้ามองเพื่อน ๆ ครับ ยามาดะคุงรับบทเป็นผู้สร้างความสนุกสนานในกองถ่ายและทำให้บรรยากาศอบอุ่นยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังใส่ใจคนอื่นมากด้วย ส่วนดราเค่นก็เป็นคนที่มองบรรยากาศรอบตัวหากมีใครกำลังล้มลง เขาก็จะส่งเสียงเพื่อฉุดดึงขึ้นมาและสร้างความฮึกเหิมทั้งหมดครับ”
“เรียวเป็นคนชอบพยายามอย่างหนักอยู่ในมุมมืดตอนถ่ายจริงเขาบอกว่าร้องไห้ไม่ออก แต่ก็ฝึกร้องไห้มาเยอะแล้ว” (ยามาดะ)
ภาพถ่ายของทั้งสองคนซึ่งได้แสดงร่วมกันเป็นครั้งที่สาม/โคโรกิ มาโฮะ
――ในฐานะนักแสดงร่วมมีจุดไหนที่ชื่นชมกันและกันบ้าง
โยชิซาวะ “มีเยอะเลยครับ ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเจ้าตัวแสดงด้วยอารมณ์แบบไหนแต่เขาเหมือนกำลังเข้าทรง จนไม่ว่าจะเล่นเป็นใครก็ดูเป็นสมบทบาทไปหมดจริง ๆส่วนตัวผมเวลาแสดงก็มียั้งมือ และเผยส่วนที่เป็นตัวเองออกมาบ้างแต่เขาดื่มด่ำกับมัน จนชวนให้สงสัยว่าจะไปไกลถึงไหนกัน บางครั้งก็มีชั่วขณะที่สัมผัสได้ถึงความอันตรายจากฉากนั้นๆ และรู้สึกอิจฉาไม่น้อยเลย”
ยามาดะ “ว้าว! ตั้งใจดูผมมากเลยสินะครับ ตัวผมเอง ตั้งแต่เมื่อก่อนก็คิดว่าถ้าสวมบทตัวละครนั้นได้จริงก็คงดี ผมแสดงด้วยความรู้สึกที่ว่า “ทุกจิตวิญญาณจงเปลี่ยน!” หากสิ่งนั้นสื่อไปถึงคนดูได้ก็จะดีใจมากเลยครับ”
ยามาดะ ยูกิ เล่าถึงเสน่ห์ของโยชิซาวะ เรียว และชื่นชมการแสดงผ่านสายตาของโยชิซาวะอย่างสุดซึ้ง/โคโรกิ มาโฮะ
――คุณยามาดะคิดยังไงกับวิธีการของคุณโยชิซาวะครับ
ยามาดะ “ตอนให้สัมภาษณ์ร่วมกับเรียว เขาบอกว่า “ผมไม่ใช่พวกที่จะดำดิ่งเข้าไปในตัวบท”แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิดและดูเหมือนว่าเขากำลังใช้ชีวิตเป็นตัวละครนั้นอยู่จริง ๆซึ่งเรื่องนั้นอาจไม่ได้มาจากการคำนวณของเรียวเลย ถ้าหาสักจุดที่มันพอดีกับตัวเองได้ความสมดุลนั้นก็จะยอดเยี่ยมมาก ส่วนตัวคิดว่าเขาแสดงสีหน้าได้อย่างละเอียดอ่อนโดยเฉพาะ “เทคนิคการแสดงด้วยสายตา” ที่เหนือชั้นนอกจากนั้น ความจริงเรียวเป็นคนชอบพยายามอย่างหนักอยู่ในมุมมืด ตอนถ่ายจริงรอบแรก เขาบอกว่าร้องไห้ไม่ออกแต่ก็ฝึกร้องไห้มาเยอะแล้ว ใช่มั้ยครับ?”
โยชิซาวะ “ใช่เลย ๆ (หัวเราะ) ในหนังมีฉากให้ร้องไห้อยู่ แต่ถ่ายซ้ำกี่รอบก็ร้องไม่ออกสักทีสุดท้ายก็ต้องใช้ยาหยอดตาฤทธิ์เย็น ๆ เพื่อเค้นน้ำตาออกมาแต่พอเป็นแบบนั้นแล้วรู้สึกเจ็บใจ เลยตั้งใจว่า “จะร้องไห้อาทิตย์ละครั้ง”แล้วก็ฝึกครับ ดูหนังบ้าง นึกถึงเรื่องที่เคยเศร้าใจซ้ำไปซ้ำมาบ้างกระตุ้นความรู้สึกจนกว่าน้ำตาจะไหลออกมาครับ”
ยามาดะ “เนอะ! แต่ดูสภาพไม่เหมือนคนที่ทำขนาดนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ ผมคิดว่าจริง ๆแล้วเป็นเขาคนมุ่งมั่น และในฐานะนักแสดงแล้วไม่มีอะไรเอาชนะตรงนั้นได้เลยส่วนผมเป็นประเภทที่ชอบคิดว่า “ทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้สิ! อาไม่ได้แล้ว!” เลยมองว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยครับ
โยชิซาวะที่ยามาดะเล่าว่าว่า “จริง ๆแล้วเป็นคนชอบพยายามอย่างหนักอยู่ในมุมมืด”/โคโรกิ มาโฮะ
――เพราะแทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงได้เคารพนับถือซึ่งกันและกัน อย่างนั้นเหรอครับ?
โยชิซาวะ “คงจะเป็นแบบนั้นแหละ”
ยามาดะ “นั่นสินะครับ แต่จะไม่ไปบอกเด็ดขาดว่า “ทำแบบนั้นดีกว่า”และไม่เคยยัดเยียดซึ่งกันและกันเลย”
“อยากมีผลงานแสดงนำร่วมกับยามาดะคุงในสักวัน”(โยชิซาวะ)
――ผลงานแสดงร่วมกันครั้งแรกคือละครเรื่อง “Tomodachi Game” ได้ยินมาว่าคุณโยชิซาวะแนะนำให้คุณยามาดะรับบทมิคาชิ เท็นจิแล้วมีจุดไหนของคุณยามาดะที่น่าดึงดูดบ้างครับ
โยชิซาวะ “คงจะเป็นละครเรื่อง “STROBE EDGE” ที่ผมดูยามาดะคุงเล่นเพราะเป็นการแสดงที่ประทับใจไปหมดทุกส่วน จึงเกิดความรู้สึกอันเรียบง่ายว่าอยากแสดงด้วยกันสักวันหนึ่ง บทของเท็นจิต้องใช้ทักษะการแสดงเป็นอย่างมากจึงอยากให้คนที่แสดงได้ดีมารับงาน ผมปรึกษากับผู้จัดการว่า “ยามาดะคุงจะมาเล่นมั้ยนะ”และหลังจากนั้น ก็ได้ยามาดะคุงมาแสดงเลย ดีใจมาก ๆ เลยครับ”
ภาพยามาดะ ยูกิ ที่แสดงเป็นรองหัวหน้า “โตเกียวมันจิไค” นามว่าดราเค่น
ยามาดะ “ผมก็ดีใจมาก ๆ เหมือนกัน แล้วคนที่แนะนำว่า “โตเกียว รีเวนเจอร์ส” สนุกก็คือเรียวผมจึงรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งครับ แต่ความจริงแล้ว ตอนแรก ๆ ผมก็ได้ดู“AO-HARU-RIDE” ของเรียว แล้วก็รู้สึกว่าคนนี้เก่งจังเลยตอนได้ยินข้อเสนอผู้จัดการ ก็เอ่ยปากว่า “อยากจะแสดงให้ได้!”เลยครับ
――แม้กระทั่งช่วงทักทายบทเวทีผู้จัดการก็รายงานว่าทั้งสอง “มีสัมผัสการแสดงที่สอดคล้องกันเป็นอย่างดี”แล้วจุดไหนสอดคล้องกันอย่างเป็นรูปธรรมบ้างครับ?
(ดูภาพ)ภาพชูสองนิ้วด้วยกันก็มี! โยชิซาวะ เรียว และยามาดะ ยูกิ ผู้ผูกพันด้วยความสัมพันธ์ที่เชื่อใจกันอย่างลึกซึ้งและยังมีภาพอื่น ๆ อีกมากมาย / โคโรกิ มาโฮะ
ยามาดะ “อย่างพวกจังหวะและบรรยากาศรู้สึกว่าเราสองคนสามารถสร้างบรรยากาศร่วมกันได้” เพราะโยนบอลรับบอลได้เป็นอย่างดีจึงสบายใจได้ว่า ต่อให้พูดบทไหน ก็จะโต้ตอบกลับมาได้อย่างสมบูรณ์”
――ทั้งสองคนเป็นทั้งเพื่อนที่แสนดีและคู่แข่งที่ดีเลยทีเดียว แล้วหลังจากนี้ มีสิ่งที่อยากขอกันและกันบ้างมั้ยครับ?
โยชิซาวะ “มาถึงจุดนี้ อยากมีผลงานแสดงหลักด้วยกันอีกสักชิ้น จะเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนหรือจากงานเขียนชิ้นไหนก็ได้”
ยามาดะ “อยากเล่นจัง! เอาบทที่ไล่ล่ากันเองก็ได้ หรือจะบทที่ช่วยกันไล่ล่าคนร้ายก็ได้อยากลองเล่นบทที่หักหลังกันกลางคันด้วยครับ”
โยชิซาวะ “อันไหนก็ได้เนอะ คิดว่าสักวันคงจะได้เล่นแน่นอน”
ยามาดะ “แน่นอน อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าสักวันคงทำได้เลยไม่ค่อยได้พูดออกมาสักเท่าไหร่”
――รู้สึกว่าสองคนนี้มีเคมีเข้ากันดีและเข้าใจความรู้สึกกันจริง ๆ เลยครับ
ยามาดะ “แต่ว่าบางครั้งผมก็กังวล ว่าตัวเองรู้สึกแบบนั้นไปคนเดียวหรือเปล่า”
โยชิซาวะ “ส่วนผมตรงกันข้าม ตอนนี้ไม่กังวลเลยสักนิด แต่ก็เมื่อก่อนก็คิดนะว่าตั้งใจจะเป็นเพื่อนกันถึงขนาดนี้แล้วทำไมยามาดะคุงกับไม่ชวนผมไปดื่มด้วยล่ะ…(หัวเราะ)”
ยามาดะ “เรื่องนั้น พูดมาหลายรอบแล้วนะ (ยิ้มแห้ง)”
โยชิซาวะ “โดยปกติแล้ว วันไหนผมอยากดื่มกับใครสักคน ก็จะชวนยามาดะคุงก่อนเป็นคนแรกแต่ยามาดะคุงกลับไม่ทำอย่างนั้น ต่อให้เขาชวนผม ก็ชวนหลังจากมีมา 5-6 คนแล้วครับ”
ยามาดะ “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย (ยิ้มแห้ง) เรื่องแบบนั้นไม่เคยมีหรอกครับ(ปฏิเสธสุดฤทธิ์)
――ก็เพราะทั้งสองคนเป็นผู้รับบท จึงถ่ายทอดมิตรภาพอันเร่าร้อนระหว่างไมค์กี้กับดราเค่นได้สินะครับสุดท้ายนี้ มีตรงไหนที่อยากให้ดูเป็นพิเศษมั้ยครับ
ฉากที่ทาเคมิจิกับไมค์กี้และดราเค่นปั่นจักรยานกัน และสร้างมิตรภาพให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โยชิซาวะ “ผลงานบันเทิงที่วาดอารมณ์ลุกโชน เรียบง่าย ออกมาอย่างซื่อตรงถึงขนาดนี้คิดว่าแทบไม่เห็นเลยตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เรื่องแยงกี้หรือสถาบันหรอกแต่การสร้างแต่ละตัวละครออกมาอย่างยอดเยี่ยม กับการแสดงที่สนุกสนานแม้จะเป็นแค่เครื่องปรุงรสง่าย ๆ ก็ทำให้อาหารอร่อยได้ ไม่ว่าช่วงวัยใด คิดว่าพอได้ดูเรื่องนี้ก็จะฮึกเหิมขึ้นมาอย่างแน่นอนเลยอยากให้มาดูกันเยอะ ๆ ครับ
ยามาดะ “พอทาเคมิจิเริ่มข้ามเวลากลับไปยังอดีต ก็ได้ตระหนักว่า “ช่างเป็นชีวิตที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” แต่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแบบนั้นได้นั่นหมายความว่ามีหลายสิ่งที่สัมผัสและเลือกทำได้เฉพาะในตอนนี้หากคนดูได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัจจุบันก็จะดีไม่น้อย เมื่อทำแบบนั้นก็น่าจะเห็นค่าของทุก ๆ วันมากกว่าเดิม แล้วไปดูกันให้ได้เลยนะครับ”
รวบรวมและเรียบเรียง: ยามาซากิ โนบุโกะ
https://moviewalker.jp/news/article/1040677/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in